เปิดตำราสร้าง “ชนาธิป” เบื้องหลังความสำเร็จที่แข้งเยาวชนทุกคนสามารถเดินรอยตาม

Nuttanon Chankwang

เปิดตำราสร้าง “ชนาธิป” เบื้องหลังความสำเร็จที่แข้งเยาวชนทุกคนสามารถเดินรอยตาม  image

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชื่อนี้ไม่มีคนไหนในไทยไม่รู้จัก ต่อให้ไม่ใช่แฟนกีฬาก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเขาผ่านหูมาบ้างในฐานะนักฟุตบอลเบอร์ 1 ของประเทศไทยในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ใช่แค่ได้รับการยอมรับแค่ในไทย แต่ดังไกลไปถึงประเทศญี่ปุ่น 

ความยอดเยี่ยมของชนาธิปบนผืนหญ้า ทำให้เรามองเขาในฐานะนักเตะพรสวรรค์ระดับสูง ยิ่งประกอบกับฉายา “เมสซี่เจ” ทำให้เรามักมองเขาในฐานะภาพตัวแทนของ ลีโอเนล เมสซี่ ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านฟุตบอล กลายเป็นความเชื่อว่าชนาธิปไม่มีทางล้มเหลวในเส้นทางลูกหนัง ด้วยความสามารถมากมายที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด

แต่ในความจริงแล้วนั่นคือหลุมพรางที่ทำให้เราชื่นชมชนาธิปน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาต้องผ่านอุปสรรคมากมาย กว่าจะประสบความสำเร็จในระดับของนักฟุตบอลไทยที่ไม่เคยทำได้มาก่อน กับการก้าวไปเล่นในเจลีกยุคใหม่ได้เป็นคนแรก และยืนระยะมาจนถึงปัจจุบัน 

 

ไม่ใช่เมสซี่เมืองไทย

แม้ว่าชนาธิปจะถูกนำชื่อไปเปรียบเทียบกับลีโอเนล เมสซี่ ตั้งแต่สมัยเพิ่งแจ้งเกิดใหม่ ๆ ในวงการฟุตบอลไทย แต่ย้อนไปตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กชีวิตของเขากลับไม่มีเส้นทางอะไรเหมือนเมสซี่แม้แต่นิดเดียว 

ในทางกลับกัน เส้นทางของชนาธิปกลับคล้ายคลึงกับเส้นทางของ ซน ฮึง มิน ยอดตัวรุกชาวเกาหลีใต้อย่างมาก เนื่องจากมีคุณพ่อเป็นทั้งครู และคนผลักดันดันสำคัญให้ประสบความสำเร็จ 

เพราะแท้จริงแล้ว ชนาธิปไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ระดับโลกตะลึง แต่เขาเกิดมาพร้อมกับความขยัน, ความเป็นนักสู้ และการทำงานหนัก เนื่องจาก “คุณพ่อจุ้ง” ก้องภพ สรงกระสินธ์ คือคนที่เคี่ยวเข็ญให้ชนาธิป ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริง ตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนอยู่ในระดับแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เท่านั้น

“เมื่อก่อนเราซ้อมหนักมาก ไม่รู้ซ้อมไปทำไม” ชนาธิปเคยกล่าวย้อนความหลัง สะท้อนให้เห็นชีวิตของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมเวลาสนุก ๆ เล่นกับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วไป แต่ต้องมาซ้อมฟุตบอลอย่างเข้มงวดภายใต้การนำของคุณพ่อ ซึ่งด้วยมาตรฐานของคุณพ่อก้องภพที่วางไว้สูงต้องการให้ลูกไม่ใช่แค่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ต้องไปติดทีมชาติให้ได้ ยิ่งทำให้เขาต้องฝึกหนักมากกว่าเด็กทั่วไปหลายเท่าตัว

ประกอบกับสไตล์ “ดีก็ชม ห่วยก็ด่า” ของคุณพ่อ ทำให้ตั้งแต่ชนาธิปเจอความกดดันอย่างหนักตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งประกอบกับวัฒนธรรมสังคมแบบเอเชีย การใช้กำลังในการลงโทษลูกย่อมมีบ้าง ถ้าไม่ใช่เด็กที่จิตใจเข้มแข็ง มีความอดทน เป็นจิตวิญญาณของนักสู้ การโดนแรงกดดันและความเข้มงวดในระดับนี้ อาจทำให้เด็กระไม่ไหว และออกนอกลู่นอกทางได้แบบสบาย ๆ 

แต่ไม่ใช่กับชนาธิป สิ่งหนึ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวตลอดคือ “ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้” แน่นอนว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเด็ก ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจของพ่อก็มีตลอด หลายครั้งที่เขาถามตัวเองว่า จะซ้อมฟุตบอลไปทำไม?

แต่เขาก็รู้ดีว่าทุกอย่างที่พ่อทำไปก็เพื่อหวังดีต่อตัวเขา และกำลังทดสอบเขาอยู่ว่า จะผ่านความยากลำบากตรงนี้ไปได้หรือไม่ 

“มีวันหนึ่งผมเคยเตะบอลอัดพ่อเลย โชคดีแล้วที่วันนั้นพ่อไม่ตบ (หัวเราะ)” ชนาธิปสัมภาษณ์ย้อนถึงความหลังที่ตอนนี้เป็นความทรงจำที่งดงามของเขา 

“แต่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะพ่อ เพราะโค้ชทุกคนที่มาสอน เด็กๆ ทุกคนก็เป็นแบบผมได้ ต้องมีเบสิกที่ดี ขอบคุณพ่อมาก ๆ”

Chanathip Songkrasin Brisbane Roar v Muangthong United AFC Champions League 21022017

แค่คนตัวเล็ก 

ยิ่งอายุมากขึ้น ชนาธิปยิ่งเข้าใจว่าทำไมพ่อของเขา ต้องปลูกฝังให้เขาสู้มาตั้งแต่เด็ก เพราะพออายุเริ่มเข้าสิบขวบ เขาได้รู้ว่าตัวเองตัวเล็กกว่าเพื่อนนักฟุตบอลคนอื่นมาก และแม้ว่าเขาจะฝึกกับคุณพ่อมาอย่างหนัก จนเริ่มกลายเป็นนักฟุตบอลที่มีเบสิคฟุตบอลชั้นเลิศ เขาก็ไม่เคยได้เล่นฟุตบอลในระดับโรงเรียน เพราะไม่มีโค้ชคนไหนยอมให้คนตัวเล็กแบบเขาลงไปเล่น มีแต่จะเลือกคนตัวใหญ่ที่ต่อให้ทักษะไม่ดีแค่ไหน ก็ยังได้ลงเล่นอยู่ดี 

แต่อุปสรรคแค่นี้ไม่มีทางหยุดชนาธิปได้ เขาย้ายโรงเรียนจากโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร สู่โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ ก่อนจะกลับมาเรียนที่บ้านเกิดที่โรงเรียนสามพรานวิทยา จังหวัดนครปฐม ซึ่งชนาธิปได้เริ่มต้นเดินสายเล่นฟุตบอลให้กับโรงเรียนต่าง ๆ รวมถึงเล่นให้กับทีมจังหวัดนครปฐมด้วย 

ด้วยวัยเพียง 13 ปี ชนาธิปหอบความกล้าออกไปลุยเล่นฟุตบอลเดินสายในระดับผู้ใหญ่ ซึ่งกับเด็กตัวเล็กแบบเขาคงเป็นเรื่องที่ดูบ้ามาก ๆ กับการเลือกออกไปลุยในสนามฟุตบอลที่ไม่ได้อยู่ในระดับอาชีพ และความรุนแรงในสนามแข่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะผู้เล่นทุกคนพร้อมสู้สุดใจ เพื่อชิงเงินรางวัลจากการแข่งขันมาให้ได้

แต่ว่าชนาธิปกลับมองเป็นโอกาสของการพัฒนา ทั้งได้เรียนรู้การแข่งขันจริงในระดับผู้ใหญ่ และเป็นการเปิดโอกาสให้เขาสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เพราะเมื่อยิงประตูได้ จ่ายบอลให้คนอื่นยิงได้ ทั้งที่ยังเป็นเด็ก เขาก็รู้ตัวเองว่าดีพอที่จะเล่นฟุตบอลในระดับที่สูงกว่านี้ 

เมื่อขึ้นสู่ระดับชั้นมัธยมปลาย ฝีเท้าในการเล่นฟุตบอลของชนาธิปก้าวนำเพื่อนร่วมรุ่นไปเยอะ แต่ไม่มีอะไรง่ายกับเส้นทางลูกหนังของเขา เพราะชนาธิปต้องเริ่มสร้างความฟิตให้กับตัวเอง เขาต้องวิ่ง วิ่ง วิ่ง แทบทุกวัน จนกว่าเขาจะมีร่างกายที่ฟิตพร้อม เล่นได้ตลอด 90 นาที ไม่มีแรงหมด 

ชีวิตของชนาธิปมีแต่คำว่า “ซ้อม” ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อเป้าหมายเป็นนักฟุตบอลที่ดี สำหรับเด็กคนหนึ่งคำว่า “ท้อ” เกิดขึ้นอยู่แล้ว ยิ่งครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ไม่ได้มีเครื่องทุนแรงมาช่วยให้งานของเขาให้สบายขึ้น ความยากลำบากในการเป็นนักฟุตบอลของชนาธิปยิ่งไม่เคยจางหายไปไหน

“คือมันอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกที่สุดหรอก เราก็แค่โค้ชบ้าน ๆ แต่ผมว่ามีวันนี้เพราะซ้อมหนัก แต่ก็สร้างเราจนถึงทุกวันนี้” ชนาธิป กล่าว 

Getty Images

ถึงแม้ว่าวันนี้ชนาธิปจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่เขาก็ต้องเจอความผิดหวังบ่อยครั้งในช่วงวัยรุ่น เพราะไปคัดตัวกับหลายโรงเรียนชั้นนำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อแม้แต่น้อย แต่กลายเป็นแรงผลักดันให้ชนาธิปรู้ตัว เขายังดีไม่พอ และต้องเก่งมากกว่านี้ 

“ความพ่ายแพ้ไม่ใช่หนทาง การคัดไม่ติดไม่ใช่หนทางที่จะบอกให้เราเลิกเล่นฟุตบอล” ชนาธิปเล่าย้อนความหลัง กับความจริงที่แสดงให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เมื่อเขาเป็นนักเตะระดับเจลีกในทุกวันนี้

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

การต่อสู้ที่ญี่ปุ่น

ชนาธิปก้าวไปได้ไกลกว่าที่หลายคนจะคาดฝัน เขากลายเป็นนักเตะที่มีราคาค่าตัวแพงมากกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นที่ได้ย้ายทีมผ่านการซื้อขายในเจลีกโดยตรง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแข้งรายนี้ได้รับการยอมรับมากแค่ไหน กับลีกฟุตบอลเบอร์หนึ่งของทวีปเอเชีย

แต่ย้อนไปในปี 2017 ก่อนที่ชนาธิปจะย้ายมาเล่นในเจลีก กับคอนซาโดเร ซัปโปโร นักเตะรายนี้ต้องเผชิญหน้ากับคำดูถูกมากมาย ทั้งจากคนไทยด้วยกัน และชาวญี่ปุ่นที่ไม่ได้ให้การยอมรับในตัวเขา 

“ช่วงก่อนย้ายมาที่นี่ ก็ถูกคนไทยด้วยกันดูถูกว่า ไม่น่าจะเล่นในเจลีกได้ เพราะตัวเล็กกว่าคนญี่ปุ่น แถมเขายังเร็วและคล่องกว่าด้วย” 

“ตอนที่ผมย้ายไปเล่นที่เจลีก (ที่ซัปโปโร) มีเพื่อนร่วมทีมไม่กี่คนที่อยากเข้ามาทักทาย ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเรื่องของชาตินิยมด้วย … มันเป็นสิ่งที่เราพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้วว่า ถึงแม้จะตัวเล็กแต่ก็เล่นในระดับนี้ได้” ชนาธิปเคยให้สัมภาษณ์ถึงแรงกดดันที่เขามาหา กับการไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น

Getty Images

แต่สำหรับชนาธิปในวัยที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขารู้ดีว่าฟุตบอลคือความสุขของเขา ทุกครั้งที่เขาได้มีโอกาสก้าวลงสู่สนาม ฟุตบอลช่วยให้เขาลืมความเครียดทุกอย่างไปจากชีวิต ดังนั้นไม่ว่าเขาจะต้องเจอแรงกดดันมากเพียงใด ก็ไม่มีอะไรจะพรากความฝันที่อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอลไปจากเขาได้

นอกจากจะไม่มีย่อท้อจากแรงกดดัน ชนาธิปยังมุ่งมั่นเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองเสมอ เขาตั้งใจเรียนรู้กับสปีดบอลที่เร็วขึ้นกว่าเดิมที่ญี่ปุ่น ปรับตัวเองให้ได้กับวัฒนธรรมฟุตบอลแบบใหม่ ทั้งที่ชนาธิปก็เคยยอมรับผ่านสื่อว่าในตอนแรกที่เขาย้ายไปเล่นที่เจลีก ไม่มีอะไรที่เขาคุ้นชินกับสไตล์การเล่นฟุตบอลของที่นี่เลย

แต่ด้วยบทเรียนที่ผ่านมาในชีวิต ชนาธิปรู้ดีว่าเขาจะต้องปรับตัว และพัฒนาต่อไป การยึดติดกับอีโก้ ความสำเร็จเก่า ๆ ในเมืองไทย ไม่มีทางจะทำให้เขาประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่น ซึ่งทุกวันนี้เราก็เห็นกันชัดเจนว่า ชนาธิปเก่งมากกว่าเดิมแค่ไหน และผลงานการเล่นให้กับสโมสรญี่ปุ่นถึง 144 นัด รวมถึงผ่านการติดทีมยอดเยี่ยมของเจลีกมาแล้ว คือเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่า ชนาธิปได้เดินในเส้นทางที่ถูกต้องมาตลอด แม้ว่าจะต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

แม้ว่าในปัจจุบัน ชนาธิปจะต้องเจอกับความยากลำบากครั้งใหม่ กับคาวาซากิ ฟอนทาเล่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะชิงตำแหน่งตัวจริงในทีมระดับลุ้นแชมป์เจลีก แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมมากขึ้น และกำลังพาฟอนทาเล่ลุ้นแชมป์เจลีกอยู่ในขณะนี้ 

Getty Images

ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ คือนักฟุตบอลไทยที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ทุกครั้งที่จะพูดถึงความหัศจรรย์ของเขา เราต้องรับรู้ว่าเขาผ่านความยากลำบากอะไรมามากมาย ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แบบที่หลายคนเข้าใจ และเขาต้องสู้ทุกครั้งเพื่อให้ได้รับการยอมรับ มาอยู่ในจุดที่ยืนอยู่ 

หากมองถึงเรื่องราวของชนาธิป เราอาจมองว่าจะประสบความสำเร็จแบบเขาได้ยาก หากไปโฟกัสแค่ความยอดเยี่ยมของเขาในสนามแข่งขัน แต่หากเรามองถึงทัศนคติ การต่อสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ในเส้นทางสายฟุตบอลของเขา เยาวชนรุ่นใหม่ที่เดินตามแนวทางของชนาธิปอาจประสบความสำเร็จไม่ต่างจากเขา หรือต่อให้ไปไม่ถึงดวงดาวแบบชนาธิป อย่างน้อยเด็ก ๆ ทุกคน ก็จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีคุณภาพ เข้ามายกระดับช่วยวงการฟุตบอลไทยได้อย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nuttanon Chankwang