เปิดประวัติ ชนาธิป สรงกระสินธ์ : แข้งเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ความหวังแนวรุก บีจี ปทุม

Francis Phumin

เปิดประวัติ ชนาธิป สรงกระสินธ์ : แข้งเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ความหวังแนวรุก บีจี ปทุม image

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลไทยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ การันตีได้จากผลงานในการเล่นให้กับทัพช้างศึกทุกยุคทุกสมัย

ซึ่งล่าสุด “เมสซี่เจ” แนวรุกจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็เพิ่งเป็นฮีโร่ให้กับคนทั้งประเทศ ด้วยการยิงประตูสุดสวย พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์คิงส์ คัพ สมัยที่ 16 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

วันนี้ The Sporting News Thailand จึงอยากพาทุกท่านไปรู้จักกับนักเตะผู้เปิดประตูให้แข้งไทยไปค้าแข้งที่เจลีกรายนี้กันมากขึ้น

Getty Images

ประวัติส่วนตัวของ ชนาธิป สรงกระสินธ์

  • ชื่อเต็ม : ชนาธิป สรงกระสินธ์
  • วันเกิด : 5 ตุลาคม 1993
  • อายุ : 31 ปี
  • น้ำหนัก : 56 กิโลกรัม
  • ส่วนสูง : 158 เซนติเมตร
  • ทีมที่เล่น : บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

เส้นทางลูกหนังของ ชนาธิป สรงกระสินธ์

ชนาธิป สรงกระสินธ์ เริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่อายุได้เพียง 4 ขวบ จากการปลูกฝังของ “คุณพ่อจุ้ง” ก้องภพ สรงกระสินธ์ ที่เป็นเหมือนโค้ชคนแรกในชีวิตของ ชนาธิป ก่อนที่ในเวลาต่อมา ชนาธิป จะได้เข้าไปศึกษาที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการราชดำเนิน หนึ่งในสุดยอดสถาบันลูกหนังขาสั้นของวงการฟุตบอลไทย หลังเรียนจบ ม.ปลาย

โดยในปีสุดท้ายกับสถาบัน ชนาธิป ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ประเภท ก. พ่วงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ เมื่อปี 2011 จนฟอร์มไปเข้าตา บีอีซี เทโรศาสน หรือ โปลิศ เทโร ในปัจจุบัน จึงจับเจ้าตัวเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร โดยผลงานชิ้นโบว์แดง คือการพา มังกรไฟจูเนียร์ ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ 2011

รับเครดิตฟรี ที่ M88 คลิก

และด้วยผลงานที่โดดเด่นเกินเพื่อน ๆ ภายในรุ่น ทำให้เทโรตัดสินใจใส่ชื่อของเขาลงเล่นไทยลีกในฤดูกาล 2012 ขณะที่ ชนาธิป อายุได้เพียง 19 ปี แต่แม้จะเป็นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในชีวิตแต่เขากลายเป็นตัวหลักของทีมทันที พร้อมทั้งมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ทำให้ในช่วงเวลานั้น ชนาธิป ถูกยกย่องว่าเป็นวอนเดอร์คิดของวงการฟุตบอลไทย

ฤดูกาล 2014 ชนาธิป ระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดเขาพาต้นสังกัดอย่าง บีอีซี เทโร ศาสน บินมาจบอันดับที่ 3 และที่สำคัญเขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ แรกในรอบ 12 ปี ด้วยการเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรายการ โตโยต้า ลีกคัพ อีกทั้งในช่วงปลายปีเขายังเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีมชาติไทย ในการคว้าแชมป์ อาเซียนเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นทำให้ปี 2016 ชนาธิป ได้ย้ายมาอยู่กับทีมใหญ่ระดับประเทศอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และได้ถือกำเนิด “เมืองทองยุคดรีมทีม” หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย โดยมี ชนาธิป เป็นคนสำคัญและหัวใจในเกมรุกของทีมชุดนี้ พร้อมช่วยให้ เมืองทอง คว้าแชมป์ไทยลีกฤดูกาล 2016 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่

Getty Images

จากสถิติ 6 ประตู 16 แอสซิตส์ จาก 57 นัด บวกกับแชมป์ไทยลีก 1 สมัย ทำให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมจากเจลีก ยื่นข้อเสนอยืมตัว ชนาธิป เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง เมื่อกลางปี 2017 ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวรีบตอบตกลงแบบไม่ลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นสุดยอดนักเตะของ “เมสซี่เจ”

แม้ในช่วงแรกชีวิตของ ชนาธิป ที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้ราบรื่นนัก หลังจากทำได้เพียงแอสซิตส์เดียวเท่านั้น ในเลกสองของเจลีกฤดูกาล 2017 แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เริ่มปรับตัวได้ ในฤดูกาล 2018 “ชนาธิปร่างทอง” ก็ได้จุติ

ชนาธิป ที่เริ่มเข้าที่เข้าทางกับระบบและจังหวะของฟุตบอลญี่ปุ่น มีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยการทำไป 8 ประตู 2 แอสซิตส์ จากการลงในลีก 30 นัด พร้อมทั้งพา “เค้าแมวเมืองเหนือ” จบอันดับที่ 4 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดของสโมสร เท่านั้นยังไม่พอ ชนาธิป ยังคว้าตำแหน่ง MVP ของสโมสรและได้รับการโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมของเจลีกฤดูกาล 2018 อีกด้วย ซึ่งจากผลงานดังกล่าวทำให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ตัดสินใจซื้อขาดด้วยสัญญา 6 ปี

แต่อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะสามารถพิสูจน์บนเวทีเจลีกได้แล้วจากการได้รางวัลต่าง ๆ  แต่สิ่งที่ ชนาธิป ยังขาดนั่นก็คือถ้วยรางวัลร่วมกับสโมสร มันจึงทำให้ฤดูกาล 2022 เกิดดีลใหญ่ที่สะเทือนวงการฟุตบอลไทยและญี่ปุ่น เมื่อ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศประกาศคว้าตัว ชนาธิป ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเฉียด 100 ล้านบาท

ซึ่งแน่นอนว่าการมาอยู่ทีมที่ใหญ่ขึ้นด้วยค่าตัวมหาศาลขนาดนี้ ความคาดหวังและความกดดันมันก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ชนาธิป เจอฝันร้ายและมรสุมรุมเร้าทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ โควิด รวมถึงโอกาสการลงสนามที่น้อยนิด เนื่องจากไม่เป็นที่ถูกใจของ โทรุ โอนิกิ และดูจะเล่นไม่เข้ากับระบบของ ฟรอนตาเล่ ที่เน้นแท็คติคอันซับซ้อน จึงทำให้ท้ายที่สุด ชนาธิป ที่ยังคงมีความกระหายในการเล่นฟุตบอล ตัดสินใจปิดฉากเส้นทางลูกหนัง 6 ปีที่ญี่ปุ่น และกลับมาเล่นที่ไทยลีกอีกครั้งกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2023-24

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

BG Pathum United

สโมสรที่เคยเล่น

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (2023-ปัจจุบัน)

  • ลงเล่น 42 นัด ยิงได้ 11 ประตู 13 แอสซิสต์

คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ (2022-2023)

  • ลงเล่น 27 นัด ยิงได้ 3 ประตู 3 แอสซิสต์

คอนซาโดเล่ ซัปโปโร (2017-2021)

  • ลงเล่น 123 นัด ยิงได้ 15 ประตู 22 แอสซิสต์

เมืองทอง ยูไนเต็ด (2016-2017)

  • ลงเล่น 57 นัด ยิงได้ 6 ประตู 16 แอสซิสต์

บีอีซี เทโร ศาสน (2012-2016)

  • ลงเล่น 188 นัด ยิงได้ 13 ประตู

ทีมชาติไทย (2012-ปัจจุบัน)

  • ลงเล่น 60 นัด ยิงได้ 11 ประตู 4  แอสซิสต์

แชมป์ที่เคยได้รับ

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

  • รีโว่ คัพ 1 สมัย : (2023-24)

เมืองทอง ยูไนเต็ด

  • ไทยลีก 1 สมัย : (2016)

บีอีซี เทโร ศาสน

  • โตโยต้า ลีกคัพ 1 สมัย : (2014)

ทีมชาติไทย

  • อาเซียน คัพ 3 สมัย : (2014, 2016, 2020)
  • เหรียญทองซีเกมส์ 2 สมัย : (2013, 2015)

รางวัลส่วนตัว

  • ผู้เล่นยอดเยี่ยม อาเซียน คัพ 3 สมัย : (2014, 2016, 2020)
  • ดาวซัลโว อาเซียน คัพ 1 สมัย : (2020)
  • นักเตะยอดเยี่ยม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร 1 สมัย : (2018)

บทความที่เกี่ยวข้อง

Francis Phumin

Francis Phumin Photo

นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้ที่หลงไหลในเสน่ห์ของฟุตบอล