ตระกูล "มัลดินี" เป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอิตาลี ความสำเร็จของตระกูลนี้ไม่ได้มาจากเพียงความสามารถของนักฟุตบอลแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ และรุ่นลูก ที่ต่างก็มีส่วนร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับทีมชาติอิตาลี
รุ่นปู่ "เซซาเร มัลดินี"
เริ่มกันที่คุณปู่ "เซซาเร มัลดินี" อดีตยอดกองหลังของ เอซี มิลาน และทีมชาติอิตาลี ท่านได้เสียชีวิตลงไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา
โดย เซซาเร ถือเป็นนักเตะในตำนานของ เอซี มิลาน ลงเล่นให้กับ รอซโซเนรี่ ไปถึง 412 เกม และติดทีมชาติอิตาลี 14 นัด ซึ่งเขาลงเล่นฟุตบอลอาชีพตั้งแต่ปี 1952-1967 คว้าแชมป์กัลโช่ 4 สมัย และครองเจ้ายุโรปได้ในปี 1963
หลังจากนั้น เซซาเร เริ่มจับงานคุมทีมด้วยการเริ่มเป็นผู้ช่วยของทีม มิลาน ในยุคของ เนเรโอ ร็อคโก้ เมื่อปี 1970 ต่อมาในปี 1972-1974 ก็ได้เป็นผู้จัดการทีมมิลาน เต็มตัว
จนกระทั่งปี 1980 เข้ามาเป็นทีมสต๊าฟของ ทีมชาติอิตาลี และมีส่วนสำคัญในการทำงานกับ เอ็นโซ่ แบร์ซ็อต กุนซือจอมเก๋าที่เคยพา ทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์โลกปี 1982
ถัดมาในปี 1986-96 เซซาเร ได้รับบทบาทให้คุม ทีมชาติอิตาลี ชุดยู-21 และคุมทีมชุดใหญ่ปี 1996-98 ซึ่งเขาพาขุนพลอัซซูรี่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1998 แต่ดันแพ้จุดโทษ ทีมชาติฝรั่งเศส
เซซาเร มักชื่นชอบทำทีมในสไตล์เหนียวแน่นเน้นเกมรับ แต่ไม่ได้รับลึกเหมือนกับหลาย ๆ กุนซือของอิตาลีชอบทำ แต่อาจจะบุกน้อยกว่ายุค อาร์ริโก้ ซ้าคคี่ ในยูโร 1996
สำหรับผลงานที่แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นครั้งสุดท้ายคือการคุม ทีมชาติปารากวัย ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก ปี 2002 และตกรอบ 16 ทีม หลังแพ้ ทีมชาติเยอรมนี 0-1
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
รุ่นพ่อ "เปาโล มัลดินี"
ต่อมารุ่นพ่อ "เปาโล มัลดินี" คือลูกชายแท้ ๆ ของ เซซาเร มัลดินี เขาอาจจะไม่เคยคว้าแชมป์เมเจอร์ของวงการฟุตบอลระดับโลกมากมาย รางวัลที่เคยได้สูงสุดคือ รองแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1994 และรองแชมป์ยูโร 2000
แต่โลกก็ยอมรับว่า เปาโล คือสุดยอดกองหลังของ ทีมชาติอิตาลี ด้วยผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมายในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เขาลงเล่นให้กับ เอซี มิลาน ยาวนานถึง 25 ฤดูกาลก่อนประกาศแขวนสตั๊ดตอนอายุ 41 ปี
หากจะพูดถึงถ้วยแชมป์ของ เปาโล คว้ามาครองได้อย่างต่อเนื่องถึง 25 รายการ ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงยุคปลายอาชีพ นับตั้งแต่ กัลโช่ เซเรีย อา 7 สมัย 1987-88, 1991-92, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1998-99, 2003-04
แชมป์โคปา อิตาเลีย 1 สมัย 2002-03, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา 5 สมัย 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03, 2006-07
แชมป์ซูเปอร์ คัพ 4 สมัย 1989, 1990, 1994, 2003, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย 1989, 1990, 2007
โดยเขาทำสถิติไว้มากมาย พร้อมกลายเป็นตำนานของโมสรลงเล่นให้กับ มิลาน มากที่สุด 902 นัด
เปาโล คือกองหลังที่เล่นทุกตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่ผู้คนจดจำมากที่สุดคือ "แบ็กซ้าย" ที่ยุคนั้น มิลาน ถือเป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างก็ล้มยาก เพราะเขามีสไตล์การเล่นที่ฉลาด เข้าสกัดบอลที่เด็ดขาด พร้อมกับมีทักษะที่ดีในการเล่นบอล จนได้รับฉายา “Il Capitano” หรือ “สุดยอดกัปตัน” ของ เอซี มิลาน
มัลดินี เผยว่าเขามองเรื่องในนี้มุมที่แตกต่าง เขาถูกปลูกฝังให้เป็นนักเตะของ เอซี มิลาน ตั้งแต่จำความได้ ไม่ใช่แค่เป็นนักเตะธรรมดา แต่ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพ่อให้ได้
สำหรับเขา มิลาน ไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอลแต่เหมือนกับเป็นบ้านหลังที่สองของเขาเลยทีเดียว
"ผมรักสโมสรแห่งนี้ มันเป็นสโมสรที่ทำให้ผมพร้อมที่จะมอบหัวใจและร่างกายให้แบบไม่ลังเล และผมก็เล่นจนถึงวันที่ผมแทบจะเดินไม่ไหว"
"ผมเริ่มเล่นที่นี่ตอนอายุ 10 ขวบ และแขวนสตั๊ดตอนอายุ 41 ปี เซซาเร พ่อของผมเป็นกัปตันทีมที่นี่ ลูก ๆ ของผมก็อยู่ที่อคาเดมีของสโมสร สำหรับผม มิลานไม่ใช่แค่ทีมแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต"
"สโมสรแห่งนี้มีประเพณีที่ยอดเยี่ยมที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนถึงช่วงเวลาของผม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงต้องการเกียรติประวัติมาประดับไว้ที่ เอซี มิลาน" มัลดินี กล่าว
รุ่นหลาน "ดาเนียล มัลดินี"
หลังจากที่ เปาโล มัลดินี แต่งกับ อาเดรียนา ฟอสซา ก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย "คริสเตียน มัลดินี" กับ "ดาเนียล มัลดินี"
แต่ดูเหมือนว่า คริสเตียน มัลดินี จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกับเส้นทางฟุตบอล สปอร์ตไลท์จึงมาฉายแสงที่ "ดาเนียล มัลดินี"
โดย ดาเนียล อาจจะเล่นตำแหน่งที่ผิดแปลกไปจาก รุ่นปู่, รุ่นพ่อ เพราะเขาชื่นชอบในเกมรุกพร้อมลงเล่นตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ (กองกลางตัวรุก) ให้กับ ทีมชาติอิตาลี ชุดยู-18, ยู-19
ที่ผ่านมาเขาสร้างประวัติศาสตร์ ที่นักเตะจากตระกูลเดียวกัน ลงสนามรับใช้ทัพอัซซูรี่ครบ 3 รุ่น โดยลงสนามให้ทีมชาติอิตาลี ในเกมเปิดบ้านชนะ อิสราเอล 4-1 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2024-25
สำหรับผลงานของ ดาเนียล มัลดินี ลงเล่นให้ ทีมชาติอิตาลี ไปแล้ว 1 นัด (เกมเจอ อิสราเอล) ส่วนในระดับสโมสรลงเล่นให้ มอนซ่า ทั้งหมด 19 นัด ยิงไป 5 ลูก กับอีก 1 แอสซิสต์
นอกจากสร้างสถิติให้กับตระกูล "มัลดินี" เขายังมีส่วนร่วมกับประตูที่สามของ ทีมชาติอิตาลี โดยจ่ายทะลุช่องให้ เดสตินี อูโดกี้ หลุดไปทำแอสซิสต์
"ผมภาคภูมิใจและมีความสุขมากที่ได้ลงสนาม และช่วยให้ทีมจบเกมนี้ด้วยดีเราครองเกมไว้ได้หมดจนกระทั่งเสียประตู แต่จากนั้นเรายังทำได้ดีในการเล่นฟุตบอลของตัวเอง และสามารถยิงคืนได้"
"ผมยิ่งมีความสุขเพราะครอบครัวผมอยู่ที่นี่ด้วย ผมจะกลับบ้านไปคุยกับพวกเขา ผมมอบช่วงเวลานี้ให้กับครอบครัว และเพื่อนทุกคนที่คอยมอบความรัก" ดาเนียล มัลดินี กล่าว
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เอซี มิลาน ปลด เปาโล มัลดินี่ ออกจากผอ.กีฬา เหตุทะเลาะกับเจ้าของสโมสร
- โชคไม่เข้าข้าง : 10 ยอดนักเตะผู้ไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์โลก
- ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี : แบ็คซ้ายผู้ล้มเหลวกับโรมา สู่หัวใจแนวรับคนใหม่ของอิตาลี