ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี : แบ็คซ้ายผู้ล้มเหลวกับโรมา สู่หัวใจแนวรับคนใหม่ของอิตาลี

Guy Tanapon

ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี : แบ็คซ้ายผู้ล้มเหลวกับโรมา สู่หัวใจแนวรับคนใหม่ของอิตาลี image

แม้ว่าจะไม่มี ลิโอนาโด โบนุชชี และ จอร์โจ คิเอลลินี คอยคุมแดนหลังให้เหมือนชุดแชมป์ยูโรเมื่อปี 2020 แล้ว แต่ทีมชาติอิตาลีชุดนี้ก็ยังคงเป็นทีมที่เกมรับเหนียวแน่นเหมือนเดิม ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็คือ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี

ไม่ว่าจะเป็นผู้บรรยายหรือตามหน้าสื่อต่าง ๆ แนวรับจาก โบโลญญา ก็ได้รับคำชื่นชมมาโดยตลอด จนถึงขั้นที่ว่าเขาถึงนำไปเปรียบเทียบกับ เปาโล มัลดินี ตำนานกองหลังของอัซซูรีเลยทีเดียว

แต่รู้กันหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ก่อนที่ คาลาฟิออรี จะมาโดดดังกับตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค เขาเคยเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ล้มเหลวกับ โรมา มาก่อน ก่อนที่จะมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาต้องโยกย้ายตำแหน่งมาเป็นปราการหลังตัวกลาง

เรื่องราวการเดินทางจากนักเตะโนเนมสู่ความหวังใหม่ในแนวรับของทีมชาติอิตาลียุคของ ลูเซียโน สปัลเล็ตติ จะเป็นอย่างไร ตามอ่านต่อได้ที่นี่เลย

แบ็คซ้ายตั้งแต่เกิด

ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี เกิดและเติบโตในกรุงโรมของประเทศอิตาลี โดยที่เจ้าตัวก็ได้รู้จับเกมลูกหนังมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีความชื่นชอบในกีฬาชนิดนี้ ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปอยู่กับอคาเดมีของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง โรมา ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

คาลาฟิออรี เล่นให้กับทีมเยาวชนของ โรมา ทุกชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดเยาวชน, ชุด U17 และ U19 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ อิตาเลียน ยูธคัพ (U17) และ และ อิตาเลียน ซูเปอร์โคปปา (U17) อย่างละ 1 สมัย

เจ็บหนัก

ทว่าปัญหาของ คาลาฟิออรี หลัก ๆ เลยก็คืออาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าขาดในเกมยูธลีกปี 2018 ซึ่งนั่นทำให้นักเตะอนาคตไกลอย่างเขาต้องหยุดชะงักและพักการเล่นฟุตบอลไปนานกว่า 1 ปี

ซึ่งในช่วงเวลานั้น คาลาฟิออรี ได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบอร์ต้น ๆ ของวงการ ซึ่งเป็นคนเดียวกันที่เคยรักษาให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดยที่เขามี มิโน ไรโอลา ซูเปอร์เอเยนต์ส่วนตัวในเวลานั้นเป็นคนติดต่อให้

"ความแข็งแกร่งของผมนั้นมันมาจากที่ผมอายุยังน้อย ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องอาการบาดเจ็บเลย ผมเข้าใจสถานการณ์ดีว่ามันเป็นอย่างไร ผมไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้เลย ผมเอาแต่ตั้งตารอวันที่ผมจะกลับมาลงสนามได้" คาลาฟิออรี พูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บของเขา

Getty Images

สู้ไม่ไหว

หลังจากที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บหนักได้ในปี 2020 คาลาฟิออรี ที่ถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ กลับไม่ได้มีโอกาสลงสนามมากนัก เพราะในตอนนี้ โรมา มีนักเตะตัวเก๋าอย่าง อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ครองตำแหน่งตัวหลักแบ็คซ้ายของทีมอยู่

บวกกับในตอนนั้น คาลาฟิออรี ก็ไม่ได้ฟิตเต็มที่สักเท่าไหร่ หลังเขามีอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงและกล้ามเนื้อค่อนข้างบ่อย ทำให้ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คาลาฟิออรี ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะลงไปโชว์ฟอร์มทีมชุดใหญ่ของ โรมา เลย

ทำให้สุดท้ายแล้ว สโมสรก็ได้ตัดสินใจปล่อย คาลาฟิออรี ไปให้ เจนัว ยืมตัวไปใช้ครึ่งฤดูกาลในช่วงหน้าตลาดหน้าหนาวของปี 2021-2022

และเมื่อกลับมาที่สโมสรอีกครั้ง คาลาฟิออรี ก็ไม่ใช่นักเตะตัวเลือกของ โรมา อีกต่อไป ก่อนที่ปลายเดือนสิงหาคม 2022 เขาจะถูกขายให้กับ เอฟซี บาเซิล

โบโลญญา

หลังจากที่กลับมาเล่นฟุตบอลได้ 1 ฤดูกาลเต็ม ๆ หลังจากหายเจ็บหนักที่ เอฟซี บาเซิล คาลาฟิออรี ก็ได้โอกาสกลับมาเล่นในประเทศบ้านเกิดอีกครั้งกับ โบโลญญา ในเซเรียอา อิตาลี ที่มี ติอาโก้ ม็อตตา เป็นกุนซืออยู่ในเวลานั้น

ม็อตตา คือคนที่เปลี่ยนชีวิต คาลาฟิออรี อย่างแท้จริง เพราะว่า ม็อตตา เป็นคนที่มองว่า คาลาฟิออรี เป็นนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ไม่ใช่ตำแหน่งแบ็คซ้ายหรือตัวริมเส้น

Getty Images

"การย้ายจากตำแหน่งฟูลแบ็คมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเป็นอะไรที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามา โบโลญญา ผมได้คุยกับ ติอาโก้ ม็อตตา และเขาบอกกับผมทันทีว่าผมจะต้องเป็นปราการหลังตัวกลาง" แนวรับวัย 22 ปี กล่าว

จากนั้น คาลาฟิออรี ก็ได้แจ้งเกิดเต็มตัวในเซเรียอาด้วยการเป็นตัวหลักในเกมรับ โบโลญญา ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ในฤดูกาลหน้า แฟน ๆ จะได้เห็น โบโลญญา ไปโลดแล่นอยู่ในรายการยักษ์ใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสรหลังทีมขึ้นมาจบในอันดับที่ 5 ของลีกได้

มี จอห์น สโตนส์ เป็นไอดอล

คาลาฟิออรี ถือว่าเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่เขาจะเล่นได้ทั้งตำแหน่งฟูลแบ็คและเซ็นเตอร์แบ็คแล้ว เขายังสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับได้อีกด้วย

เซ็นเตอร์แบ็ควัย 22 ปีของ โบโลญญา มีความโดดเด่นในการอ่านเกม, เข้าสกัดบอลแม่นยำ และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่นอกจากนั้น เขายังเป็นนักเตะที่ออกบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดีมาก ๆ แถมทักษะการเลี้ยงเอาตัวรอดก็ถือว่าดีเยี่ยม เหมือนกับ จอห์น สโตนส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีผิด

John Stones and Erling Haaland
Getty Images

ซึ่ง คาลาฟิออรี เคยได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เขามี จอห์น สโตนส์ เป็นต้นแบบในการเล่นฟุตบอลของเขา

"สไตล์การเล่นของ จอห์น สโตนส์ ใกล้เคียงกับสไตล์การเล่นของผมมากที่สุดเลยครับ" คาลาฟิออรี กล่าว

"สโตนส์ เป็นนักเตะที่ผมเอาเป็นแบบอย่างเลย ผมไม่ได้เล่นนอกกรอบเลยเมื่อผมขยับขึ้นมาเล่นในแดนกลาง ผมก็เล่นไปตามแนวทางของโค้ช เพราะเขาก็มองว่าผมเป็นนักเตะที่เล่นสไตล์นี้ได้เหมือนกัน"

ลุยยูโร 2024

จากผลงานที่ทำเอาไว้กับ โบโลญญา จึงไม่แปลกที่ ลูเซียโน สปัลเล็ตติ กุนซือของทัพอัซซูรีจะเรียกเขาเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่เพื่อลุยศึกยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมัน

คาลาฟิออรี ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรกและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของอิตาลีที่ได้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นรองเพียงแค่ เปาโล มัลดินี เท่านั้น

Riccardo Calafiori Italy 062524
getty images

ในขณะที่เกมที่ อิตาลี เสมอกับ โครเอเชีย ไป 1-1 คาลาฟิออรี ได้สร้างสถิติสุดเฉียบเอาไว้ในเกมนี้ด้วย ด้วยการดวลกลางอากาศชนะ 100%, จ่ายบอลสำเร็จ 93%, ไม่มีใครเลี้ยงผ่านได้, สร้างโอกาสรวม 4 ครั้งมากกว่านักเตะทุกๆคน และเป็นคนแอสซิสต์ให้ มัตเตีย ซักคานญี ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

น่าสนใจมากว่า คาลาฟิออรี จะพาทีมชาติอิตาลีไปไกลได้ถึงตรงไหนกันแน่ จะถึงการป้องกันแชมป์รึเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ ชื่อของเขาได้โด่งดังไปทั่วโลกและมีหลาย ๆ ทีมยักษ์ใหญ่อยากที่จะได้ตัวเขาไปร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล และ เชลซี

รับเครดิตฟรี ยูโร ที่ M88 คลิก!

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand

Guy Tanapon

Guy Tanapon Photo

 นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้รักการดูฟุตบอล, ดูหนัง, ฟังเพลง และตีดอท