เบ็คกี้ แฮมม่อน: จากคนที่ถูกมองข้ามสู่การเป็นโค้ชประวัติศาสตร์ทั้ง 2 ลีกของอเมริกา

Nawapon Kiatpisan

เบ็คกี้ แฮมม่อน: จากคนที่ถูกมองข้ามสู่การเป็นโค้ชประวัติศาสตร์ทั้ง 2 ลีกของอเมริกา image

หลังจากเปลี่ยนชื่อทีมมา 4 ครั้ง ล่าสุด ลาส เวกัส เอซ ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สมัยแรกของทีม หลังเอาชนะ คอนเนคติกัต ซัน 3-1 เกม ยุติการรอคอยอันยาวของทีมลงได้สำเร็จ ด้วยกลุ่มสุดยอดผู้เล่น ทั้ง เคลซี่ย์ พลัม ผู้เล่นยอดเยี่ยมจากออลสตาร์เกมปีล่าสุด, เชลซี เกรย์ การ์ดออลสตาร์ 4 สมัย และ เอ-จา วิลสัน ฟอร์เวิร์ดที่ผลงานยอดเยี่ยมคว้าทั้งรางวัล MVP, ผู้เล่นป้องกันยอดเยี่ยม และ ได้แหวนแชมป์ไปสวมนิ้วเป็นวงแรกในปีเดียวกัน

แต่คนที่จะลืมไม่ได้เลยคือ เบ็คกี้ แฮมมอน โค้ชที่เข้ามาทำงานปีแรกก็ทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ทันที

"สิ่งที่ยากลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วยสร้างให้ฉันเป็นแบบนี้ มันช่วยให้ฉันไม่ล้มลง ฉันเคยรู้สึกแย่มากในช่วงเวลาที่ไม่ถูกเลือกหรือได้รับบาดเจ็บหนัก รวมถึงเรื่องเลวร้ายอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่ยากจะช่วยสร้างสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของคุณ แต่ก่อนจะผ่านมาได้คุณอาจจะไม่ชอบในช่วงเวลานั้นหรอก" แฮมม่อนกล่าวถึงช่วงเวลาที่เธอเคยถูกมองข้ามในการดราฟท์ และ อาการบาดเจ็บหนักในปีสุดท้าย

"สำหรับฉันไม่ได้เกี่ยวกับการพิสูจน์ว่าคนอื่นคิดผิด แต่เป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองคิดถูก" เธอกล่าวถึงชีวิตและการเดินทางในเส้นทางกีฬาบาสเกตบอลของเธอที่ต้องผ่านอะไรมากมาย และตอนนี้เธอได้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจของเธอนั้นถูกต้อง 

แต่กว่าจะมี เบ็คกี้ แฮมม่อน โค้ชหญิงที่สร้างประวัติศาสตร์มากมาย เธอล้มลุกคลุกคลานกับอะไรมาบ้าง สิ่งใดคือเรื่องที่เธอต้องพิสูจน์ ติดตามได้ที่นี่

 

Becky Hammon

เริ่มต้นจากการผู้เล่นอันดราฟท์ สู่เจ้าของฉายา “บิ๊ก ช็อต เบคกี้”

โค้ชหญิงวัย 45 ปี ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน-รัสเซีย ไม่ได้ถูกดราฟท์เข้าลีกในปี 1999 แต่ท้ายสุดได้รับสัญญาจากนิวยอร์ก ลิเบอร์ตี้ แต่ฤดูกาลแรกจะไม่ค่อยมีโอกาสลงสนามมากนัก อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นแถมการได้เรียนรู้จากการ์ดตำนานที่เป็นเพื่อนร่วมทีมอย่าง เทเรซ่า เวเทอร์สปูน ทำให้ท้ายสุดเธอก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าของลีก จนปี 2003 ติดออลสตาร์สมัยแรก และตลอดอาชีพติดไปทั้งหมด 6 ครั้งด้วยกัน โดยช่วงแรกในอาชีพสัญญาค่าจ้างที่เธอได้รับเป็นแบบพาร์ทไทม์ด้วยซ้ำ

2007 - 2014 คือ ช่วงเวลาของ เบคกี้ กับเวกัส เอซ ซึ่งสมัยนั้นยังใช้ชื่อ ซานอันโตนิโอ สตาร์ส เธอใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวกับทีมใหม่ ด้วยผลงานและการที่ชู้ตลูกสำคัญลงอยู่เสมอทำให้เธอได้รับฉายา “บิ๊ก ช็อต เบคกี้” ซึ่งมาจากฉายา “บิ๊ก ช็อต บ็อบ” ของ โรเบิร์ต ฮอร์รี่ ผู้เล่นของซานอันโตนิโอ สเปอร์ส

ช่วงเวลา 2 ปีแรก เบ็คกี้กับเพื่อนร่วมทีมสตาร์ส ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ติดๆกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์สมัยแรกให้กับทีมได้ จนกระทั่งเธอประกาศเลิกเล่นในปี 2014

ใฝ่รู้จนกลายเป็นผู้หญิงคนแรกในฐานะโค้ช NBA

เบ็คกี้ ไม่ได้ไปไหนไกลเท่าไหร่ เพราะเธอยังวนเวียนอยู่กับบาสเกตบอล โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เธอบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าขาซ้ายฉีกในปี 2013 ทำให้ต้องพักฟื้นยาว และ สิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วหลังจากเลิกเล่นคือการเป็นโค้ช เบ็คกี้ เลยอาศัยช่วงพักฟื้นเข้าไปมีส่วนร่วมชมการฝึกซ้อมและการประชุมโค้ช ของทีมสเปอร์ส ทีมซึ่งมีสุดยอดโค้ชอย่าง เกร็ก โพโพวิช 

“เธอต้องการเป็นโค้ชเมื่อเธอเลิกเล่น” โพโพวิชกล่าวถึงความต้องการของ เบ็คกี้ “เธอไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นที่ดี เธอยังฉลาดมากๆด้วย เป็นคนที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มของเรา ทีมงานทุกคนให้ความเคารพเธออย่างมาก เราให้โอกาสเธอมามีส่วนร่วมกับทีม ซึ่งเธอก็มักจะมาร่วมประชุมโค้ช เธอกล้าโต้เถียงและแสดงความเห็นเธอทำทุกอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม”

โพโพวิชยังแนะนำในตอนนั้นด้วยว่า ลีกควรพิจารณาการมีโค้ชหญิงได้แล้ว “ทำไมจะไม่ได้ เรื่องแบบนี้ไม่ควรมีข้อจำกัด ทั้งหมดควรตัดสินด้วยความสามารถ ไม่ใช่เรื่องความต่างทางเพศหรือชาติพันธุ์”

แล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อในปี 2014 เบ็คกี้ ได้รับการติดต่อให้มาเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ส่งผลให้เธอกลายเป็นโค้ชหญิงที่ได้รับค่าจ้างเต็มเวลาคนแรกของลีก และคนที่ปลื้มใจที่สุดก็คือ โพโพวิช 

“ผมตั้งตาคอยที่จะได้ เบ็คกี้ มาร่วมงาน หลังจากที่ได้เห็นวิธีการทำงานในช่วงปีที่แล้ว (ช่วงบาดเจ็บ) ผมมั่นใจว่าไอคิวบาสเกตบอล, จริยธรรม และ ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ของเธอจะมีประโยชน์กับทีมมากๆ”

ไม่ใช่ว่าเป็นลูกรักของโพโพวิช เพียงเท่านั้น เบ็คกี้ ยังได้รับความเคารพและคำชื่นชมจากผู้เล่นในลีกด้วย และหนึ่งในนั้นคือ พาว กาซอล เซ็นเตอร์ชาวสเปนที่เคยอยู่กับสเปอร์สช่วงบั้นปลาย ซึ่งเคยกล่าวถึงเบ็คกี้ในจดหมายเปิดผนึกของเขา

“ผมมีโอกาสได้เล่นกับผู้เล่นที่ดีที่สุดของยุคนี้ และผมก็ได้เล่นให้กับโค้ช 2 คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวงการทั้งฟิล แจ็คสัน และ เกร็ก โพโพวิช แล้วผมก็ขอบอกคุณนะ เบ็คกี้ แฮมมอน สามารถเป็นโค้ชได้ ผมไม่ได้บอกว่าเธอสามารถโค้ชได้ดี หรือ พอโค้ชได้ หรือแม้กระทั่งว่า เธอเกือบทำได้เหมือนที่โค้ชผู้ชายทำ ผมแค่จะบอกว่า เบ็คกี้ แฮมมอน สามารถเป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลในลีกเอ็นบีเอ ได้”

ปี 2015 โอกาสของเธอก็มาถึง …

โค้ชหญิงที่จารึกชื่อลงประวัติศาสตร์วงบาสเกตบอลชายที่ดีที่สุดในโลก

ทันทีที่สเปอร์ส ประกาศว่า การแข่งขันรายการลาสเวกัส ซัมเมอร์ลีก จะส่ง แฮมมอน ทำหน้าที่โค้ชคุมทีม

นาทีแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มต้นทันที ม้จะเป็นแค่รายการซัมเมอร์ลีก แต่สำหรับผู้หญิงคนนึงนี่คือเรื่องราวที่มีความหมายอย่างมาก 

“ชีวิตของฉันไม่เคยเจอเรื่องง่ายๆเลย ฉันเหมือนคนที่ต้องเข็นครกขึ้นภูเขาตลอด แต่ฉันก็พร้อมสำหรับความท้าทายอันยิ่งใหญ่นี้ ฉันพร้อมสำหรับการอยู่นอกกรอบ การต้องตัดสินใจยากๆหรือเจอเรื่องที่ท้าทาย และฉันอาจจะคนตื่นตระหนกบ้างนิดหน่อย แต่นาทีนี้ต้องโยนมันทิ้ง เพราะนี่คือความท้าทายและโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่สุด” แฮมมอน ซึ่งท้ายที่สุดพา สเปอร์ส คว้าแชมป์ซัมเลอร์ลีก 2015 ได้สำเร็จอีกด้วย

แต่เรื่องของ แฮมมอน ไม่ได้จบลงแค่หน้าร้อนนั้น ในปี 2016 เธอยังกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้นั่งเป็นสต๊าฟฟ์โค้ช ในศึกออลสตาร์เกมอีกด้วย หลังจาก โพโพวิช ได้รับเลือกให้เป็นโค้ชของทีมตะวันตก 

และหากจะนับในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เธอได้รับโอกาสเป็นโค้ชแบบรักษาการแทน โพโพวิช ในเกมที่ “โค้ชป๊อบ” ถูกไล่ออกช่วงท้ายครึ่งแรกของเกมที่ สเปอร์ส แพ้ให้กับ ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส 121-107 คะแนน เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020

โพรไฟล์ของ แฮมมอน แน่นมาก ขนาดที่ มิลวอร์กี้ บัคส์ เรียกไปสัมภาษณ์ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปด้วย แม้จะไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแต่เธอก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นที่จับตามองของคนทั่ววงการ แต่เวลาผ่านไปมีทีมเรียกเธอเข้าไปสัมภาษณ์อีก 2-3 ทีม แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่ได้รับงานใหม่จากทีมเหล่านั้น

สวนกระแสออกจาก NBA มาคุมทีม WNBA

ก้าวเดินครั้งใหม่ที่สมกับเป็น แฮมมอน อีกครั้ง เธอไม่สนกระแสหรือเสียงจากคนรอบข้าง เธอแค่เลือกเส้นทางตามที่หัวใจบอกให้เลือก นั่นคือการกระโดดเข้าสู่การเป็นโค้ชทีมบาสหญิงดับเบิ้ลยูเอ็นบีเอ 

“หัวใจบอกฉันว่าถึงเวลาต้องไป และนี่คือที่ฉันควรอยู่ ณ เวลานี้” แฮมมอน กล่าวถึงการเลือกรับงานกับ ลาส เวกัส เอซ ทีมที่เธอเคยอยู่ด้วยยาวนาน 8 ปี และรีไทร์เสื้อเบอร์ 25 ให้กับเธออีกด้วย “หลายคืนที่ฉันนอนไม่หลับเพราะการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้”

เธอใช้เวลา 8 ปีกับการเป็นผู้ช่วยโค้ชที่สเปอร์ส ได้เรียนรู้หลายสิ่งจากสุดยอดโค้ช แต่สำหรับคนที่ชอบความท้าทายอย่างเธอแล้ว การตัดสินใจเลือกในเส้นทางใหม่ๆ คงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกนัก และการได้เป็นเฮดโค้ชเต็มตัวครั้งแรก คือการเข็นครกขึ้นภูเขาในชีวิตของเธออีกหนนึง

แม้จะมีการค่อนขอดจากคนรอบข้างว่าสิ่งที่เธอเลือกเหมือนเป็นการลดระดับตัวเองลงมา แต่เธอไม่เชื่อเช่นนั้น “ฉันคิดว่านั่นเป็นความเห็นที่อาจเกิดจากความไม่รู้ เพราะฉันคิดว่าฉันจะเติบโตขึ้นจากการโค้ชทีมในลีกนี้ ที่นี่ฉันจะได่โค้ช ได้มีองค์กรและบริหารทีมด้วยตัวเอง”

แม้กระทั่งอาจารย์อย่าง โพโพวิช ก็สนับสนุนความคิดของศิษย์เก่า “นี่คือโอกาสดีสำหรับการได้เรียนรู้งานในอีกระดับ เพื่อที่เธอจะได้ทดสอบตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอก็ได้สัมภาษณ์งานใน NBA แต่เธอมีคุณสมบัติมากกว่าตำแหน่งเหล่านั้น ผมเชื่อว่าเธอจะทำหน้าที่ของเธอได้ดีแน่นอน”

ปรากฏการณ์ ปีแรกพาทีมได้แชมป์ทันที

ฤดูกาล 2020-2021 เอซ จบด้วยอันดับ 2 ของลีก แต่พังในรอบเพลย์ออฟ แพ้ให้กับ ฟินิกส์ เมอร์คิวรี่ ในรอบรองชนะเลิศ ปัญหาอย่างหนึ่งที่ แฮมมอน มองเห็นคือ เวกัส จ้องแต่จะเล่นวงในเยอะเกินไป และไม่พยายามที่จะชู้ต 3 คะแนน ทั้งๆที่มีผู้เล่นมือปืนฝีมือดีอยู่หลายคน

ในปี 2022 เอซ ซึ่งมีทรัพยากรที่ดีอยู่แล้วทั้ง พลัม, เกรย์ และ วิลสัน สามารถก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ชู้ตระยะ 3 คะแนนลงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก หลังจากที่ปีก่อนหน้านั้นคือทีมที่ได้แต้มจากระยะ 3 คะแนนอยู่รองบ๊วย ความดีความชอบส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้ แฮมมอน ที่เข้ามาไม่นานก็ปรับแก้ปัญหาตรงนี้ได้ทันที 

แถมตลอดฤดูกาลปกติ เอซ ยังกลายเป็นสถิติดีที่สุดของลีก ชนะ 26 แพ้ 10 ทำคะแนนเฉลี่ยมากที่สุดของลีก 90.4 แต้มต่อเกม 

ซึ่งทุกอย่างเหมือนถูกวางให้เรื่องราวของ แฮมม่อน ต้องสมบูรณ์แบบ ลูกทีมของเธอโชว์ฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่ามากและเอาชนะ ซัน ไปได้ 3-1 เกม คว้าแชมป์ WNBA เป็นครั้งแรกของทีม รวมถึงผู้ครั้งแรกของผู้เล่นหลายคน

และหนึ่งในนั้นคือ เบ็คกี้ แฮมม่อน ที่เคยเป็นทั้งผู้เล่นและโค้ชให้กับ ลาส เวกัส เอซ

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover