แอนโธนี่ โบเวนส์ : ผู้พิสูจน์ว่าการเป็น LGBTQ+ พิชิตมวยปล้ำชายได้

Ong-art Suwannames

แอนโธนี่ โบเวนส์ : ผู้พิสูจน์ว่าการเป็น LGBTQ+ พิชิตมวยปล้ำชายได้ image

มวยปล้ำ อาจเป็นกีฬาผสมความบันเทิงที่แสดงถึงความแข็งแรงของนักกีฬา จนหลายคนคิดว่าเป็นกีฬาที่มีแต่ชายและหญิงแท้เท่านั้น

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่คนทั่วไปเปิดใจให้กับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ทำให้มีนักมวยปล้ำหลายคนสามารถเปิดเผยตนเองได้มากขึ้น บางคนประสบความสำเร็จจนกระทั่งเป็นแชมป์โลกฝ่ายหญิง แต่สำหรับฝ่ายชายยังต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง ถึงจะสามารถคว้าแชมป์หลักของสถาบันได้สำเร็จ

ชื่อของเขา คือ “แอนโธนี่ โบเวนส์” หนึ่งในคู่หูแท็กทีม “The Acclaimed” แชมป์แท็กทีมของ All Elite Wrestling (AEW)

เป็นนักมวยปล้ำต้องปกปิดตัวตน

ในสมัยที่ยังไม่มีในโซเชียลมีเดีย แฟนมวยปล้ำไม่สามารถแยกแยะคาแรกเตอร์ของนักมวยปล้ำกับชีวิตได้อย่างชัดเจน 

เราไม่สามารถแยกออกว่าดิ อันเดอร์เทกเกอร์ ที่ดูน่ากลัวเหมือนผุดขึ้นมาจากสุสาน หรือ แก๊งสเตอร์อเมริกันขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน คือคนเดียวกับชายธรรมดาที่ชื่อมาร์ค คัลลาเวย์ 

เราไม่รู้ว่านักมวยปล้ำร่างใหญ่ราวนักซูโม่จากแดนอาทิตย์อุทัยชื่อ โยโกสุนะ จริงๆแล้วเป็นคนซามัว 
เราเพิ่งรู้ว่า ชายชุดแดงสวมหน้ากากไว้ผมยาวชอบจุดไฟบนเวที คือ คนเดียวกับเกล็น จาคอบส์ ที่ในเวลาต่อมาจะเป็นนายกเทศมนตรีแห่งน็อกซ์ เคาน์ตี้ ในรัฐเทนเนสซี่

เราเพิ่งรู้ว่าชายร่างใหญ่ผู้รักครอบครัว คือคนเดียวกับจอมโหดบนเวที อย่าง บรูสเซอร์ โบรดี้ ผู้ล่วงลับ

เพราะฉะนั้นนักมวยปล้ำในอดีตจนถึงยุค 2000 จึงจำเป็นต้องรักษาคาแรกเตอร์ของตนเองให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาฐานนิยมเอาไว้ อันนำมาซึ่งรายได้ของตนเองในอนาคต

ยุคสมัยแห่งการเปิดเผย

เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยของโลกโซเชียล แฟนมวยปล้ำสามารถเข้าถึงชีวิตของนักมวยปล้ำได้มากขึ้น แฟน ๆ มีโอกาสได้รู้เรื่องราวส่วนตัวของพวกเขา มากกว่าที่เห็นผ่านแค่ทางหน้าจอโทรทัศน์ หรือบนสังเวียนมวยปล้ำ ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ รวมไปถึง ติ๊กตอก เปิดการใช้งาน นักมวยปล้ำหลายคนเริ่มใช้สื่อสาธารณะเปิดเผยความคิด และไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น 

ซึ่งเมื่อนักมวยปล้ำได้แสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปเมื่อเกิดกระแสเรียกร้องเสรีภาพทางเพจออกมา ทำให้นักมวยปล้ำรุ่นใหม่กล้าที่จะเปิดเผยเพศสภาพที่แท้จริงของตัวเองออกมามากขึ้น

โดยกรณีคลาสสิค คือกรณีของ ดาร์เรน ยัง (ปัจจุบันใช้ชื่อปล้ำว่า เฟร็ด รอสเซอร์) นักมวยปล้ำชายที่ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองมีรสนิยมทางเพศแบบเกย์ ในปี 2013 ซึ่งเขาถือเป็นนักมวยปล้ำคนแรกที่เปิดเผยเพศภาพที่ไม่ใช่ชายรักหญิง หรือหญิงรักชาย ออกมาเป็นคนแรกขณะที่ปล้ำอยู่กับ WWE

NJPW

จุดเริ่มต้นตรงนั้น ทำให้นักมวยปล้ำคนอื่นเริ่มกล้าที่จะออกมาประกาศตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ถึงเวลา LGBTQ+ เฉิดฉาย

เมื่อนักมวยปล้ำ LGBTQ+ มีโอกาสได้ขึ้นปล้ำ โดยไม่ต้องสวมบทบาทเป็นตลกอีกต่อไป พวกเขาจึงสามารถแสดงศักยภาพเป็นแชมป์ ได้รับการผลักดันจากสมาคม เช่น ดาร์เรน ยัง ที่เคยคว้าแชมป์แท็กทีมของ WWE เป็นระยะเวลา 70 วัน หรือไนล่า โรส ซึ่งเป็นหญิงข้ามเพศคนแรกที่คว้าแชมป์โลกหญิงของ AEW มาครองในช่วงกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2020

ส่วนลีกมวยปล้ำชาย มีซอนนี่ คิสส์ ผู้นิยามตัวเองว่า เป็นผู้ลื่นไหลทางเพศ เคยมีชิงแชมป์ TNT จากโคดี้ โรดส์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงมีโอกาสได้ชิงแชมป์โลก AEW แต่แพ้ให้กับเคนนี่ โอเมก้า 

หลังจากที่คิสส์ล้มเหลวในการชิงแชมป์ มีชายคนหนึ่งที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยเป็น LGBTQ+ คนแรกที่คว้าแชมป์เส้นหลักของ AEW ได้สำเร็จ

จากนักเบสบอลสู่นักมวยปล้ำ

ชีวิตแอนโธนี่ โบเวนส์ เหมือนวัยรุ่นชายชาวอเมริกันทั่วไป เขาเป็นนักกีฬาเบสบอลระดับมหาวิทยาลัย ก่อนพัฒนาร่างกายและทักษะมวยปล้ำจนมีโอกาสได้ไปทดสอบกับ WWE ในปี 2015 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงไปปล้ำตามค่ายมวยปล้ำเล็กๆ แม้ในบางเกมต้องไปปล้ำที่อลาสก้าก็ตาม

ระหว่างที่เขาปล้ำกับสมาคมเล็กๆทั่วสหรัฐอเมริกา เขาได้พบรักไมเคิล ปาวาโน นักแสดงและยูทูบเบอร์ ซึ่งในตอนแรกเขาเก็บเรื่องที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันเป็นความลับ แต่หลังจากที่คุยกับเพื่อนร่วมอาชีพ ได้แนะนำให้เขาเปิดตัวผ่านสื่อ 

ซึ่งในตอนแรกเขาประกาศตัวเป็นไบเซ็กชวลในปี 2017 ต่อด้วยประกาศว่าเป็นเกย์ในอีก 2 ปีต่อมา แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้าน แต่โบเวนส์ยังคงเชื่อมั่นในตัวเองที่ตัดสินใจถูกต้องที่เปิดเผยตัวตนออกมา

เขาได้รับโอกาสทดสอบทักษะในค่ายของเบรต ฮาร์ท อดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง และทำให้เขาได้พัฒนาตนเองเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ จนเข้าตาโทนี่ ข่าน ประธาน AEW และได้ชักชวนให้มาปล้ำค่ายนี้ และตั้งแท็คทีมขึ้นมาใหม่ โดยจับคู่กับแม็กซ์ แคสเตอร์ ในนามของ “The Acclaimed”

Getty Images

The Acclaimed have arrived

ในเดือนตุลาคม 2020 The Acclaimed ได้ถือกำเนิดขึ้น ประกอบด้วยสมาชิกหลัก 2 คน ได้แก่ แม็กซ์ แคสเตอร์ (Max Caster) แร็ปเปอร์ประจำวงคอยดิสเครดิตคู่แข่ง กับแอนโธนี่ โบเวนส์ (Anthony Bowens) นักกล้ามร่างใหญ่ถือลำโพงขนาดใหญ่ มีหน้าที่เรียกเสียงเชียร์จากคนดูด้วยการตะโกนชื่อสถานที่จัดการแข่งขันในแตละสัปดาห์ ต่อมา โทนี่ ข่าน ประธาน AEW ประทับใจในผลงานทั้ง 2 คน จึงเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี 

ในตอนแรก ดิ แอคเคลม มีสถานะเป็นฝ่ายอธรรม แต่ด้วยเสน่ห์ที่ล้นเหลือของ The Acclaimed ทำให้ในเวลาต่อมาพวกเขาได้รับการพลิกเป็นฝั่งธรรมะ และกลายเป็นหนึ่งในแท็กทีมที่โด่งดังที่สุดของ AEW

แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ The Acclaimed จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ พวกเขามาจากศูนย์ เพราะไม่เคยปล้ำในสมาคมใหญ่มาก่อน ต้องเริ่มสร้างชื่อเสียงเองทั้งหมด 

แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นไปอย่างถูกต้อง คือการเปิดเผยตัวเป็น LGBTQ+ ของโบเวนส์ ไม่เคยส่งผลกระทบต่อ The Acclaimed เลย ในทางตรงกันข้าม โบเวนส์กลับยิ่งโชว์ฟอร์มการปล้ำที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคำชมจากแฟนมวยปล้ำหลายต่อหลายครั้ง

สุดท้าย The Acclaimed ก็สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ สเวิร์ฟ สตริคแลนด์ และ คีธ ลีก คว้าแชมป์ AEW แท็กทีมมาครองได้สำเร็จ ในรายการ AEW Dynamite Grand Slam ณ สนามอาเธอร์ แอช รัฐนิวยอร์ก เมื่อวันที ่22 กันยายน 

ซึ่งเปรียบเสมือนการคว้าแชมป์ในบ้านเกิดของทั้งสองคน (แคสเตอร์เกิดที่นิวยอร์ก โบเวนส์เกิดที่นิวเจอร์ซีย์ รัฐใกล้เคียงของนิวยอร์ก) และโบเวนส์ได้ประกาศว่าเขาเป็นเกย์คนแรกที่ได้แชมป์เส้นหลักของ AEW มาครอง

หลังคว้าแชมป์โลก โบเวนส์ได้พูดถึงความรู้สึกหลังได้แชมป์โลกแท็กทีมว่า

“บางคนก็รู้ บางคนก็ไม่รู้ ว่าผมไม่มีโอกาสพูดต่อหน้ากล้องแบบนี้บ่อยครั้งเท่าไหร่นัก ผมไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาถึงจุดนี้ เพราะผ่านช่วงเวลาที่สับสนมากมายในชีวิต ผมไม่รู้ว่าจะยอมรับตัวเองอย่างไร ผมต่อสู้อย่างกระทิงเปลี่ยว และตอนนี้ผมร้องไห้ได้แล้วในฐานะแชมป์”

“ถ้าคุณรู้สึกแบบเดียวกับผม จะเพศไหนก็ไม่สำคัญหรอก ลองคิดดูว่าถ้าชีวิตคุณเศร้า คุณโดนรังแก วันๆเจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากให้รู้ไว้ สักวันจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เราพิสูจน์แล้ว”

“ผมรักคุณ เรารุักคุณ และแน่นอนทุกคนรัก ดิ แอคเคลม”

วันต่อมา โบเวนส์ได้เขียนข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของตน อุทิศแชมป์นี้ให้กับคุณยายที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2015 และแสดงความภาคภูมิใจในฐานะ LGBTQ+

“ตั้งแต่คุณยายผมจากไปในปี 2015 ผมตั้งใจว่าจะประสบความสำเร็จให้ได้
ในวันนี้ผมเป็นเกย์คนแรกที่คว้าแชมป์ของ AEW

แท็กทีมที่ชนะมากที่สุดใน AEW
ทีมมวยปล้ำยอดนิยมที่สุด ค.ศ. นี้

ทุกคนรักดิ แอคเคลม พวกคุณคือ #แชมป์ตลอดกาล”

Getty Images

นอกจากจะได้แชมป์แท็กทีมแล้ว ความนิยมในดิ แอคเคลมเพิ่มสูงขึ้น ท่าดีใจ Scrissor Me กลายเป็นท่ายอดนิยมหลังวันคว้าแชมป์โลก จนเกิดกระแสแฮชแท็ค #NationalScissoringDay ในระหว่างวันที่ 6-8 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เสื้อของดิ แอคเคลม ในเว็บไซต์ของ AEW ยังมียอดสั่งซื้อเป็นลำดับต้นๆของสมาคมอีกด้วย 

การคว้าแชมป์ของโบเวนส์และดิ แอคเคลม แสดงให้เห็นว่า การจะเป็นเพศใดนั้นไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่คาแรกเตอร์ที่โดดเด่น ทักษะมวยปล้ำที่ชัดเจน และเอาชนะใจคนดูเป็นสำคัญ ถ้าหากไม่มี 3 สิ่งเหล่านี้ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในวงการมวยปล้ำได้

Ong-art Suwannames

Ong-art Suwannames Photo

Geek กีฬา ที่มีงานประจำเป็นข้าราชการ