ใครคือยอดกุนซือ? เปิดรายชื่อผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก

Captain Thanyathep

ใครคือยอดกุนซือ? เปิดรายชื่อผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก image

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีผู้จัดทีมมากหน้าหลายตาเข้ามาพิสูจน์ตนเองในลีกสุงสุดของอังกฤษอย่าง “พรีเมียร์ลีก” โดยที่ผ่านมาใครบ้างที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้ 

25 ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก

GOAL ได้ทำการจัดอันดับผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 2000 โดยอ้างอิงผลงาน ความสำเร็จ และความสามารถในการพัฒนาทีม

โดยผู้จัดการทีมเหล่านี้ไม่เพียงแค่มีความสามารถในการวางแท็กติกที่ยอดเยี่ยม แต่ยังสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวอีกด้วย

25. ฌอน ไดช์ 

ฌอน ไดช์ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้จัดการทีมยุคใหม่ที่สโมสรต่าง ๆ จะเรียกใช้งานเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการหนีตกชั้น เนื่องจากเขามีความเชี่ยวชาญในการดึงผลลัพธ์ที่ดีของทีมออกมาได้ แม้ว่าจะมีทรัพยากรที่จำกัดก็ตาม

หลังจากพา เบิร์นลีย์ เลื่อนชั้นขึ้นมาในพรีเมียร์ลีก ไดช์ ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง โดยพาทีมอยู่รอดในลีกสูงสุดถึง 6 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยที่พวกเขาแทบไม่เคยเสี่ยงต่อการตกชั้นเลย แถมยังคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปด้วยการจบอันดับ 7 ในฤดูกาล 2017-18 

ปัจจุบัน ไดช์ อยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ก็ยังคงรับบทบาทให้ช่วยพาทีมรอดพ้นจากการตกชั้นสองฤดูกาลติดต่อกัน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การเงินที่ย่ำแย่และการถูกหักคะแนน

24. สตีฟ บรูซ 

สตีฟ บรูซ เป็นหนึ่งใน 10 ผู้จัดการทีมที่คุมทีมในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด โดยเขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพมาอย่างยาวนานและโดดเด่นในแวดวงฟุตบอลอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม บรูซ เคยคุมทีมลงสนามทั้งหมด 476 นัด กับหลากหลายสโมสร อาทิ นิวคาสเซิล (84 นัด), ฮัลล์ ซิตี้ (76), ซันเดอร์แลนด์ (89), วีแกน แอธเลติก (62) และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (165) แม้ความสำเร็จในแต่ละสโมสรจะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้คือความรักในงานผู้จัดการทีมของเขา

23. มาร์ติน โอนีล

หลังจากพา เลสเตอร์ ซิตี้ กลับมาสู่ความสำเร็จอีกครั้งพร้อมจบอันดับ 8 ในปี 2000 มาร์ติน โอนีล ก็กลับมาสู่วงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้งในปี 2006 หลังจากประสบความสำเร็จกับ เซลติก โดยเขาเข้ามาคุมทีม แอสตัน วิลล่า ในปีนั้น

โอนีล ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือพา แอสตัน วิลล่า กลายเป็นทีมที่สามารถท้าทายตำแหน่งท็อป 6 ได้อย่างต่อเนื่อง และพาทีมผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า คัพ โดยพลาดโอกาสไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกอย่างฉิวเฉียด 

นอกจากนี้เขายังเค้นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดจากนักเตะอย่าง แกเร็ธ แบร์รี และกาเบรียล อักบอนลาฮอร์ โดยสถิติของเขาที่ทำได้ 1.55 แต้มต่อเกมในพรีเมียร์ลีกกับ แอสตัน วิลล่า เป็นรองเพียง อูไน เอเมรี ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเท่านั้น

22. เอ็ดดี ฮาว

เอ็ดดี ฮาว ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมชาวอังกฤษที่ถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนาน โดยเขาสร้างชื่อเสียงกับ บอร์นมัธ ที่สามารถพาทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ได้นานถึง 5 ปี แม้จะมีงบประมาณที่จำกัดมากก็ตาม โดยเฉพาะการจบอันดับ 9 ในปี 2017 ที่ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา

หลังจากนั้น ฮาว ได้ย้ายมาคุมทีม นิวคาสเซิล ยุไนเต้ด โดยการมาในครั้งนี้เปลี่ยนแปลงทีมไปอย่างชัดเจน เพราะมีเจ้าของใหม่จากซาอุดิอาระเบียที่พร้อมสนับสนุนทีม 

ในระยะเวลาไม่ถึงสองฤดูกาล ผู้จัดการทีมวัย 46 ปีรายนี้ได้พา นิวคาสเซิล จากทีมที่ต้องหนีตกชั้นมาอยู่จุดที่คว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และตอนนี้พวกเขากำลังกลายเป็นทีมท้าชิงตำแหน่งท็อป 6 อย่างต่อเนื่อง

21. แซม อัลลาร์ไดซ์

แม้ว่าสไตล์การเล่นของเขาจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม แต่ แซม อัลลาร์ไดซ์ ก็เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพาทีมหนีตกชั้น โดยเขาเคยถูกดึงตัวไปช่วยเหลือทีมที่กำลังหนีตกชั้นอย่าง แบล็กเบิร์น, ซันเดอร์แลนด์ และคริสตัล พาเลซ ให้รอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เริ่มต้นเช่นนี้เสมอไป เพราะ "บิ๊กแซม" ได้เริ่มเส้นทางพรีเมียร์ลีกกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส และพาทีมจบอันดับ 6 ในฤดูกาล 2004-05 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในเวลานั้น พร้อมทั้งคว้าตั๋วไปเล่นในยูฟ่า คัพ 

โดยมีผู้เล่นชื่อดังที่แฟนบอลไม่เคยลืม เช่น เจย์-เจย์ โอโคชา, อีวาน กัมโป และสเตลิออส จานนาโกปูลอส ผลงานที่ดีที่สุดในช่วงหลังของเขาคือการพา เอฟเวอร์ตัน จบอันดับ 8 ในปี 2018

20. อูไน เอเมรี 

หลังมีมรสุมที่ไม่ค่อยดีนักกับ อาร์เซนอล แต่ครั้งนี้ อูไน เอเมรี กลับมาแก้มือได้อย่างยอดเยี่ยมกับ แอสตัน วิลล่า ในปี 2022 เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอย่างโดดเด่น

โดยพาทีมจากที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นไปจนสู่การคว้าตั๋วลุยฟุตบอลถ้วยยุโรปในฤดูกาลแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมได้สำเร็จ และในฤดูกาล 2023-24 เอเมรี ยังสร้างประวัติศาสตร์พาทีม แอสตัน วิลล่า จบท็อปโฟร์เป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี พร้อมกลับไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกครั้ง 

19. เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน 

เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน แม้จะคุมทีมในพรีเมียร์ลีกแค่ 4 ปีกับ นิวคาสเซิล แต่เขาก็ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นเพียงพอที่จะได้รับเกียรติสูงสุดของเมืองนี้ โดย เขานำสโมสรจากการหนีตกชั้นขึ้นมาสู่การจบอันดับท็อป 5 พร้อมพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ 2 ปีติด และพาทีมขึ้นไปถึงอันดับ 3 ในฤดูกาล 2002-03

เขาถือหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เซอร์ บ็อบบี้ จะถูกจดจำด้วยความรักอย่างมากในเมืองไทน์ไซด์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่น่าประทับใจในต้นยุค 2000 ซึ่งสะท้อนจากการที่เขาได้รับเกียรติเป็น “บุคคลผู้มีอิสระแห่งเมืองนิวคาสเซิลอะพอนไทน์” ในเดือนมีนาคม 2005 ไม่เพียงเท่านั้นเขายังถูกจารึกไว้ตลอดกาลด้วยรูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้าสนามเซนต์เจมส์พาร์ค

18. เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สมัยคุมทีม ลิเวอร์พูล เขาถือเป็นคนที่วางรากฐานสำหรับความสำเร็จของทีมในอนาคต

โดยเขาเกือบพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ในฤดูกาล 2013-14 สมัยที่ยังมีผู้เล่นตัวท็อปของลีกอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และสตีเวน เจอร์ราร์ด

แม้ว่าพวกเขาจะพลาดคว้าแชมป์ไปอย่างหวุดหวิดเพียง 2 คะแนน  แต่นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นได้สนุกที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

นอกจากนี้ ร็อดเจอร์ส ยังประสบความสำเร็จกับ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยคว้าแชมป์เอฟเอคัพ และพาทีมจบอันดับ 5 สองครั้งติดในปี 2020 และ 2021 พร้อมคว้าตั๋วไปเล่นยูโรปา ลีก

17. แฮร์รี่ เรดแนปป์

แฮร์รี่ เรดแนปป์ เป็นหนึ่งใน 5 ผู้จัดการทีมที่ได้คุมเกมในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด โดยรวมทั้งหมด 641 เกม เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ยาวนานในวงการฟุตบอล 

ในปี 2005 เรดแนปป์ สามารถพา พอร์ทสมัธ หลุดพ้นจากการตกชั้นและทำให้ทีมมีความมั่นคงในพรีเมียร์ลีกได้ จากนั้นเขาก็ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของ สเปอร์ส และในปี 2008 หลังจากพา พอร์ทสมัธ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพแล้ว เพียงแค่สองฤดูกาล เรดแนปป์ สามารถพา สเปอร์ส จากทีมกลางตารางขึ้นไปสู่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 

16. รอย ฮอดจ์สัน 

รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมที่มีอายุมากที่สุดที่เคยทำงานในพรีเมียร์ลีก จริง ๆ แล้วเขาเริ่มมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอังกฤษค่อนข้างช้า 

หลังจากที่เคยทำงานเป็นผู้จัดการทีมในหลายประเทศทั่วโลก ก่อนที่จะมารับตำแหน่งคุมทีม ฟูแลม ในปี 2007 ขณะที่อายุ 60 ปี ฮอดจ์สัน สามารถพา ฟูแลม รอดพ้นจากการตกชั้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และในฤดูกาลที่สองเขายังสามารถพาทีมไปเล่นในศึกยูโรปา ลีก  ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

หลังจากพา ฟูแลม เข้ารอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลยุโรป ฮอดจ์สัน ก็มีช่วงเวลาที่ย่ำแย่กับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ เวสต์บรอมมิช อัลเบี้ยน พร้อมกับพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ

15. เจราร์ด อุลลิเยร์

เจราร์ด อุลลิเยร์ มีอิทธิพลอย่างมากต่อ ลิเวอร์พูล เขาได้นำระเบียบวินัยเข้ามาพร้อมช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงสโมสรให้ทันสมัยขึ้นในช่วงต้นปี 2000 

โดย อุลลิเยร์ ได้ดันนักเตะจากอคาเดมีอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และไมเคิล โอเว่น ให้กลายมาเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมชุดใหญ่ และยังเซ็นสัญญากับนักเตะคนอื่น ๆ ที่ต่อมากลายเป็นกำลังสำคัญในความสำเร็จระยะยาวของสโมสร

14. เดวิด มอยส์

เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกของ เดวิด มอยส์ มีทั้งขึ้นทั้งลงอย่างมาก แต่เขาไม่ยอมให้ช่วงเวลาที่ย่ำแย่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากำหนดตัวเขาในเกาะอังกฤษ

โดย มอยส์ ทำให้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นทีมที่ติดอันดับท็อป 8 อย่างสม่ำเสมอในช่วง 11 ปีที่เขาคุมทีมที่กูดิสัน พาร์ค แม้จะมีงบประมาณที่จำกัด แต่เขาก็สามารถพาทีมจบอันดับ 4 ในฤดูกาล 2004-05 จากการเซ็นสัญญานักเตะอย่างทิม เคฮิลล์ และสตีเว่น พีนาร์ พร้อมกับวางวิสัยทัศน์ระยะยาวให้กับสโมสร

แม้ว่าชาวงเวลาที่เขาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และซันเดอร์แลนด์ จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ มอยส์ ก็สามารถสร้างชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้ในการคุม เวสต์แฮม โดยเขาพาทีมรอดตกชั้นในฤดูกาล 2017-18 และกลับมาในปี 2019-20 พร้อมทั้งพาทีมทำแต้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฤดูกาลถัดมา

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

13. มิเกล อาร์เตต้า 

มิเกล อาร์เตต้า ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลง อาร์เซนอล ให้กลายเป็นทีมที่ท้าชิงแชมป์ลีกอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี 

หลังจากแฟน ๆ ต้องอดทน แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา อาร์เตต้า ทำให้ทีมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการจบอันดับที่ 8 ขึ้นมาถึงอันดับที่ 2 และสร้างทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งที่มีคุณภาพ พร้อมกับฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์และเน้นความเข้มข้นสูง ตอนนี้ อาร์เซนอล ดูเหมือนจะเป็นทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะท้าทาย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการคว้าแชมป์ลีก

12. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน หนึ่งในผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกที่เกือบประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่ได้แชมป์ ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ ทีมชาติสหรัฐอเมริกา โปเช็ตติโน เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เสมอ เนื่องจากเขามีส่วนเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสโมสรอย่างมาก 

แม้จะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใด ๆ ได้ เขาเข้ามาคุม สเปอร์ส หลังจากพา เซาแธมป์ตัน จบอันดับที่ 8 พร้อมทำคะแนนได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฤดูกาล 2013-14 ซึ่งเป็นงานผู้จัดการทีมครั้งที่สองของเขา

11. ราฟาเอล เบนิเตซ

ราฟาเอล เบนิเตซ คือผู้จัดการทีมที่ ลิเวอร์พูล เลือกให้มาสานต่อจากงานที่ เจราร์ด อุลลิเยร์ ได้เริ่มไว้ และเขาก็ทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะในเวทียุโรปที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2005 

ภายใต้การคุมทีมของ เบนิเตซ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และอาร์เซนอล เจอกับปัญหาตลอด แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ก็ตาม ทีมยังคงจบฤดูกาลในอันดับท็อป 4 อย่างสม่ำเสมอ และมีการท้าชิงแชมป์ในฤดูกาล 2008-09 ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเฟอร์นานโด ตอร์เรส อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ทีมจบฤดูกาลด้วยคะแนนตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียง 4 แต้ม

10. คลาวดิโอ รานิเอรี

คลาวดิโอ รานิเอรี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ โดยในขณะนั้นชื่อเสียงของเขากำลังตกต่ำที่สุดจากการคุม ทีมชาติกรีซ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

แต่เขาถูกตั้งเป้าหมายให้พา "จิ้งจอกสยาม" อยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไป ทว่าเขาทำได้ดีกว่านั้นสร้างปาฏิหาริย์พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างน่าทึ่ง โดยจบฤดูกาลด้วยคะแนนนำห่าง อาร์เซนอล ถึง 10 แต้ม

9. มานูเอล เปเยกรินี

มานูเอล เปเยกรินี ยังคงเป็นผู้จัดการทีมที่ไม่ใช่ชาวยุโรปคนเดียวที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในฤดูกาล 2013-14 

แมนฯซิตี้ เป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นที่สวยงามและมีรูปแบบที่เข้ากันได้อย่างลงตัวนั้น นับเป็นการเล่นที่ดึงดูดสายตาอย่างมากในยุคของ เปเยกรินี โดยพวกเขาทำประตูได้มากกว่า 100 ลูกในลีกในเวลาที่เร็วที่สุด และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ 

8. อันโตนิโอ คอนเต้

อันโตนิโอ คอนเต้ คือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่มีสไลต์การทำทีมที่ชัดเจน โดยแผนที่เขาชื่นชอบในระบบกองหลังสามคน ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์ที่ถูกเลียนแบบในช่วงหลายปีต่อมา และเขาก็ได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากการเล่นแผนนี้

คอนเต้ กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2021 ในฐานะผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แม้ว่าเขาจะพาทีมกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ แต่สถานการณ์ก็เริ่มแย่ลงในไม่ช้าจนเขาต้องแยกทางกับทีมอีกครั้ง

7. โรแบร์โต้ มันชินี

โรแบร์โต้ มันชินี จะถูกจดจำเสมอในฐานะผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ อเกวโร่ ยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บใส่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกในวินาทีสุดท้ายของฤดูกาล 2011-12 

จนถึงจุดนั้น การคุมทีมของ มันชินี ถือว่าเป็นการพัฒนาอย่างช้า ๆ โดย แมนฯซิตี้ ที่มีเจ้าของใหม่จบอันดับที่ 5 จากนั้นก็จบอันดับที่ 3 ในสองฤดูกาลแรกที่เขาคุมทีม

ทุกอย่างเปลี่ยนไปในปี 2012 เมื่อ มันชินี พาเรือใบสีฟ้าเข้าสู่ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรนั่นคือช่วงเวลาที่ทำให้มรดกของ มันชินี อยู่คู่กับสโมสรตลอดไป

รับเครดิตฟรี ที่ M88 คลิก

6. คาร์โล อันเชล็อตติ

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนคนนี้พา เชลซี คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2009-10 โดย เชลซี ถือเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูเกิน 100 ลูกต่อหนึ่งฤดูกาล (103 ประตู) ในขณะที่ ดิเดียร์ ดร็อกบา และแฟรงค์ แลมพาร์ด อยู่ในช่วงพีคที่สุดของพวกเขา

หลังจากจบฤดูกาลที่ 2 ด้วยฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ อันเชล็อตติ ต้องตกเป็นเหยื่อของความโหดเหี้ยมของ อับราโมวิช และถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยฝากผลงานการคุมทีมที่น่าประทับใจด้วยชัยชนะ 67 นัด เสมอ 20 นัด และแพ้ 22 นัดจาก 109 นัด โดยมีเปอร์เซ็นต์การชนะที่อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

5. เยอร์เก้น คล็อปป์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชายผู้ที่นำ ลิเวอร์พูล กลับมาสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษและยุโรปคือ เยอร์เก้น คล็อปป์ 

แม้จะเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่สุดท้ายทีมของ คล็อปป์ ก็กลายเป็นผู้ท้าชิงความยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

ด้วยกลยุทธ์การเล่นที่เน้นความเร็วสูงและการเพรสซิ่งอย่างหนัก คล็อปป์ สามารถยุติการรอคอย 30 ปีอันแสนยาวนานของ ลิเวอร์พูลในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในฤดูกาล 2019-20 

แม้แชมป์ลีกครั้งนั้นจะเป็นครั้งเดียวของ คล็อปป์ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 2024 แต่ความรักที่เขามีต่อสโมสรและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับแฟนบอล รวมถึงความสำเร็จในหลายถ้วยรางวัล ทำให้ คล็อปป์ ถูกจารึกว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล

4. โชเซ่ มูรินโญ่

“เดอะ สเปเชียล วัน” โชเซ่ มูรินโญ่ คือผู้ที่ทำลายระเบียบที่มีอยู่พร้อมผลักดัน เชลซี ให้กลายเป็นทีมท่ียิ่งใหญ่อีกครั้งในพรีเมียร์ลีก ด้วยการคุมทีมที่มีบุคลิกและท่าทีที่โดดเด่นอยู่ในข้างสนาม 

เชลซี จึงมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคู่แข่งในช่วงสองฤดูกาลแรกของเขา โดยคว้าแชมป์ลีกติดต่อกันสองสมัย รวมถึงแชมป์แรกในรอบ 50 ปี 

3. อาร์แซน เวนเกอร์

อาร์แซน เวนเกอร์ ยังคงเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีในพรีเมียร์ลีก ชายผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นฟุตบอลในอังกฤษได้อย่างโดดเด่น ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงามและเน้นการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี  อาร์เซนอลในช่วงต้นปี 2000 นั้นถือว่ามีระดับผู้เล่นคุณภาพที่สูงมาก

ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือฤดูกาลที่ไร้พ่ายในปี 2003-04 เมื่อทีม “Invincibles” ของ อาร์เซนอล คว้าแชมป์ลีกโดยไม่แพ้ใครเลย ซึ่งเป็นผลงานที่อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ เวนเกอร์ ยังเคยคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในปี 2002 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

2. เป๊ป กวาร์ดิโอลา

เป๊ป กวาร์ดิโอลา นับว่าเป็นผู้ปฏิวัติวงการฟุตบอลในยุคปัจจุบัน เขาได้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ

ตั้งแต่การเข้ามาของกลุ่มทุนจากอาบูดาบีในปี 2008 แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้เงินที่มหาศาลจากการเซ็นสัญญานักเตะชื่อดัง เช่น อเกวโร่, ดาบิด ซิลบา และเออร์ลิง ฮาแลนด์ รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำผิดทางการเงินจำนวน 115 ข้อ แต่ กวาร์ดิโอลา ก็ยังได้สร้างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก 

ในช่วงเวลาแปดปีในอังกฤษ เขาคว้าแชมป์ลีกไปถึงหกสมัย รวมถึงแชมป์สี่สมัยติดต่อกันในช่วงหลัง แมนฯซิตี้ ได้กลายเป็นทีมที่น่ากลัว และตราบใดที่ กวาร์ดิโอลา ยังอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทีม การหยุดยั้งพวกเขาก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

1. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฟุตบอลเคยมีมา และยังคงเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก

โดยเขาเป็นอดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดคว้าแชมป์ลีกไปถึง 8 สมัยจาก 13 สมัยหลังปี 2000 ด้วยความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการขึ้นมาของทีมต่าง ๆ อย่างอาร์เซนอล, เชลซี และแมนซิตี้ เพื่อให้ แมนยู ยังคงมีโอกาสลุ้นแชมป์อย่างต่อเนื่อง

เขาจะถูกจดจำว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ แมนยู และมรดกที่เขาทิ้งไว้มีความสำคัญอย่างมาก โดยไม่มีใครสามารถเข้ามาใกล้เคียงกับความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนของเขาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด นับตั้งแต่ที่เขาลาออกในปี 2013 หลังจากคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งสุดท้าย เฟอร์กูสัน เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พรีเมียร์ลีกของอังกฤษเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Captain Thanyathep

Captain Thanyathep Photo

นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้ชื่นชอบในข่าวกีฬาและเขียนบทความด้วยแรงบันดาลใจ