ลิเวอร์พูลกำลังเตรียมแยกทางกับเยอร์เก้น คล็อปป์ หลังจบฤดูกาล 2023-24 ครั้งสุดท้ายที่ทัพหงส์แดงต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ ต้องย้อนกลับไปกว่า 30 ปีที่แล้ว เมื่อครั้ง เคนนี่ ดัลกลิช ยังเป็นนายใหญ่ของถิ่นแอนฟิลด์
ฤดูกาล 1990-91 คือซีซั่นสำคัญสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคน หลังความกดดันนำมาสู่ความเครียดที่ยากเกินจะผู้จัดการทีมสักคนจะต้านทาน นำมาสู่การประกาศลาออกจากตำแหน่งของดัลกลิช จุดสิ้นสุดช่วงเวลาที่ยุคทองของทีม และเป็นจุดเริ่มต้นสู่การพลาดแชมป์ลีกตลอด 30 ปีต่อมา
เต็งหนึ่งของฤดูกาล
ลิเวอร์พูลเดินทางเข้าสู่ฤดูกาล 1990-91 ในฐานะเต็งหนึ่งของการแข่งขันพรีเมียร์ลีก รวมถึงในฐานะแชมป์เก่า
ทัพหงส์แดงถูกยกย่องอย่างมากเรื่องความแข็งแกร่งของนักเตะ และความยอดเยี่ยมของแทคติกในเวลานั้น สื่อทุกเจ้าไม่แปลกใจที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลก่อนหน้า และต่างเห็นด้วยตรงกันว่าลิเวอร์พูลจะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จในซีซั่นนี้
เมื่อพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าวเริ่มต้น ทัพหงส์แดงสามารถคว้าชัย 8 นัดรวดสมฐานะเต็งหนึ่งของรายการ โดยผลงานไฮไลต์ของลิเวอร์พูลในช่วงเวลานี้ คือการเปิดบ้านเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 โดยดาวยิงตัวเก่ง ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ซัดแฮตทริกได้ในเกมนี้ ส่งผลให้เกมดังกล่าวกลายเป็นแมตช์แดงเดือดในความทรงจำของเดอะ ค็อป จำนวนไม่น้อย
ลิเวอร์พูลสะดุดในเกมที่เก้าของฤดูกาล หลังพวกเขาทำได้เพียงเสมอนอริช ซิตี้ 1-1 แต่ทัพหงส์แดงพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของทีม ด้วยการกลับมาชนะรวด 4 นัดติด ซึ่งผลงานเด่นในช่วงเวลานี้คือการทำลายสถิติไร้พ่ายของท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ด้วยชัยชนะ 3-1 ส่งผลให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นหนึ่งในสองทีมที่ยังไม่แพ้ใครในลีกร่วมกับ อาร์เซน่อล คู่แข่งคนสำคัญของทัพหงส์แดง
ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันในการแข่งขันนัดที่ 15 ของฤดูกาล หากลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะได้ในเกมนี้ พวกเขาจะนำห่าง 9 แต้ม และเป็นทีมเดียวที่ยังไร้พ่ายในฤดูกาล ทัพหงส์แดงจึงเดินทางสู่สนามไฮบิวรี่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เคนนี่ ดัลกลิช เลือกใช้แทคติกเดียวกับที่เอาชนะสเปอร์ส และถึงแม้นัดก่อนหน้าพวกเขาจะสะดุดเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ทุกฝ่ายยังเชื่อว่า ทัพหงส์แดงมีโอกาสคว้าชัยชนะพอสมควร
แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมา แฟนฟุตบอลอังกฤษทั่วโลกต้องอ้าปากค้าง เพราะลิเวอร์พูลบุกไปพ่ายอาร์เซน่อลหมดรูป 3-0 นี่นับเป็นการสะดุดครั้งใหญารอบแรกของทัพหงส์แดงในฤดูกาลนี้ และเป็นสัญญาณร้ายแสดงถึงปัญหามากมายของทีมที่กำลังจะตามมา
ความกดดันที่ถาโถม
ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะสองนัดรวดหลังแพ้อาร์เซน่อล แต่พวกเขากลับสะดุดเสมอควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และแพ้คริสตัล พาเลซในอีกสองเกมถัดมา ก่อนเอาตัวรอดทำผลงานไม่แพ้ใคร 10 นัดรวดในทุกรายการอย่างทุลักทุเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานในศึกเอฟเอ คัพ ที่ทัพหงส์แดงไม่เคยโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้เลย เพราะการแข่งขันในรอบ 3 และ 4 ลิเวอร์พูลต้องเตะนัดรีเพลย์ทุกครั้ง ถึงจะผ่านเข้ารอบมาได้
หนังม้วนเดิมฉายซ้ำอีกครั้งในการแข่งขันรอบ 5 เมื่อลิเวอร์พูลเปิดบ้านพบกับเอฟเวอร์ตัน ก่อนทำได้เพียงเสมอ 0-0 ต้องลงแข่งขันนัดรีเพลย์เป็นรอบที่สามติดต่อกัน แต่คราวนี้ทัพหงส์แดงกลับฟอร์มฝืดหนักเข้าไปใหญ่ พวกเขาทำได้เพียงเสมอเอฟเวอร์ตัน 4-4 และจำเป็นต้องลงแข่งขันนัดรีเพลย์อีกครั้ง
ความกดดันมากมายถาโถมสู่ถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงเวลานั้น แฟนคลับของทีมจำนวนมากไม่พอใจที่ทีมรักโชว์ผลงานไม่สมฐานะทีมหมายเลขหนึ่งของฟุตบอลอังกฤษ เพราะไม่ใช่แค่ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่พวกเขามีโอกาสพลาดแชมป์อยู่ไม่น้อย สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกก็เริ่มน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะอาร์เซน่อลยังคงไล่หลังด้วยระยะห่างเพียง 3 แต้ม ขณะเหลือการแข่งขันอีกถึง 14 นัด
และเรื่องราวก็เป็นอย่างที่แฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกรู้กันดี เคนนี่ ดัลกลิช บรมกุนซือของทีมที่พาสโมสรคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย ตัดสินใจลาออกอย่างกระทันหันในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 1991 เนื่องจากทนแบกรับความเครียดไม่ไหว โดย รอนนี่ มอแรน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมขึ้นคุมบังเหียนแทนชั่วคราว
นี่คือเหตุการณ์ที่ถูกยอมรับกันภายหลังว่า เป็นจุดสิ้นสุดยุคทองของลิเวอร์พูล และเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกไปอีก 30 ปี
วันที่ไม่มีเคนนี่ ดัลกลิช
ลิเวอร์พูลผลงานหล่นฮวบทันทีที่เคนนี่ ดัลกลิช โบกมือลาสโมสร พวกเขาเริ่มต้นด้วยการแพ้ลูตันในลีก 3-1 ก่อนแพ้เอฟเวอร์ตัน 1-0 ตกรอบศึกเอฟเอ คัพ ตามด้วยการเปิดสนามแอนฟิลด์แพ้ให้กับอาร์เซน่อล 1-0 เท่ากับภายในเวลาเพียงเก้าวัน สถานการณ์ของลิเวอร์พูลพลิกผันอย่างสุดขีด ทั้ง หมดลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ แถมยังตกเป็นฝ่ายตามหลังในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก
แม้ทัพหงส์แดงจะคืนฟอร์มคว้าชัย 3 นัดรวด แต่ผลงานของพวกเขาก็ร่วงหล่นอีกรอบด้วยการสะดุด 3 นัดรวดในลีก ส่งผลให้อาร์เซน่อลที่แพ้เพียงเกมเดียวตลอดฤดูกาล เป็นฝ่ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1990-91 มาครองได้สำเร็จ ส่วนลิเวอร์พูลเลือกจะมองไปยังฤดูกาลหน้า ด้วยการตั้งแกรม ซูเนสส์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในช่วงห้านัดสุดท้าย ซึ่งจบลงด้วยผลงานชนะ 3 นัด แพ้ 2 นัด
ทีมดังแห่งแอนฟิลด์จบเพียงอันดับสองของลีก มีคะแนนตามหลังอาร์เซน่อลมากถึง 7 แต้ม โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังดัลกลิชโบกมือลาทีมไปแล้ว เพราะความพ่ายแพ้ 6 จาก 8 นัดของทีม เกิดขึ้นในช่วง 14 นัดสุดท้ายของซีซั่น ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในสโมสรไม่ได้จบแค่ตรงนี้ เมื่อ อลัน แฮนเซ่น กัปตันทีมเลือกประกาศแขวนสตั๊ด ขณะที่ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ดาวยิงตัวเก่งก็ย้ายออกจากทีมไป
มีการตั้งคำถามเกิดขึ้นมากมายหลังจากนั้นว่า หาก เคนนี่ ดัลกลิช ไม่ลาออกกระทันหัน ลิเวอร์พูลจะรอนานถึง 30 ปีเลยหรือไม่ กว่าแชมป์ลีกสมัยถัดไปจะมาถึง เพราะการโบกมือลาของตำนานสโมสรรายนี้ คือจุดสิ้นสุดยุคทองของลิเวอร์พูลในช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่มีใครที่เข้ามาทดแทนมันสมองของเขาได้อีกเลย จนกระทั่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันที่ปลดล็อคฝันของแฟนหงส์แดงได้สำเร็จในฤดูกาล 2019-20
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็กำลังจะอำลาลิเวอร์พูลอีกครั้ง ต้องมาดูกันว่าการอำลาของยอดผู้จัดการทีมชาวลิเวอร์พูล จะเป็นจุดสิ้นสุดยุคทองของทัพหงส์แดง เหมือนตอนที่ดัลกลิชอำลาลิเวอร์พูลหรือไม่?
ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand