เส้นทางของทีมแบดมินตันทีมชาติไทยในศึกการแข่งขันแบดมินตันทีมผสมชิงแชมป์โลกหรือรายการสุธีรมาน คัพ (Sudirman Cup) ประจำปี 2023 ณ เมืองซูโจว ประเทศจีน จำเป็นต้องสิ้นสุดลงในรอบควอเตอร์ไฟนอลหรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อทีมชาติไทยเจ้าของเหรียญทองแดง 3 สมัย (2013, 2017 และ 2019) ต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติญี่ปุ่นดีกรีรองแชมป์เก่าไป 2-3 แมตช์ พลาดโอกาสการขึ้นโพเดียมไปอีกสมัย และเป็นการชวดการขึ้นโพเดียมเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
อะไรคือสาเหตุแห่งความผิดหวังของทีมชาติไทยในครั้งนี้ ติดตามอ่านได้ในบทความนี้กันครับ
เสียแต้มต่อเพราะขาดชายคู่มืออาชีพ
เป็นที่ทราบกันดีว่าตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้น วงการแบดมินตันไทยยังขาดมือชายคู่อาชีพที่สามารถลงทำการแข่งขันและสร้างผลงานในระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ (BWF World Tour) ได้แบบสม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อใดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขันในประเภททีมทั้งรายการโธมัส คัพ (Thomas Cup) และสุธีรมาน คัพ หรือในระดับมหกรรมอย่างเอเชียนเกมส์และซีเกมส์ เราต้องเสียคะแนนในประเภทนี้แทบจะทุกครั้งไป
อย่างในการแข่งขันล่าสุดทีมชาติไทยก็ต้องเสียคะแนนในประเภทชายคู่ให้กับทีมชาติเยอรมนี, อินโดนีเซีย และล่าสุดในเกมกับญี่ปุ่น เรียกได้ว่าประเภทชายคู่เราเอาชนะได้แมตช์เดียวเท่านั้นในการพบกับทีมชาติแคนาดาจากฝีมือของ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน กับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ซึ่งเป็นคู่เฉพาะกิจ ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวหากทีมชาติไทยยังไม่มีมือชายคู่ที่ไปถึงระดับโลกได้โอกาสที่จะกลับมาประสบความสำเร็จในศึกการแข่งขันประเภททีมก็เป็นไปได้ยาก
# คู่ผสมฟอร์มแกว่ง ไม่คมดังเดิม
แบดมินตันในประเภทคู่ผสมถือว่าเป็นทีเด็ดของทีมชาติไทยตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คือคู่นักกีฬาที่ทำผลงานและชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในฤดูกาลนี้ทั้งสองคนยังไม่สามารถสร้างผลงานและความสำเร็จเพิ่มเติมขึ้นมาได้ และในบางครั้งทั่งคู่ก็ยังตกรอบแบบพลิกความคาดหมายอีกด้วย
และล่าสุดทั้งคู่ก็พ่ายแพ้ให้กับ เคียวเฮ ยามาชิตะ กับ นารุ ชิโนยะ คู่มือ 19 ของโลกของญี่ปุ่นไปอย่างพลิกความคาดหมายทำให้ทีมชาติไทยชวดแต้มสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่คู่ผสมมือ 2 ของทีมอย่าง “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “เฟรม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ยังคงต้องเก็บสะสมประสบการณ์ในระดับโลกให้แกร่งกว่านี้ เพื่อจะเป็นอีกตัวเลือกในการเปลี่ยนเกม
กิ๊ฟ-วิว กับกำแพงระดับโลกที่ยังไม่อาจก้าวข้าม
ด้านประเภทหญิงคู่นั้น “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ หญิงคู่มืออันดับ 9 ของโลก และเป็นมือวางอันดับ 1 ของประเทศไทยดีกรีเหรียญทองแดงการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์เอเชียปีล่าสุดก็ยังคงไม่อาจก้าวข้ามไปสู่เวทีการแข่งขันในระดับโลกได้ ช่องว่างระหว่างพวกเธอกับคู่แข่งที่เป็นมือวางอันดับโลกที่สูงกว่ายังคงมีระยะที่ห่างกันพอสมควร
ซึ่งหลายครั้งที่ทีมชาติไทยไม่สามารถเก็บคะแนนจากทีมระดับโลกในประเภทหญิงคู่นี้ได้ โดยปัญหาหลักก็คงมาจากการที่ กิ๊ฟ-วิว นั้นเป็นคู่ที่เล่นโดยอาศัยจังหวะฝีมือแต่ขาดความหนักหน่วงในเกมบุก ซึ่งห่างหญิงคู่มือหนึ่งของไทยสามารถปรับปรุงเพิ่มความหนักและเด็ดขาดได้เมื่อไหร่ก็มีโอกาสที่ทีมชาติไทยจะได้ประโยชน์ตรงจุดนี้ได้มากขึ้น
ตัวสำรองที่ยังไม่อาจเป็นตัวเลือกสำหรับการเปลี่ยนเกม
สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทีมชาติต่างๆ ประสบความสำเร็จในการแข่งขันสุธีรมานคัพได้นั้นก็คือการมีตัวสำรองในแต่ละประเภทที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับจัดตัวและเปลี่ยนเกม ซึ่งทีมชาติไทยมีเพียงประเภทหญิงเดี่ยว รัชนก อินทนนท์ และ พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ กับ ประเภทหญิงคู่ที่มี “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ และ "มูนา" เบญญาภา กับ "อันนา" นันทกาญจน์ เอี่ยมสอาด เท่านั้นที่สามารถทดแทนกันได้
ขณะที่ในประเภทอื่นนั้นตัวสำรองหรือมือสองยังคงไม่อาจทดแทนหรือต่อกรกับคู่แข่งขันระดับโลกได้มากนัก หลายครั้งที่นักกีฬาที่เป็นมือหนึ่งจำเป็นต้องลงสนามทำศึกอย่างต่อเนื่องไม่อาจจะโรเตชั่นได้
ดวงไม่เป็นใจจับฉลากชนยักษ์
กฎกติกาการแข่งแบดมินตันสุธีรมาน คัพนั้น ทีมที่เป็นอันดับที่ 1 ของกลุ่มจะได้เป็นทีมยืนส่วนทีมอันดับที่ 2 นั้นจะถูกจับฉลากเข้าไปประกบคู่ โดยในการแข่งขันครั้งนี้ทีมชาติไทยสามารถปราบอินโดนีเซียเข้ารอบไปเป็นทีมอันดับ 1 ของกลุ่มได้
แต่กลับโชคไม่ค่อยเข้าข้างนักเมื่อต้องจับฉลากมาพบกับทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีดีกรีเป็นรองแชมป์ในครั้งที่แล้ว และก็อย่างที่ทราบผลกันไปแล้วว่าทีมชาติไทยต้องพ่ายไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหลายคนก็อดคิดไม่ได้ว่าหากไปเจอกับทีมอื่นอย่างเดนมาร์หรือไต้หวัน ทีมชาติไทยอาจได้ลุ้นมากกว่านี้
วลีที่ว่า "เก่งอย่างเดียวเป็นแชมป์ไม่ได้ ต้องเก่งบวกเฮงด้วย" ก็ยังคงเป็นจริงในบางครั้งสำหรับสถานการณ์การแข่งขันกีฬา
นี่คือปัจจัยที่ทำให้แบดมินตันทีมผสมทีมชาติไทยไปไม่ถึงฝั่งฝันในศึกสุธีรมานคัพปี 2023 นี้ แต่อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณนักกีฬาลูกขนไก่ทุกท่านที่ทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่างเต็มที่ในการแข่งขันครั้งนี้
ไม่มีอะไรต้องเสียใจครับ เราแค่กลับมาปรับปรุงแก้ไขปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วกลับไปสู้ใหม่ ไทยแลนด์ สู้ๆ ครับ
บทความโดย : The Sportory - เต้นคุง