แพทริค มาโฮมส์ เพิ่งคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์สมัยที่สามของตัวเอง และล้างคำสาปผู้แพ้ซูเปอร์โบวล์ของตัวเองได้สำเร็จ นี่คือความสำเร็จในระดับเดียวกับเพย์ตัน แมนนิง และทอม เบรดี้ สุดยอดตลอดกาลในยุคก่อนหน้า
ดูเหมือนว่าผู้เล่นหมายเลข 15 ของแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ จะเป็นสุดยอดตลอดกาลคนต่อไปของ NFL อย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมเขาถึงยอดเยี่ยมขนาดนั้น ? นี่คือคำตอบของเรา
ความสำเร็จที่ผ่านมาคือเครื่องยืนยัน
ช่วงเวลาห้าปีแรกของการลงเล่นในลีกอเมริกันฟุตบอลเบอร์หนึ่งของโลก ผู้เล่นหลายคนอาจเริ่มต้นด้วยการพัฒนาฝีมือจนก้าวเป็นตัวหลักของแฟรนไชส์ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่สำหรับแพทริค มาโฮมส์ เขาใช้เวลาช่วงเวลาเหล่านี้ในการขีดเขียนประวัติศาสตร์ เพื่อเตรียมพร้อมกับการก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของ NFL ในอีกห้าปีถัดมา
ย้อนกลับไปยังฤดูกาล 2018 ที่มาโฮมส์ยึดตำแหน่งตัวจริงของแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เป็นปีแรก เจ้าตัวเริ่มต้นด้วยการเขียนประวัติศาสตร์ในฐานะควอเตอร์แบ็ครายที่สองของประวัติศาสตร์ NFL ที่สามารถทำระยะการขว้างได้มากกว่า 5,000 หลา และทำทัชดาวน์ได้สูงถึง 50 ทัชดาวน์ โดยอีกคนที่ทำได้เช่นนี้คือ เพย์ตัน แมนนิง กับเดนเวอร์ บรองโกส์ ในฤดูกาล 2013
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลNFLประจำวัน
การก้าวไปทาบผลงานของตำนานตลอดกาลอย่างเพย์ตัน แมนนิง เพียงเท่านี้ถือเป็นหลักฐานมากพอที่จะทำให้หลายคนเชื่อว่ามาโฮมส์จะเป็นสุดยอดตลอดกาลของยุคถัดไป แต่สิ่งที่ทำให้มาโฮมส์พิเศษไปกว่านั้นคือตัวเขาสร้างสถิตินี้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ลงแข่งขันในฐานะตัวจริงบนเวที NFL ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเคยทำแบบเขาได้มาก่อน
อีกหนึ่งผลงานที่ทำให้มาโฮมส์ถูกพูดถึงในฐานะอนาคตของวงการคือการคว้ารางวัล MVP ของฤดูกาล 2018 โดยนอกจากเขาจะเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ที่คว้ารางวัลดังกล่าว เขายังถือเป็นควอเตอร์แบ็คอายุน้อยที่สุดที่คว้ารางวัลนี้ด้วยวัย 23 ปี ซึ่งคนล่าสุดที่คว้ารางวัลนี้แล้วอายุน้อยกว่ามาโฮมส์ คือ แดน มาริโน ผู้เล่นระดับตำนานของ NFL และไมอามี่ ดอลฟินส์ ในปี 1984
เมื่อมาโฮมส์ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในฤดูกาล 2019 ทุกคนต่างเชื่อว่าเขาคงเป็นสุดยอดตลอดกาลของ NFL คนใหม่เสียแล้ว แต่ความพ่ายแพ้ยับเยินในซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 55 แก่สุดยอดตลอดกาลคนเก่าอย่าง ทอม เบรดี้ ความจริงตรงนี้ส่งผลให้มาโฮมส์ตกอยู่ภายใต้คำสาปควอเตอร์แบ็คที่แพ้ในซูเปอร์โบวล์ ซึ่งจะไม่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีก เว้นเสียแต่คุณจะเป็นสุดยอดตลอดกาล เช่น เพย์ตัน แมนนิง หรือ ทอม เบรดี้
แพทริค มาโฮมส์ ไม่เพียงใช้เวลาเพียงสองปีเพื่อกลับมาสู่ในจุดที่เขาควรจะยืนอีกครั้ง แต่ยังคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์สมัยที่สองพร้อมกับสถิติใหม่อีกมากมาย เช่น ควอเตอร์แบ็คที่ทำระยะสองหมื่นหลาเร็วที่สุด, ควอเตอร์แบ็คที่ทำ 100 ทัชดาวน์เร็วที่สุด, ค่าควอเตอร์แบ็คเรตติ้งดีที่สุดตลอดกาล และทำทัชดาวน์ในโพสต์ซีซั่นมากที่สุดตลอดกาล
การก้าวผ่านคำสาปควอเตอร์แบ็คเช่นเดียวกับเพย์ตัน และเบรดี้ แถมยังกลับมาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ด้วยการสร้างสถิติใหม่มากมาย พร้อมกับเป็นควอเตอร์แบ็คคนแรกต่อจากเคิร์ท วอร์เนอร์ ในปี 1999 ที่คว้ารางวัล MVP ในฤดูกาลปกติ และเกมซูเปอร์โบวล์ (เพย์ตัน และเบรดี้ ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้)
ห้ามพลาด! ทายผลNFLลุ้นรับรางวัลใหญ่คลิก
เพียงเท่านี้ ทุกคนคงมองเห็นเครื่องยืนยันว่าทำไมมาโฮมส์จึงจะเป็นสุดยอดตลอดกาลคนใหม่ ผ่านการมองผลงานที่เขาเคยทำมาในอดีตเท่านั้น
กล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
แม้ผลงานในอดีตของแพทริค มาโฮมส์ มีหลักฐานมากมายที่ยืนยันว่าเขาเป็นสุดยอดตลอดกาลของกีฬาอเมริกันฟุตบอลยุคใหม่ แต่เส้นทางที่ผ่านมาของเขาก็ไม่ได้มีแต่เรื่องสวยงามเสียทีเดียว มาโฮมส์เองต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหลายครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดคือ มาโฮมส์ยอมรับว่า เขาชอบรรยากาศที่ตัวเองตกเป็นรองมากกว่าเสมอ
แอนดี้ รีด เฮดโค้ชของแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เคยเปิดเผยว่ามาโฮมส์มีความฝันที่ชัดเจนคือต้องการเป็น “สุดยอดตลอดกาล” และการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ มาโฮมส์รู้ดีว่าเขาต้องทำในสิ่งที่ทอม เบรดี้ เคยทำได้ในฤดูกาล 2016 เมื่อ TB12 พานิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ กลับมาชนะในซูเปอร์โบวล์ แม้ตามหลังช่วงครึ่งเวลามากกว่าสิบแต้ม
แน่นอนว่า มาโฮมส์ คงไม่อยากพาตัวเองไปอยู่จุดนั้นหากเป็นไปได้ แต่หากมองไปยังความเป็นจริง ไม่มีทางเลยที่มาโฮมส์จะหลุดพ้นจากสถานการณ์แบบเดียวกับที่เบรดี้เคยเจอ ดังนั้นแล้ว แทนที่จะตื่นตระหนกหรือหลบเลี่ยงการพาทีมตามหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาโฮมส์กลับชอบมากกว่าที่จะลงเล่นในขณะที่ทีมตามหลัง เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่จะทำให้เขากลับมาเป็นแชมป์ซูเปอร์โบวล์อีกครั้งหนึ่ง
“ตอนผมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ครั้งแรก มันแค่รู้สึกว่า นี่มันสุดยอดมากเลย เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเด็กได้ของรางวัลในงานประจำปี” มาโฮมส์เล่าถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปหลังพ่ายแพ้เกมซูเปอร์โบวล์
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลNFLประจำวัน
“แต่ครั้งนี้ ผมกำลังจะลงแข่งขันเพื่อรับมือกับความล้มเหลว เพราะตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันยากแค่ไหนที่จะก้าวมายังจุดนี้ เพื่อชนะการแข่งขันในท้ายที่สุด”
มาโฮมส์แสดงให้เห็นทุกคนเห็นเต็มตาว่าเขาไม่เพียงกลับมาคว้าชัยชนะในซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ แต่ยังสามารถทำในสิ่งที่มีเพียงทอม เบรดี้ เท่านั้นที่ทำได้ คือการพาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ แม้ตามหลังในช่วงครึ่งแรกด้วยคะแนนไม่ต่ำกว่าสิบแต้ม โดยในครึ่งแรก ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ เป็นฝ่ายขึ้นนำแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ อยู่ 24-14
หากมาโฮมส์ไม่เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้าความล้มเหลว เขาคงไม่สามารถทำในสิ่งที่สุดยอดตลอดกาลคนก่อนเคยทำได้ การก้าวผ่านสถานการณ์ที่กดดันที่สุดในโลกอเมริกันฟุตบอล เพื่อคว้าตำแหน่งผู้ชนะของเกมในบั้นปลาย
ถือเป็นเครื่องยืนยันที่แสดงให้เห็นว่ามาโฮมส์ไม่เพียงมีจิตวิญญาณของผู้ชนะ แต่ยังพร้อมที่จะเรียนรู้ในการรับมือกับความผิดหวัง เพื่อผลักดันให้ตัวเองก้าวผ่านความรู้สึกนั้น จนกลับมาเป็นแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในท้ายที่สุด
ภาวะผู้นำระดับสูงสุด
แพทริค มาโฮมส์ ย่อมเรียนรู้วิธีการของทอม เบรดี้ เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวที่เขาอยากเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดตลอดกาลอยู่แล้ว แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาโฮมส์พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นเดอะ โกท คนต่อไปได้สำเร็จ คือความรู้สึกถึงหน้าที่ผู้นำทีมของเขา เพราะมาโฮมส์ตระหนักดีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ชีฟส์จะกลับไปประสบความสำเร็จอีกครั้ง หากตัวเขายังคงเป็นหัวหน้าทีมที่ดีไม่พอ
“ผมจำเป็นต้องกลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้นกว่าเดิม” มาโฮมส์กล่าวถึงสิ่งที่ตัวเขายังต้องพัฒนามากขึ้น หากหวังจะเป็นตำนานหน้าใหม่ใน NFL
“แน่นอนว่าผมพูดคุยกับคนอื่นเสมอ แต่ผมจำเป็นต้องก้าวสู่ขั้นต่อไปของการเป็นผู้นำ เพื่อที่ผมจะได้โชว์คนอื่นว่าที่นี่เราทำงานกันอย่างไร หรือทำไมผมถึงไม่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยผ่านไปได้ เพราะว่าเรามีผู้เล่นมากมายที่ทำงานหนักกันแบบนี้อย่างยาวนาน”
ล่าสุดมาโฮมส์ได้แสดงถึงความยอดเยี่ยมของเขา ด้วยการพาชีฟส์ล้มซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส 25-22 พร้อมกับพาชีฟส์เป็นทีมแรกในรอบ 20 ปีที่สามารถป้องกันแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ
ห้ามพลาด! ทายผลNFLลุ้นรับรางวัลใหญ่คลิก
มาโฮมส์ไม่ได้เพียงเรียนรู้ที่จะเดินตามแนวทางของตำนานรุ่นก่อน แต่เขายังมีความกระหายและความทะเยอทะยานมากพอจะผลักดันตัวเองให้กลายเป็นตำนานคนใหม่ของวงการ แอนดี้ รีด เปิดเผยว่ามาโฮมส์เหมือนเด็กชายที่เติบโตมาจากในล็อคเกอร์ รูม
เพราะเขารู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าที่อะไรในฐานะหัวหน้าทีม โดยไม่ต้องมีใครเดินไปบอกเขาด้วยซ้ำ นี่คือนักกีฬาที่ไม่เพียงเกิดมาพร้อมความสามารถ แต่ยังเกิดมาพร้อมกับความเป็นผู้นำ
ย้ำกันอีกครั้งว่า ความฝันของมาโฮมส์มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดตลอดกาลของกีฬาอเมริกันฟุตบอล ดังนั้นแล้ว มาโฮมส์จะไม่ลังเลในการยกระดับฝีมือของผู้เล่นรอบกายขึ้นมา เนื่องจากมาโฮมส์รู้ดีว่าธรรมชาติของกีฬาอเมริกันฟุตบอลเป็นอย่างไร และเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ด้วยตัวเอง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้มาโฮมส์เลือกจะพัฒนาตัวเองขึ้นในฐานะผู้นำของทีม เพราะในท้ายที่สุดความสำเร็จของทีมในบั้นปลาย จะกลายเป็นความสำเร็จส่วนตัวของเขาด้วยเช่นกัน นี่คือวิธีการสำคัญที่มาโฮมส์เชื่อว่าจะทำให้เขากลายเป็นสุดยอดตลอดกาล ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใกล้คำนั้นไปอีกขั้นแล้ว
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand