เปิดคลังเกมรับ : ไมอามี ฮีต จะหยุด นิโคลา โยคิช ในรอบชิง NBA ได้หรือไม่?

Scott Rafferty

เปิดคลังเกมรับ : ไมอามี ฮีต จะหยุด นิโคลา โยคิช ในรอบชิง NBA ได้หรือไม่? image

ทั้ง ทิมเบอร์วูล์ฟส์, ซันส์ และ เลเกอร์ส ต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหาวิธีกำราบเซ็นเตอร์ MVP สองสมัยอย่าง นิโคลา โยคิช ลงให้ได้ แต่ทว่ามันก็ไม่มีทีมไหนทำสำเร็จ

ซึ่งในคราวนี้ก็ถึงตาของ ไมอามี ฮีต แล้วที่จะท้าทายกับสิ่งนั้น

โยคิชมีสถิติในเพลย์ออฟปี 2023 อยู่ที่ 29.9 แต้ม, 13.3 รีบาวด์ และ 10.3 แอสซิสต์ และกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะเป็นผู้เล่นคนที่สี่ในประวัติศาสตร์ NBA ที่มีค่าเฉลี่ยเป็น ทริปเปิล-ดับเบิล ในเพลย์ออฟปีเดียว นอกจากสถิติเบื้องต้นที่ดีแล้ว ความมีประสิทธิภาพในการทำแต้มของเขาก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ด้วยการยิงลงไป 53.8 เปอร์เซนต์จากฟิลด์โกลทั้งหมด และ 47.4 เปอร์เซนต์จากหลังเส้นสามคะแนน

ไมอามี ฮีต คือหนึ่งทีมที่ป้องกันดีที่สุดในลีกพร้อมกับมีผู้เล่นเกมรับชั้นดีถึงสองคนไม่ว่าจะเป็น จิมมี บัตเลอร์ และ แบม อเดบาโย แต่ตอนนี้ก็ยังคงเป็นคำถามว่าพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนเมื่อต้องเจอกับ นิโคลา โยคิช

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่

ไมอามี ฮีต จะปิด นิโคลา โยคิช ในรอบชิง NBA ได้หรือไม่?

แบม อเดบาโย คือคนที่รับหน้าปิด นิโคลา โยคิช มากที่สุดในสองเกมของช่วงฤดูกาลปกติที่ผ่านมาและอย่างที่เรารู้ว่า แบม คือผู้เล่นเกมรับที่ดีไม่น้อยหน้าใคร แต่ทว่าเขากลับตัวเล็กกว่า โยคิช อยู่ประมาณ 2-3 นิ้ว และน้ำหนักน้อยกว่าถึง 30 ปอนด์ด้วยกัน

เพราะฉะนั้นการปิด โยคิช ของ แบม นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากจริงๆเพราะสู้ไม่ได้ในเรื่องความใหญ่ของตัว นี่จึงทำให้ โยคิช ค่อนข้างไม่มีปัญหาเท่าไหร่นักกับการเล่นที่โพสต์เมื่อ แบม เป็นคนปิดเขาโดยเฉพาะเมื่อ โยคิช ได้พื้นที่และค่อยๆไถเข้าไปหาห่วง

นอกจากขนาดตัวที่ใหญ่กว่าแล้ว โยคิช ยังมีฟุตเวิร์คที่ดีอีกด้วยในการทำแต้มใต้แป้น

และแน่นอนว่าความยาวของช่วงแขนก็มีมากพอที่จะทำให้ยิงผ่าน แบม ไปได้

หากเราอ้างอิงสถิติจาก NBA matchup data, โยคิชสามารถยิงลงไปได้ 17 จาก 27 ลูกและนับเป็น 37 แต้มเมื่อ แบม อเดบาโย เป็นคนปิด นิโคลา โยคิช ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้ก็ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ส่วนอีกหนึ่งปัญหาที่ ฮีต ต้องเจอก็คือพวกเขาไม่มีผู้เล่นที่มีขนาดตัวที่ใหญ่เท่าไหร่นักในชุดนี้

อเดบาโยคือผู้เล่นที่สูงที่สุดเป็นอันดับห้าของทีม โดยตามหลัง นิโคลา โยวิช (6 ฟุต 10), ออร์แลนโด โรบินสัน (6 ฟุต 10), โคดี้ เซลเลอร์ (6 ฟุต 11) และ โอเมอร์ เยิร์ทเซเวน (6 ฟุต 11) แม้ว่าจะมีถึงสี่คนที่สูงกว่าแบม แต่ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่น่าจะได้นาทีลงเล่นในรอบไฟนอลส์ก็คือ โคดี้ เซลเลอร์ 

แต่ถ้าไม่ใช่ แบม และ เซลเลอร์ แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่งก็คือให้ เควิน เลิฟ ที่ไม่ได้ลงเล่นในเกม 6 และ เกม 7 ในรอบชิงแชมป์สายไปปิด นิโคลา โยคิช ซึ่งตรงนี้ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีมากนัก

จริงๆแล้ว ฮีต สามารถนำแผนของ เลเกอร์ส ที่ใช้กับ นิโคลา โยคิช มาลองใช้ได้เหมือนกันก็คือให้คนอื่นเป็นคนปิด โยคิช และให้ แบม ไปปิด แอรอน กอร์ดอน หรือใครก็ตามที่มีการยิงสามคะแนนที่ไม่ดีนักเพื่อให้ แบม คอยซ้อนใต้แป้น แต่ทว่า แบม ก็ไม่ใช่ผู้เล่นที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเมื่อเทียบกับ แอนโทนี เดวิส ที่เป็นผู้เล่นเกมรับรอซ้อนได้ดีที่สุดคนหนึ่งของลีก

โดยที่เรื่องนี้เราสามารถวัดได้จากสถิติ ทางด้าน เดวิส นั้นมีค่าเฉลี่ยการบล็อกอยู่ที่ 3.1 ครั้งต่อเกมในเพลย์ออฟและผู้เล่นฝั่งตรงข้ามจะมีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าค่าที่คาดการณ์ถึง 16.3 เปอร์เซนต์ เมื่อเขาป้องกันอยู่ที่ใต้แป้น แต่ทางด้านของ แบม นั้นมีเพียง 0.6 บล็อกต่อเกมเท่านั้นและผู้เล่นฝั่งตรงข้ามจะมีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าค่าที่คาดการณ์ไว้เพียง 6.1 เปอร์เซนต์เท่านั้นเมื่อ แบม อยู่ใต้แป้น แน่นอนว่าเขายังสามารถรบกวนได้อยู่แต่ทว่าก็ไม่เท่ากับ แอนโทนี เดวิส อยู่ดี

การเล่นเกมรับที่โดดเด่นที่สุดของ แบม อเดบาโย ก็คือความเร็วและความอเนกประสงค์ ซึ่งนี่ทำให้เขาสามารถสลับออกไปประกบได้ทั้ง จามาล เมอร์รีย์ และ ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ ได้ในวงนอก แต่การที่ เกบ วินเซนต์, แม็กซ์ สตรูส, ดันแคน โรบินสัน, หรือ เคเล็บ มาร์ติน ต้องไปประกบ โยคิช นั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่

เพราะเมื่อไหร่ที่ โยคิช ได้มิสแมตช์ เขาพร้อมจะทำแต้มอย่างทันทีไม่ว่าจะเป็นการยิงระยะกลาง, โฟลทเตอร์ หรือการจบใต้แป้น เขาไม่รีรอเลยที่จะลงโทษอีกทีมที่ยอมให้คนตัวเล็กกว่ามาประกบเขา

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจว่าเราจะได้เห็นจาก อีริค สโปลส์ตรา หรือไม่ก็คือการให้ จิมมี บัตเลอร์ ไปปิด โยคิช เหมือนอย่างที่ พี.เจ. ทัคเกอร์ ของ ซิกเซอร์ส เล่นใส่เขาในช่วงฤดูกาลปกติ และที่ รุย ฮาชิมูระ ทำใส่ โยคิช ในเพลย์ออฟ แน่นอนว่า บัตเลอร์ จะเสียเปรียบเรื่องขนาดตัวมากกว่า แบม ด้วยซ้ำแต่เขาก็ถือว่ามีร่างกายแข็งแรงและแข็งแกร่งมากที่เดียว เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งการเล่นเกมรับที่น่าจับตามองเช่นกันว่าจะถูกนำมาใช้หรือไม่

นอกจากที่กล่าวไปด้านบนแล้ว ฮีต ยังสามารถที่จะแทรป(รุมสองคน)ใส่ โยคิช ได้เช่นกันเมื่อเขามีบอลอยู่ในมือ แต่นั่นก็จะสร้างปัญหาใหม่ให้กับ ไมอามี แน่นอนเพราะ โยคิช คือผู้เล่นคนหนึ่งที่ส่งดีที่สุดใน NBA นอกจากนั้นเขายังเลือกส่งในเวลาและจังหวะที่ถูกต้องได้อีกด้วย

แถมสถิติยังชี้นำไปทางนั้นอีกด้วยเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ โยคิช มีมากกว่า 10 แอสซิสต์ ทางด้าน เดนเวอร์ นักเก็ตส์ จะได้รับชัยชนะไปถึง 7 เกมและแพ้ไปเพียง 2 เกมเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่เขาทำไปมากกว่า 30 แต้ม ทีมจะมีสถิติชนะที่ 4 เกมและแพ้ไปถึง 3 เกมด้วยกัน สรุปง่ายๆก็คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในเกมรุกของ นักเก็ตส์ นั้นก็คือการที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมอยู่ในเกม

การเล่นโซนที่ ฮีต ถนัดและเคยทำได้กับ เซลติกส์ นั้นก็อาจจะใช้ไม่ได้กับ โยคิช เช่นกันเพราะ เมื่อไหร่ที่ โยคิช ไปอยู่ตรงกลางระหว่างโซนนั้น เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำแต้มหรือส่งให้เพื่อนร่วมทีมที่รอตัดและยิงสามคะแนนอยู่รอบตัวเขา

สุดท้ายแล้วทางเลือกของ ฮีต อาจจะมีแค่สองทางก็คือเลือกว่าจะให้ โยคิช ทำแต้มหรือจะให้สร้างเพลย์ให้กับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่บอกเลยว่าเลือกแบบไหนก็เหนื่อยทั้งนั้น 

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทีมไหนบ้างใน NBA ที่ไม่เคยเข้าไปเล่นใน NBA รอบชิงชนะเลิศ?

บทความที่เกี่ยวข้อง : นักเก็ตส์สร้างทีมอย่างไร? จนไปชิงแชมป์ NBA ครั้งแรกของแฟรนชายส์

บทความที่เกี่ยวข้อง : ชนะเกมแรกใน NBA นัดชิงสำคัญแค่ไหนกับการคว้าแชมป์ NBA? 

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Scott Rafferty

Scott Rafferty Photo

 

Scott Rafferty is an experienced NBA journalist who first started writing for The Sporting News in 2017. There are few things he appreciates more than a Nikola Jokic no-look pass, Klay Thompson heat check or Giannis Antetokounmpo eurostep. He's a member of the NBA Global team.