เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควรตั้งแต่ยุค 2010 ที่ว่าที่แชมป์จะสลับหน้ากันไปมาระหว่าง คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส และ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ซึ่งคำถามก็คือนักรบอย่าง เลบรอน เจมส์ จะฟันคอมังกร วอร์ริเออร์ส ร่วงรึเปล่าเท่านั้นเอง?
แต่ทว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากปฏิทินเปลี่ยนเป็น 2020 เนื่องจากรอบชิงตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่มีทีมไหนซ้ำหน้ากันเลยสักทีมเดียวซึ่งก็เป็นไปได้เช่นกันว่าปีนี้จะเป็นหน้าใหม่ที่เข้าไปชิงอีกครั้ง
ก่อนที่เพลย์ออฟรอบแรกปี 2023 จะเริ่มต้น พวกเรา The Sporting News ได้หยิบยกผู้เล่นจำนวนหนึ่งขึ้นมาที่คงกดดันไม่น้อยกับเพลย์ออฟฤดูกาลนี้โดยไม่ใช่เพียงว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรแต่รวมถึงว่าการประสบความสำเร็จในรอบเพลย์ออฟสำคัญมากแค่ไหนกับอาชีพนักบาสของเขาด้วย
ใครคือผู้เล่นที่กดดัน เพราะต้องคว้าแชมป์ให้ได้มากที่สุดใน NBA เพลย์ออฟ 2023?
โจเอล เอ็มบีด : ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส
เอ็มบีดคือผู้เล่นตัวเต็งรางวัล MVP ปี 2022-23 แบบไม่ต้องสงสัยจากการที่เขามีฤดูกาลที่ดีสุดในชีวิตการเล่นด้วยค่าเฉลี่ย 33.1 แต้ม, 10.2 รีบาวด์, 4.2 แอสซิส์, 1.7 บล็อก และ 1.0 สตีลต่อเกม เพิ่มเติมคือประสิทธิภาพการยิงฟิลด์โกลที่สูงถึง 54.8 เปอร์เซนต์ (มากสุดในการเล่นอาชีพ) จากการระเบิดฟอร์มในพื้นที่ใต้แป้นและระยะกลาง
ความท้าทายของ เอ็มบีด ก็ยังคงเหมือนเดิมในทุกๆปีก็คือการพาความโหดในช่วงฤดูกาลปกติไปยังเพลย์ออฟให้ได้เพราะว่าตัวของเขายังไม่เคยพาทีมทะลุเข้ารอบชิงแชมป์สายแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งในปีนี้น่าจะเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดหากเขาต้องการทำเป้าหมายนี้ให้เป็นจริงแม้ว่าจะยังมีสองทีมสุดแกร่งอย่าง บัคส์ กับ เซลติกส์ ขวางทางอยู่ก็ตาม
ถ้าหากว่า เอ็มบีด และ ซิกเซอร์ส ของเขาพลาดท่าอีกครั้งคงจะเป็นคำถามชิ้นใหญ่ไม่น้อยในอนาคตช่วงปิดฤดูกาลว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ฮาร์เด้นจะเลือกรับเงินในสัญญาปีสุดท้ายหรือไม่? หรือจะออกไปเป็นผู้เล่นอิสระ? หัวหน้าโค้ชอย่าง ด็อก ริเวอร์ จะยังคงได้ทำงานต่อไปหรือไม่? หรือผู้บริหารจะสร้างทีมให้ได้แชมป์อย่างไร?
ซึ่ง เอ็มบีด ก็รู้ดีว่าการกลบเสียงคำถามเหล่านี้มีแต่ต้องชนะให้ได้เท่านั้น
เจมส์ ฮาร์เด้น : ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส
มันเป็นเรื่องที่แปลกไม่น้อยเมื่อคุณเห็นสองผู้เล่นในทีมเดียวกันของซิกเซอร์สทั้ง ฮาร์เด้น และ เอ็มบีด เข้ามาอยู่ในลิสต์นี้
การที่ ซิกเซอร์ส นำตัว เจมส์ ฮาร์เด้น เข้ามาสู่ทีมเพื่อช่วย เอ็มบีด ก็เพราะอยากให้ทั้งสองคนนี้ช่วยกันพา ซิกเซอร์ส ไปได้ไกลมากที่สุด หากซิกเซอร์สจะไปได้ไกลในปีนี้ ไม่ใช่เพียง เอ็มบีด เท่านั้นที่ต้องเล่นในระดับ MVP แต่ต้องการฟอร์มที่ดีของ เจมส์ ฮาร์เด้น ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า ฮาร์เด้น คือคนที่สำคัญมากๆใน ซิกเซอร์ส ชุดนี้
ไม่ว่าจะกี่ปีหรือกี่ปี เสียงครหาต่อ เจมส์ ฮาร์เด้น ในรอบเพลย์ออฟจะมีมาเสอและมันก็ดังขึ้นทุกครั้งเมื่อเวลาเปลี่ยผ่านไปเรื่อยๆ แต่ถ้าปีนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเขาสามารถพา ซิกเซอร์ส ไปได้ไกล ข้อครหาอย่างน้อยก็จะลดลงไปและมากที่สุดคือถ้าเขาได้แชมป์ในปีนี้ ข้อครหาต่างๆก็คงหายไปอย่างสิ้นเชิง
นิโคลา โยคิช : เดนเวอร์ นักเก็ตส์
ถ้าหากว่า เอ็มบีด เป็น MVP ในฤดูกาลนี้จริงๆมันก็คงจะลดความกดดันของ โยคิช ได้บ้างเหมือนกันแต่ภาระหรือความกดดดันที่เขาต้องแบกรับจริงๆก็คงไม่น้อยเท่าไหร่นักกับการเป็น MVP สองสมัยติกต่อกัน
ในฤดูกาลนี้ไม่มีอะไรบรรยายนอกจากคำว่าสุดยอดให้กับโยคิช เพราะเขากดไปถึง 24.5 แต้ม, 11.8 รีบาวด์ และ 9.8 แอสซิสต์ ต่อเกมในขณะที่ยิงลงไปถึง 63.2 เปอร์เซนต์จากฟิลด์โกล และ 38.3 เปอร์เซนต์จากสามคะแนนในฤดูกาลนี้ บวกกับการที่เขาพา นักเก็ตส์ ขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของสายตะวันตกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แฟรนชายส์ก็ยิ่งแสดงถึงความสุดยอดขึ้นไปอีก
แต่ความสุดยอดของ โยคิช ในความรู้สึกอาจจะยังไม่สุดหากเขายังไปได้ไม่ไกลในเพลย์ออฟ แม้ว่าเขาจะสามารถชนะได้อย่างน้อยหนึ่งซีรีส์สามจากสี่ครั้งหลังสุดแต่เขาสามารถพาทีมเข้ารอบชิงแชมป์สายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นและต้องร่วงจากรอบแรกไปในฤดูกาลที่แล้ว
เราคงไม่ต้องสงสัยความสุดยอดของ โยคิช อีกแล้วว่าเขาเป็นผูเล่นที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนในประวัติศาสตร์ NBA แต่ถ้าเขาอยากกลบคำดูถูกเหยียดหยามของคนที่เกลียดเขาให้ได้ อย่างน้อยพวกเขาควรจะต้องเข้าไปในรอบชิงแชมป์สายให้ได้ในปีนี้
คริส พอล : ฟินิกซ์ ซันส์
ตลอดอาชีพของ คริส พอล มีเพียงอย่างเดียวที่เขายังขาดไปก็คือ แหวนแชมป์ NBA ซึ่งในปีนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีสุดๆแล้วที่เขาจะสามารถคว้ามาได้เพื่อทำให้เขากลายเป็นพอยต์การ์ดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBA
หลังจากที่สามารถพา ซันส์ ทะลุเข้าไปในรอบไฟนอลส์ไปได้ในปี 2021 พวกเขากลับไม่สามารถทำได้อีกครั้งในเพลย์ออฟปีที่แล้วจากการแพ้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ในเกมที่ 7 ของรอบรองชนะเลิศสายตะวันตก แต่เมื่อในปีนี้พวกเขามี เควิน ดูแรนท์ ที่มาเสริมทีมในช่วงเว้นตายการเทรดก็ถือว่าเป็นโอกาสทองแล้วจริงๆสำหรับ คริส พอล ที่จะได้กลับไปในไฟนอลส์อีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นตัวอย่างที่น้อยแต่ว่าเมื่อไหร่ที่ เควิน ดูแรนท์ ได้ลงสนาม ซันส์ ยังไม่แพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียวด้วยสถิติชนะ 8 แพ้ 0
สำหรับฟอร์มส่วนตัวของ พอล ในฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้ดีเหมือนปีก่อนๆเนื่องจากอาการบาดเจ็บโดยมีค่าเฉลี่ยที่ 13.9 แต้ม, 8.9 แอสซิสต์ และ 4.3 รีบาวด์ พร้อมสถิติการยิง .444/.375/.831 จาก 59 เกมที่เขาลงเล่น แต่ด้วยการที่เขามีเพื่อนร่วมทีมทั้ง ดีอันเดร เอย์ตัน, เควิน ดูแรนท์ และ เดวิน บุคเกอร์ และสายตะวันตกที่ยังเปิดกว้างมากพอหากเขาไม่สามารถค้วาแชมป์มาได้ก็ถือว่ามีข้อแก้ตัวน้อยมากแล้วจริงๆ