Linsanity : ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนนักบาสโนเนมสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ในชั่วข้ามคืน

Scott Rafferty

Linsanity : ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนนักบาสโนเนมสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ในชั่วข้ามคืน image

มีบางช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ NBA ที่แฟน ๆ ไม่ว่าจะติดตามทีมไหนจะไม่มีวันลืม

Linsanity เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้น

เจเรมี ลิน ไม่ได้ถูกคาดหวังให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใน NBA เขาไม่ได้ยินชื่อของเขาใน NBA Draft 2010 เขาได้ไปเซ็นสัญญากับวอร์ริเออร์ส แต่ก็ผู้คนก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาในสนามมากนัก ในฤดูกาลแรกของเขา

หลังออกมาจากวอร์ริเออร์ส ลินได้ไปเล่นในลีกจีน ก่อนจะได้มาร่วมทีมกับนิวยอร์ก นิกส์ และเรื่องราวของเขา ก็ได้เริ่มขึ้นจากนั้น เขากลายเป็นที่พูดถึงในโลกกีฬา ด้วยช่วงเวลาที่น่าทึ่งที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA

หลินเปลี่ยนจากผู้เล่นที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกของ Time ภายในเวลาไม่ถึงสองปี 

การกลับมาอันน่าทึ่งของลิน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Linsanity จะถูกนำเสนอผ่านทางสารคดี HBO เรื่องใหม่

Linsanity เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และนานแค่ไหน ?

Linsanity เริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2012 จนถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012 ดังนั้น Linsanity จึงอยู่ได้ประมาณสองสัปดาห์

ทำไมวันที่เหล่านั้น ? ในช่วงต้นฤดูกาล 2011-12 ลินสามารถพานิกส์ เก็บชัยชนะ 8 เกมจาก 9 เกม และเก็บชัยชนะได้ติดต่อกัน 7 เกมติด

นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฤดูกาลสำหรับทั้งลิน และ นิกส์

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดจาก Linsanity

ชัยชนะ 7 เกมติดต่อกันของนิวยอร์ก นิกส์ เริ่มต้นจากการที่ลินพาทีมเอาชนะเน็ตส์ ซึ่งนำทีมโดย เดรอน วิลเลี่ยมส์ ออลสตาร์สามครั้งได้สำเร็จ ในเกมนั้น ลินทำไปคนเดียวถึง 25 แต้มและ 7 แอสซิสต์

ลินกล่าวว่า ตัวแทนของเขาโทรหาเขาก่อนเกมและบอกเขาว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาใน NBA ถ้าเขายังเล่นได้ไม่ดี

สองคืนต่อมา ลินถูกย้ายไปอยู่ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงของนิวยอร์ก

 


หลังจากเอาชนะเน็ตส์ได้ ลินก็พาทีมเอาชนะ แจ๊ซ และ วิซาร์ดส์ เขามีช่วงเวลาที่น่าจดจำในทั้งสองเกมด้วยการถูกแฟนๆตะโกนซูฮกด้วยคำว่า MVP ในเกมพบกับแจ๊ส และการดังค์ครั้งแรกในอาชีพของเขากับวิซาร์ดส์

 

 

ต่อมา ลินต้องเจอกับกระดูกชิ้นโตอย่างแอลเอ เลเกอร์ส ที่มี โคบี ไบรอันต์ นำทัพ เกมดังกล่าวซึ่งออกอากาศทางช่อง ESPN ทั่วประเทศ ลินไม่เพียงแต่เค้นฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาออกมาได้ ด้วยคะแนน 38 แต้ม ในเกมการแข่งขันที่มีความกดดันสูงเท่านั้น แต่เขายังทำคะแนนได้เหนือกว่าไบรอันท์ซึ่งจบด้วย 34 แต้ม

“เขาเล่นได้ดีมาก” ไบรอันท์ กล่าวถึงลินหลังเกม “ถ้านั่นคือวิธีที่เขาเล่นในสามหรือสี่เกมล่าสุด เขาเล่นได้อย่างมหัศจรรย์

“เราดูการเล่นของเขาผ่านวิดีโอเทป คิดกลยุทธ์ที่เราคิดว่าน่าจะได้ผล แต่ก็ไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของเขาได้ เขาเจาะทะลุผ่านการ์ดของเราเข้ามาทำแต้มได้อย่างง่ายดาย”

 


ลินเริ่มเล่นได้ยากขึ้นในคืนต่อมากับ ทิมเบอร์วูล์ฟส์ แต่เขากลับมาคืนฟอร์มโหดอีกครั้งกับ แร็ปเตอส์ ในช่วงวันวาเลนไทน์ ด้วยคะแนน 27 แต้มและ 11 แอสซิสต์

 

ชัยชนะ 7 เกมติดต่อกันเกมสุดท้ายของลินและนิกส์ คือการเอาชนะคิงส์ โดยลินทำไป 10 แต้มและ 13 แอสซิสต์

หลังชัยชนะ 7 เกมติดต่อกัน นิกส์ก็แพ้ให้กับ ฮอร์เน็ตส์ แต่พวกเขากลับมาได้อีกครั้ง ด้วย 28 แต้ม และ 14 แอสซิสต์ ของลิน ในเกมพบกับ แมฟเวอริกส์

 

สถิติ Linsanity ของ เจเรมี ลิน

นี่คือสิ่งที่ลิน ทำไว้โดยเฉลี่ยใน 9 เกมที่เขาลงเล่นระหว่างวันที่ 4 ถึง 19 กุมภาพันธ์ ของฤดูกาล 2011-12

25.0 แต้มต่อเกม

9.2 แอสซิสต์ต่อเกม

3.8 รีบาวน์ต่อเกม

2.2 สตีลต่อเกม

5.9 เทิร์นโอเวอร์ต่อเกม

38.7 นาทีต่อเกม

ความแม่นในการทำแต้ม 50.9 เปอร์เซนต์

33.3 เปอร์เซนต์ในการยิง 3 แต้ม

การยิงลูกโทษ 70.8 เปอร์เซนต์

เกิดอะไรขึ้นกับ เจเรมี ลิน หลังผ่านช่วง Linsanity ?

หลินจบฤดูกาล 2011-12 โดยค่าเฉลี่ย 14.6 แต้มต่อเกม เป็นผลงานดีที่สุดในอาชีพของเขา เขาเซ็นสัญญากับร็อคเก็ตส์หลังจบฤดูกาลนั้น 

ลินเล่นให้กับร็อคเก็ตส์เป็นเวลาสองฤดูกาล จากนั้นเขาก็ย้ายไปเล่นหนึ่งฤดูกาลกับเลเกอร์ส, หนึ่งฤดูกาลกับฮอร์เน็ตส์ และอีกสองฤดูกาลกับเน็ตส์ ซึ่งกับเน็ตส์ เขาได้ลงเล่นเพียงเกมเดียว เพราะเขาได้รับบาดเจ็บจากการที่เอ็นกระดูกสะบ้าแตก

ลินลงเล่นในฤดูกาล 2018-19 กับ ฮอกส์ และ แร็ปเตอส์ เขาสร้างประวัติศาสตร์เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลด้วยการเป็นผู้เล่นเอเชีย-อเมริกันคนแรกที่คว้าแชมป์ NBA ได้สำเร็จ

ในช่วงสามปีจากนั้น ลินก็ได้ลงเล่นใน CBA และ NBA G League

ตามข้อมูลอ้างอิงจาก Basketball-Reference.com ลินทำเงินไปได้ 65.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 250 ล้านบาท กับอาชีพนักบาส NBA ของเขา

Scott Rafferty

Scott Rafferty Photo

 

Scott Rafferty is an experienced NBA journalist who first started writing for The Sporting News in 2017. There are few things he appreciates more than a Nikola Jokic no-look pass, Klay Thompson heat check or Giannis Antetokounmpo eurostep. He's a member of the NBA Global team.