การเสริม คริส พอล เข้ามาสู่ทีมวอร์ริเออร์ส บวกกับการเสีย เดรย์มอนด์ กรีน ไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า (พักประมาณ 1 เดือน) ทำให้ สตีฟ เคอร์ ตัดสินใจประกาศออกมาว่าเขาจะใช้ผู้เล่นตัวจริงชุดเดิมและเสริม พอล เข้าไปแทน แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ
แต่อย่างที่เรารู้กันว่า การไม่มี กรีน และ ส่ง พอล ลงไปแทนจะทำให้ไลน์อัพตัวเล็กลงไปกว่าเดิม หรือเรียกได้เรา วอร์ริเออร์ส แทบจะมีแบ็คคอร์ทตัวเล็กที่สุดใน NBA เลยก็ว่าได้ (พอล 6-0, เคอร์รี 6-2) โดยมี ลูนีย์ เป็นเซ็นเตอร์ที่สูงเพียง 6 ฟุต 9 นิ้ว เท่านั้น
แถม เคอร์ ยังบอกด้วยว่าเขาจะใช้ เคลย์ ทอมป์สัน เป็นตำแหน่ง 4 แทน เดรย์มอมด์ กรีน ในช่วงปรีซีซั่นนี้และอาจรวมไปถึงบางช่วงในฤดูกาลปกติด้วย การทำแบบนี้จะส่งผลดีหรือเสียต่อวอร์ริเออร์ส? ติดตามไปพร้อมเราได้ที่นี่
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
ทำไมการส่ง เคลย์ ทอมป์สัน ลงตำแหน่ง 4 ถึงไม่ดีกับวอร์ริเออร์ส
ตลอดทั้งอาชีพของ เคลย์ ทอมป์สัน เขามักได้ลงเล่นในตำแหน่ง 2 และ 3 มาตลอด จากข้อมูลของ Basketball Reference แล้ว เคลย์ได้ลงเล่นในตำแหน่ง 4 เพียง 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่ทว่า เคอร์ ก็ยังมั่นใจที่จะใช้แผนนี้
“ถ้าให้เราพูดถึงไลน์อัพที่จะเกิดขึ้นวันเสาร์นี้ เคลย์จะเล่นในตำแหน่ง 4 ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอยู่แล้ว เขาเคยเล่นเกมรับกับผู้เล่นที่โพสต์อัพมาก่อนหลังจากเกิดการเปลี่ยนตัวประกบ” เคอร์กล่าว “พวกเราคิดว่า เคลย์ จะสามารถป้องกันตำแหน่ง 4 ได้ในปีนี้ เราคิดว่าจะส่งเขาไปเล่นเป็นตัวคุม(โคฟเวอร์เรจ) ในเกมพิคแอนด์โรลเมื่อเล่นตำแหน่ง 4 ซึ่งนี่น่าจะเป็นหน้าที่ที่ต่างออกไปสำหรับเขา”
ถึงแม้ว่า เคอร์ จะเชื่อในตัวของ ทอมป์สัน มากแค่ไหน แต่ผลงานที่ผ่านมา เคลย์ กลับทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นักในการเจอกับตำแหน่ง 4 เนื่องจากเขาสูงเพียง 6 ฟุต 6 และมีน้ำหนักแค่ 220 ปอนด์เท่านั้น ซึ่งนี่เป็นการเสียเปรียบอย่างหนักเมื่อต้องเจอผู้เล่นหรือทีมที่ใหญ่กว่า
เมื่อไหร่ที่ เคลย์ ต้องรับมือกับตำแหน่ง 4 หรือ 5 ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการโดนถลุงวงในอย่างต่อเนื่องจากทั้งเกมโพสต์และความแข็งแกร่ง จนทำให้โดนสองแต้มง่ายๆหรือบางครั้งก็ถึงกับเสียจุดโทษด้วยซ้ำ
เกมรับ 1 ต่อ 1 ถือว่าเป็นปัญหาแล้ว แต่อีกหนึ่งอย่างที่จะตามมาก็คือการช่วยซ้อนวงในเมื่อเขาต้องเล่นเป็นตำแหน่ง 4 เนื่องจากเจ้าตัวไม่ใช่คนที่กระโดดได้สูงหรือมีความเป็นนักกีฬามากขนาดนั้น ค่าเฉลี่ยการบล็อกต่อเกมของเขามีเพียงแค่ 0.5 ครั้งต่อเกมตลอดทั้งอาชีพ แถม 29 บล็อกที่ได้มาในฤดูกาลที่แล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นการตบบอลออกจากมือทั้งนั้น ไม่ใช่การกระโดดบล็อก
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อ ทอมป์สัน เป็นตัวประกบหลัก ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามจะสามารถยิงได้ดีขึ้น 4.4 เปอร์เซนต์ในพื้นที่ 6 ฟุตจากห่วง ซึ่งนี่ทำให้เขาอยู่ใน 14 เปอร์เซนต์ สุดท้ายของลีกเลยทีเดียว, อ้างอิงสถิติจาก Crafted NBA
คำถามต่อมาคือใครกันที่จะเป็นตัวซ้อนเมื่อ เคลย์ โดนข้าม เพราะแม้ว่า วิกกินส์ และ ลูนีย์ จะเป็นตัวซ้อนได้ดี แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเรตการบล็อกที่สูงแม้แต่น้อย ส่วน เคอร์รี และ พอล คงไม่ต้องหวังจากพวกเขาเลยเพราะทำให้ไม่ได้อย่างแน่นอน
การรีบาวด์ก็เป็นอีกปัจจัยในเกมรับ จากสถิติของทอมป์สัน เขามีการรีบาวด์อยู่ที่ 3.1 ครั้งต่อเกมซึ่งดูแล้วก็ไม่แย่ แต่ทว่าเขาไม่ค่อยได้บ็อกซ์เอาท์เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นการที่บอลตกลงมาหาเขาเอง นี่จึงเป็นช่องโหว่อีกอย่างหนึ่งในพื้นที่เกมรับ และทำให้คู่แข่งมีโอกาสเก็บรีบาวด์เกมรุกและซ้ำดาบสองมากขึ้น
แต่ใช่ว่าการส่ง ทอมป์สัน เป็น 4 จะไม่มีเรื่องดีเลย ด้วยการที่ทีมตัวเล็กลงและสเปซมากขึ้น ตรงนี้จะช่วยให้ผู้เล่นทั้งสี่คนยกเว้น ลูนีย์ มีอิสระมากขึ้นในการเล่น และใช้ความเร็วโจมตีคู่ต่อสู้ได้ดีมากขึ้น แต่ทว่าก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดีว่าเกมรุกจะทดแทนเกมรับที่เสียไปได้แค่ไหน
ความโชคดีอย่างหนึ่งก็คือนี่เป็นเพียงปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เมื่อ กรีน กลับมา พื้นที่รอยรั่วตรงนี้ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ปัญหาต่อไปของ เคอร์ ก็คือการไตร่ตรองว่าจะส่ง พอล ลงตัวจริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งเรื่องนี่ก็ต้องรอดูและลุ้นกันต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดใจ สตีฟ เคอร์ : หลังวางแผนส่ง เคลย์ ทอมป์สัน ลงเล่นในตำแหน่งพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand