หลังจาก ไมอามี ฮีต ได้ก้าวผ่านบทพิสูจน์ในสายของตัวเองมาหมดแล้วทั้งทุบทีมอันดับ 1 ของสายอย่าง บัคส์ ต่อด้วยการเอาชนะ นิกส์ และอัดอันดับ 2 อย่าง เซลติกส์ ลงไปในเกมที่ 7 เป้าหมายต่อไปและเป้าหมายสุดท้ายก็คือการเอาชนะ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในรอบชิงชนะเลิศ
การที่จะเอาชนะ นักเก็ตส์ ได้นั้นไม่ใช่งานง่ายเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกเขามีทั้ง นิโคลา โยคิช, จามาล เมอร์รีย์ และเพื่อนร่วมทีมอีกหลายคนที่เล่นได้ดีมาตลอดเพลย์ออฟพร้อมกับแรงขับเคลื่อนที่จะคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์แฟรนชายส์
แต่การที่ ไมอามี ฮีต เป็นมวยรองบ่อนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับทีมและ อีริค สโปลส์ตรา ซึ่งแน่นอนว่า ฮีต ชุดนี้ก็คงไม่พอใจที่ตัวเองได้เพียงแค่เข้าชิงแต่ไม่ได้แชมป์เช่นกัน
“เราไม่ได้เล่นเพื่อเป็นแชมป์ของสายตะวันออก” จิมมี บัตเลอร์ กล่าวหลังจากชนะ เซลติกส์ ในเกมที่ 7 “เราเล่นเพื่อที่จะชนะทุกอย่าง”
เพราะฉะนั้นในวันนี้เราจะไปดูกันว่ามีทางไหนบ้างที่ ฮีต จะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ NBA ปี 2023 ไปครอบครอง
ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่
เปิดเหตุผลที่ ไมอามี ฮีต จะกลายเป็นแชมป์ NBA ในปี 2023
การยิงสามคะแนนที่ร้อนเป็นไฟ
หากเราย้อนกลับไปในปี 2021-22 ฮีตคือทีมที่มีการยิงสามคะแนนดีที่สุดในลีกอยู่ที่ 37.9 เปอร์เซนต์ แต่ทว่ากลับไม่สามารถทำได้อีกครั้งในฤดูกาล 2022-23 เพราะเปอร์เซนต์สามคะแนนของพวกเขาร่วงลงมาเหลือเพียง 34.4 เปอร์เซนต์เท่านั้น
แม้แต่เกมเพลย์อินที่พวกเขาเจอกับ ฮอว์กส์ และ บูลส์ พวกเขาก็ยิงลงไปแค่เพียง 32.4 และ 33.3 เปอร์เซนต์
แต่เรื่องน่าแปลกใจก็เกิดขึ้นเพราะเมื่อพวกเขาเข้ามาในเพลย์ออฟรอบแรก ฮีตกลับมีการยิงสามแต้มสุดบ้าระห่ำโดยกดลงไปถึง 45 เปอร์เซนต์ ซึ่งมากกว่า บัคส์ ถึง 8 เปอร์เซนต์ และในซีรีส์รอบชิงแชมป์สายพวกเขาก็ยิงลงมากกว่า บอสตัน ไปถึง 13 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
แม้ว่าในเพลย์ออฟรอบสองที่พบกับ นิกส์ นั้น ฮีต จะยิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่เปอร์เซนต์ของพวกเขาก็ยังมากกว่าคู่แข่งอยู่ดี
รอบ | 3PT-3PTA | เปอร์เซนต์ 3 คะแนน | เปอร์เซนต์ 3 คะแนนของคู่แข่ง |
รอบแรก | 15.4-34.2 | 45.0 | 37.0 (บัคส์) |
รอบรองชนะเลิศสายตะวันออก | 11.7-38.2 | 30.6 | 29.9 (นิกส์) |
รอบชิงชนะเลิศสายตะวันออก | 12.7-29.3 | 43.4 | 30.3 (เซลติกส์) |
หากเรานับรวมกันทั้งหมดแล้ว ในเพลย์ออฟปีนี้ ฮีต มีค่าเฉลี่ยการยิงสามคะแนนอยู่ที่ 39.0 เปอร์เซนต์ ซึ่งนี่คือทีมที่มีเปอร์เซนต์ยิงสามคะแนนที่ดีที่สุดโดยที่ นักเก็ตส์ ตามมาเป็นอันดับสองที่ 38.6 เปอร์เซนต์
ซึ่งถ้าหากว่า ฮีต ยังสามารถรักษามาตรฐานต่อไปได้ พวกเขาก็อาจจะมีชัยด้วยการสร้างเพลย์เพื่อยิงสามคะแนนก็เป็นได้
ความสุดยอดของ จิมมี บัตเลอร์ ในเพลย์ออฟ
สถิติของเจ้าตัวได้บอกทุกอย่างออกมาแล้วในเพลย์ออฟ ด้วยการที่เขามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 28.5 แต้ม, 7.0 รีบาวด์, 5.7 แอสซิสต์ และ 2.1 สตีลต่อเกม ด้วยการยิงระดับ 48.3/35.6/80.6 (เปอร์เซนต์ฟิลด์โกล/เปอร์เซนต์สามคะแนน/เปอร์เซนต์ลูกโทษ)
แม้ว่า เคเล็บ มาร์ติน จะเฉิดฉายมากๆในรอบชิงแชมป์สายแต่ ฮีต ไม่มีทางชนะ เซลติกส์ ได้เลยหากขาด จิมมี บัตเลอร์ เพราะหน้าที่ของ บัคเลอร์ นั้นมากกว่าการทำแต้ม
เมื่อไหร่ที่คุณต้องการแต้ม จิมมี จะอยู่ตรงนั้น เมื่อไหร่ที่ต้องไปปิดการ์ดหรือปีกของอีกฝั่ง จิมมี ก็ยังอยู่ตรงนั้น หรือเมื่อไหร่ที่คุณอยากได้คนเป็นเพลย์เมคเกอร์ แน่นอนว่า จิมมี จะทำให้คุณแบบไม่มีการบ่น นี่แหล่ะคือ จิมมี บัตเลอร์
The reverse is basically true for Butler (48 of his 60 FGs were unassisted). Which means Butler was creating almost everything for himself AND helping to generate almost half of Martin’s open looks.
— Ben Rohrbach (@brohrbach) May 30, 2023
ในตอนนี้คำถามก็คือ จิมมี บัตเลอร์ จะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในซีรีส์เช่นเดียวกันกับ โยคิช ได้หรือไม่? เพราะแน่นอนว่า นักเก็ตส์ จะโยนผู้เล่นเกมรับอย่าง แอรอน กอร์ดอน, เคนทาเวียส คาล์ดเวลล์-โป๊ป รวมถึง บรูซ บราวน์ ใส่คุณในทุกๆการครองบอลอย่างแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่า บัตเลอร์ สามารถพาทีมเอาชนะการเล่นเกมรับแบบปราการเหล็กอย่าง บัคส์ มาได้แล้วเช่นกัน
ครั้งนี้ จิมมี บัตเลอร์ จะพาทีมคว้าแชมป์ไปได้หรือไม่ หลังจากที่ต้องพลาดไปในปี 2020
ความโหดในการคุมทีมของ อีริค สโปลส์ตรา
แน่นอนว่าสิ่งที่ ไมเคิล มาโลน ทำให้ นักเก็ตส์ ตลอดแปดปีที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องที่น่านับถือ แต่ทว่า ไมอามี ฮีต ก็มีสุดยอดโค้ชอย่าง อีริค สโปลส์ตรา เหมือนกัน
อย่างที่เราเห็นไปในทุกซีรีส์ หรือถ้าหากเอาแค่เพลย์ออฟรอบชิงแชมป์สายกับ เซลติกส์ เขาก็ได้แสดงฝีมือออกมาว่าเขามีดีแค่ไหน อย่างเช่นการใช้การสลับตัวประกบในเกม 7 เพื่อป้องกันเพลย์พิคแอนด์โรลจน บอสตัน เซลติกส์ ทำได้เพียงแต่ 0.69 แต้มต่อการครองบอลเท่านั้นเมื่อเล่นเกมรุกรูปแบบนี้ อย่างที่ เควิน โอ คอนเนอร์ จาก The Ringer ได้บอกเอาไว้ในทวิตเตอร์
The Heat switched 40 of 58 pick-and-rolls by the Celtics in Game 7, holding them to a dismal 0.69 points per play.
— Kevin O'Connor (@KevinOConnorNBA) May 30, 2023
It was the first time all series Miami switched on more than half of Boston’s P&Rs, per @SecondSpectrum.
Erik Spoelstra didn’t lie when he said they’d get it done. pic.twitter.com/5N67SveNor
การที่จะใช้เกมรับรูปแบบใครูปแบบหนึ่งกับ โยคิช และ ไมค์ มาโลน นั้นดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ หรืออย่างการเล่นโซน 2-3 และการปล่อยให้ แบม อเดบาโย ปิด โยคิช คนเดียวก็คงไม่ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น สโปลส์ตรา คงต้องสรรหาวิธีเพื่อมารับมือหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ โยคิช เล่นได้ยากมากที่สุด ซึ่งหากใครซักคนหนึ่งในลีกที่จะหาทางได้ คนๆนั้นก็คงจะเป็นหัวหน้าโค้ชของ ไมอามี ฮีต คนนี้นี่แหล่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เคเล็บ มาร์ติน: จากผู้เล่นอันดราฟท์สู่ฮีโร่ที่พา ไมอามี ฮีต เข้าชิง NBA
บทความที่เกี่ยวข้อง : นักเก็ตส์สร้างทีมอย่างไร? จนไปชิงแชมป์ NBA ครั้งแรกของแฟรนชายส์
บทความที่เกี่ยวข้อง : ชนะเกมแรกใน NBA นัดชิงสำคัญแค่ไหนกับการคว้าแชมป์ NBA?
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก