จากถนนหลากสายในอเมริกาเหนือ สู่สวนสาธารณะมากมายในยุโรป จนมาถึงสนามบาสเกตบอลสุดยิ่งใหญ่ในเอเชีย ทุกๆอย่างทุกๆที่คือบาสเกตบอล และคงไม่มีที่ไหนจะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ, อารมณ์และ ความภาคภูมิใจในเกม ได้เท่ากับการแข่งขัน FIBA บาสเกตบอล เวิล์ดคัพ อีกแล้ว
นับตั้งแต่ปี 1950 จนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน ผู้เล่นสตาร์ระดับโลกได้ทิ้งร่องรอยอย่างไม่มีวันลบเลือนไว้บนเวทีระดับโลกแห่งนี้กันทั้งนั้น
จากการต้องผ่านทั้งชัยชนะ, ความอกหัก, คราบน้ำตาแห่งความยินดีและความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายไปเลยตลอด 40 ปีที่ผ่านมาจากความทรงจำของทุกคนและสิ่งนั้นก็ยังไม่หายไปไหนนั่นก็คือโมลเทน (Molten)
ทางด้านของ โมลเทน และ FIBA ได้ประกาศต่ออายุการร่วมมือครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าเกม, ผู้เล่นและแฟนๆจะได้เติบโตพร้อมไปกับพวกเขา รวมถึงเรื่องราวต่างๆที่จะถูกเล่าต่อไปในอนาคตจะถูกเขียนผ่านบอลที่เป็นเอกลักษณ์และแบรนด์ที่มีความความทรงจำมากมายที่ไม่อาจลืมลง
ย้อนกลับไปในช่วง 1950 โมลเทนได้ผลิตบอลที่คุณภาพและอุปกรณ์กีฬามากมาย ในขณะที่นักยัดห่วงคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์บาสเกตบอล แต่ในอีกด้านหนึ่งทางบริษัทก็สร้างทั้ง แฮนด์บอล, ฟุตบอล และ วอลเลย์บอล ไปพร้อมๆกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ โมลเทน ไม่ได้มีแค่บอล แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ลีกสูงสุดและหลายๆสโมสรทั่วโลกใช้กัน
คำแถลงการณ์ของ โมลเทน อย่าง “For the real game” สะท้อนถึงสิ่งที่ผู้เล่นหลายคนหวังจะบรรลุเป้าหมายในจุดสูงสุด นอกจากนั้น นี่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความคิด, ความหลงไหล, และความใส่ใจในรายละเอียดที่บริษัทได้นำเสนอมาตั้งแต่ปี 1958
และตั้งแต่ปี 1985 โมลเทนยังคงเดินหน้าพัฒนาบาสเกตบอลอย่างต่อเนื่อง หลังจากอนุมัติกฎข้อบังคับเรื่องบอลใหม่ในปี 2004 บริษัทนวัตกรรมแห่งนี้ได้เปิดตัวการออกแบบบาสเกตบอล 12 ช่องที่ได้ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยบริษัทออกแบบระดับโลกของอิตาลีอย่าง Giugiaro
การออกแบบที่ล้ำสมัยนี้ช่วยเพิ่มการมองเห็นการหมุนของลูกบอล ควบคู่ไปกับวัสดุที่ได้รับการปรับปรุงและเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโมลเทน โดยผู้เล่นในสนามสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลูกบอลหมุนอย่างไรจึงช่วยให้ผู้เล่นเตรียมพร้อมสำหรับการเล่นจังหวะต่อไปได้ดียิ่งขึ้น
ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงคือสิ่งที่ทำให้ โมลเทน กลายเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเป็นการรำลึกถึงข้อตกลงอันยิ่งใหญ่ The Sporting News จึงขอพาทุกท่านไปเจาะลึกประวัติศาสตร์ของ FIBA บาสเกตบอล เวิลด์คัพ และเน้นย้ำช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด, ผู้เล่น ,และชัยชนะในยุคสมัยใหม่ของทัวร์นาเมนต์นี้ไปพร้อมกัน
สุดยอดเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ FIBA บาสเกตบอล เวิล์ดคัพ
ก่อนที่เราจะเดินไปข้างหน้า อย่างหนึ่งที่เราต้องรู้คือประวัติศาสตร์ของตัวมันเอง และคงไม่มีช่วงไหนที่จะตอกย้ำยุคสมัยใหม่ของ FIBA บาสเกตบอล เวิลด์คัพ หรือเดิมเรียกว่า FIBA เวิลด์ แชมเปียนชิพ ได้ดีกว่าการแข่งขันปี 1982 ในโคลอมเบียอีกแล้ว
การแข่งขันครั้งนี้มี 13 ประเทศจาก 5 โซนของ FIBA ที่แตกต่างกัน (อเมริกา, ยุโรป, เอเชีย, แอฟริกา, โอเชียเนีย) ซึ่งจัดการแข่งขันใน 5 สนามจาก 5 เมืองของประเทศโคลอมเบีย โดยในการแข่งขันครั้งนี้มีผู้เล่นชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด็อก ริเวอร์ส อดีตผู้เล่นและโค้ชคนดังของ NBA, ตำนานผู้ทำแต้มสูงสุดตลอดกาลชาวบราซิลอย่าง ออสการ์ ชมิดต์ และเพื่อนร่วมทีมของ ไมเคิล จอร์แดน ที่ได้แชมป์ NBA สามสมัยร่วมกันมาอย่าง บิลล์ เวนนิงตัน
นอกจากนั้นเรายังได้เห็นการเปิดตัวบาสเกตบอลรูปแบบใหม่ที่จะช่วยกำหนดเกมสำหรับผู้เล่นในอนาคต ซึ่งในช่วงเวลานั้น โมลเทน ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะผู้สร้างลูกบอลชั้นดีสำหรับการแข่งขันหลายรายการ เช่นการแข่งขันโอลิมปิก รวมถึงบาสเกตบอล และในการแข่งขัน FIBA เวิลด์คัพ ปี 1982 โมลเทนก็ได้ประกาศตัวด้วยการเป็นผู้ผลิตบาสเกตบอลไว้ใช้ในการแข่งขันบาสเกตบอลระดับนานาชาติอีกด้วย
“โมลเทนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและบรรลุความเป็นเลิศมาโดยตลอด และพวกเขายังได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเราเป็นเวลา 40 ปีเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้” แอนเดรียส์ แซกคลิส เลขาธิการ FIBA กล่าวในงานเฉลิมฉลองความร่วมมือในปี 2022
"ในฐานะพันธมิตรที่ยืนยาวที่สุดของ FIBA พวกเขาเป็นสมาชิกที่สำคัญและมีคุณค่าต่อครอบครัว FIBA มาโดยตลอด บาสเกตบอล โมลเทน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับเราในขณะที่เราพยายามยกระดับเกมขึ้นไปอีกขั้น ผมขอขอบคุณพวกเขาสำหรับความมุ่งมั่นที่พวกเขามีต่อบาสเกตบอลและ FIBA"
ซึ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นจริงๆ
ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปี 1982 สหภาพโซเวียตกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์โลกได้เป็นครั้งที่ 3 โดยเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ในรอบชิงชนะเลิศเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น หลังจากที่ จิม โธมัส ผู้เล่นของสหรัฐอเมริกายิงไม่ลงในช่วงวินาทีสุดท้าย จนกลายเป็นรีบาวด์ของ วลาดิเมียร์ คัทเชงโก ที่เก็บรีบาวด์ไปได้และคว้าชัยชนะมาในที่สุด
แต่ในอีกสี่ปีถัดมา (ปี 1986) สหรัฐอเมริกาก็แก้แค้นได้สำเร็จ ด้วยการเฉือนไปในรอบชิง 87-85 คะแนน ด้วยการนำทีมของ เดวิด โรบินสัน ผู้เล่นตำนานของ NBA และ เคนนี สมิธ จนพา สหรัฐอเมริกา คว้าแชมป์สมัยที่สองไปได้
เมื่อเกมและทัวร์นาเมนต์เติบโตขึ้น เหล่าผู้เล่นระดับสตาร์ก็มีเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการแข่งขัน FIBA เวิลด์ แชมเปียนชิพ ปี 1994 ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทัวร์นาเมนต์นี้ นั่นก็เพราะว่านี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บาสเกตบอลโลกที่ผู้เล่นชาวอเมริกันจาก NBA มีสิทธิ์ได้ลงทำการแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้จะมีเพียงผู้เล่นจากนอกลีกสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเวิลด์คัพ เพราะว่าพวกเขายังถือว่าเป็นผู้เล่นสมัครเล่น
ในเวิลด์คัพ 3 ครั้งก่อนหน้านี้ ลูกบอลนวัตกรรมของ โมลเทน ได้อยู่ในมือของผู้เล่น NBA ในอนาคตหลายคน นำโดยสตาร์ระดับนานาชาติอย่าง อาร์วีดาส ซาโบนิส, ดราเซน เปโตรวิช, โทนี คูโคช และ วลาเด ดิชาว พวกเขาเหล่านี้สร้างความทรงจำไว้มากมายใน เวิลด์คัพ ด้วยลูกบอลอันเป็นเอกลักษณ์ และในขณะที่ผู้เล่น NBA ได้เริ่มใช้บอลจาก โมลเทน ในโอลิมปิก ปี 1992 และต่อด้วยการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 1994 ที่ โตรอนโต นี่จึงทำให้มั่นใจได้ว่าลูกบอลจาก โมลเทน จะเป็นบรรทัดฐานในการแข่งขันระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ดรีมทีมชุดสองของสหรัฐอเมริกา ที่ประกอบไปด้วย แชคีล โอนีล, อลอนโซ มัวร์นิง, และ เรจจี้ มิลเลอร์ สามารถคว้าชัยแบบไรร้อยรั่วโดยเก็บชัยทั้งหมด 8 เกม และไม่แพ้เลยตลอดทัวร์นาเมนต์ปี 1994 พร้อมคว้าแชมป์ครั้งที่สามของชาติไปครอบครอง
ไม่นานหลังจากนั้น บาสเกตบอลก็เริ่มแสดงตัวเองว่าเป็นเกมระดับโลกอย่างแท้จริง เมื่อรัสเซียพลิกคว่ำสหรัฐฯ ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 1998 ในรอบรองชนะเลิศ และเทรนด์ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปในปี 2002 ที่ อินเดียนาโพลิส รัฐอินเดียนา เมื่อ สหรัฐอเมริกา ล้มเหลวในการคว้าเหรียญทองอีกครั้งในประเทศบ้านเกิดของตัวเอง เนื่องจากตำนานของบาสเกตบอลในอนาคตอย่าง เดิร์ค โนวิทซกี้, เหยา หมิง และ แมนู จิโนบิลี ประกาศศักดาตัวเองขึ้นมาบนเวทีระดับโลก
ส่วนผู้เล่นอีกคนที่น่าจดจำก็คือผู้เล่นระดับฮอลออฟเฟม อย่าง พาว กอซอล ที่ได้เป็น All-Star ครั้งแรกใน NBA นำทัพกระทิงดุเถลิงบัลลังก์ FIBA เวิลด์คัพ ได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ทีมในปี 2006
โลกแห่งบาสเกตบอลกำลังตามทันสหรัฐอเมริกา แต่ทว่าพวกเขายังพร้อมที่จะเตือนความจำว่าจริงๆแล้วใครคืออันดับ 1 ของโลก เพราะใน เวิลด์คัพ ครั้งถัดๆมา สหรัฐอเมริกา ก็ได้ส่งผู้เล่นชื่อดังอย่าง เควิน ดูแรนท์, สเตฟเฟน เคอร์รี, เจมส์ ฮาร์เดน และ แอนโทนี เดวิส มาเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ความสมดุลของอำนาจได้เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อ FIBA ประกาศขยายการแข่งขัน เวิลด์คัพ ให้มี 32 ชาติ ที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันเมื่อปี 2019 ทำให้นี่เป็นการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความทรงจำมากขึ้นจากกลุ่มประเทศที่ใหญ่ขึ้น แต่สิ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตลอด 40 ปี ก็คือจังหวะเพลงที่ผู้เล่นสร้างบนสนามที่ยังคงเป็นเสียงสะท้อนของลูกบาสเกตบอลโมลเทน
การแข่งขัน FIBA เวิลด์คัพ ครั้งที่ 19 ถือเป็นการแข่งขันครั้งที่สองที่มี 32 ทีม แต่เป็นการแข่งขันครั้งแรกใน 3 ประเทศเจ้าภาพ ผู้เล่นและประเทศเจ้าภาพอาจมีการเปลี่ยนแปลง, เกมอาจมีการพัฒนา, และแฟน ๆ อาจมีอายุมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งยังคงอยู่และจะคงอยู่ต่อไปในอนาคตอันใกล้ก็คือ ลูกบาสเกตบอลจาก โมลเทน ที่จะคอยถ่ายทอดและเล่าเรื่องราวบทนี้นี้ตลอดไป
บทความที่เกี่ยวข้อง: เทียบกันให้ชัด : นักบาส NBA คนไหนเหมือนตัวละครในโลกวันพีซ
บทความที่เกี่ยวข้อง: ใหญ่กว่านี้มีไหม? 10 อันดับผู้เล่นน้ำหนักเยอะสุดในประวัติศาสตร์ NBA
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก