การ์ดหน้ามน คนหน้าหวานอย่าง ออสติน รีฟส์ กำลังมีฟอร์มที่เข้าฝักหลังจากพาทีมชาติสหรัฐอเมริกาชนะสองนัดติดในรายการ FIBA เวิลด์คัพ รอบแบ่งกลุ่ม
หลังจากที่ได้สัญญาฉบับใหม่ไป 56 ล้านเหรียญ ฟอร์มของ รีฟส์ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเย็นลง แถมยังร้อนขึ้นทุกวันที่ได้ลงแข่งขัน นอกจากนั้นเสียงเชียร์ที่ประเทศ ฟิลิปปินส์ ก็ยังเป็นเหมือนบัฟชั้นดีที่เพิ่มพลังงานให้กับเจ้าตัว
รีฟส์ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมของ FIBA จากนัดล่าสุดที่ อเมริกา เอาชนะ กรีซ พร้อมกับผลงาน 15 แต้ม, 6 แอสซิสต์ กับอีก 5 รีบาวด์ และถ้ารวมสถิติทั้งสองเกมเข้าด้วยกันแล้วเขาจะมีค่าเฉลี่ยแอสซิสต์เป็นอันดับหนึ่ง และมีค่าเฉลี่ยแต้มต่อเกมเป็นอันดับสองของทีม
คำถามก็คือ ด้วยฟอร์มระดับนี้ สตีฟ เคอร์ หัวหน้าโค้ชสหรัฐอเมริกา ควรให้เขาขึ้นไปเป็นตัวจริงมากกว่าหรือไม่?
ออสติน รีฟส์ ควรเป็นตัวจริงทีมชาติอเมริกาหรือไม่?
อเมริกาตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาอะไรในรอบคัดเลือก หลังจากเก็บชัยชนะ 2-0 เกม จนเข้ารอบสองไปแล้วเรียบร้อย โดยเหลือโปรแกรมที่ต้องเจอกับ จอร์แดน ในนัดสุดท้ายเท่านั้น
เคอร์ยังคงใช้ชุดตัวจริงเหมือนเดิมทั้งสองเกมไม่ว่าจะเป็น เจเลน บรันสัน, แอนโทนี เอ็ดเวิร์ดส์, มิคาล บริดเจส, แบรนดอน อินแกรม และ จาเรน แจ็คสัน จูเนียร์ ส่วนชุดตัวสำรองที่ระเบิดฟอร์มได้ดีทั้งสองนัดก็ยังหน้าตาเดิมๆทั้ง เปาโล บันเคโร, ไทรีส ฮาลิเบอร์ตัน, แคม จอห์สัน, จอช ฮาร์ท และ ออสติน รีฟส์
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ เคอร์ ยังจะปล่อยให้ รีฟส์ ที่ผลงานร้อนแรงขนาดนี้เล่นเป็นตัวสำรองต่อไปจริงๆหรือ? ในขณะที่การเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ของเขาโดดเด่นด้วยสถิติ 6.0 แอสซิสต์ต่อเกม รีฟส์ยังมีการทำแต้มอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำไป 13.5 แต้มต่อเกม จากการยิง 6.5 ครั้งเท่านั้น
นี่ยังไม่นับเกมรับที่เขาแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม และขโมยบอลจนเปลี่ยนเป็นแต้มได้หลายครั้งในสองเกมที่ผ่านมา รีฟส์ผนวกเข้ากับทีมได้เป็นอย่างดี ทำหน้าที่ในเกมรุกและเกมรับอย่างที่ เคอร์ หวังเอาไว้ สรุปง่ายๆคือเขาพร้อมจะทำทุกอย่างที่โค้ชมอบหน้าที่ให้ ซึ่งอาจจะดูแตกต่างจากหนึ่งในตัวจริงของทีม
ผู้เล่นตัวจริงคนนั้นคือ แบรนดอน อินแกรม ที่เขาได้เปิดเผยกับ โจ วาร์ดอน จาก The Athletic ไว้ว่าเขาค่อนข้างมีปัญหากับบทบาทในทีมชาติ
“มันเป็นอะไรที่แตกต่างมากๆกับสิ่งที่ผมเคยทำ” อินแกรมกล่าว “ตอนนี้ทีมเรากำลังชนะ เพราะฉะนั้นผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวโดยคิดถึงแต่ตัวเองได้ มันมีความหงุดหงิดเล็กๆสำหรับผมและผมพยายามจะหาทางให้ตัวเองมีประสิทธิภาพให้ได้”
ตลอดสองเกมที่ผ่านมา อินแกรม มีค่าเฉลี่ยเพียง 3.5 แต้ม จากการยิงฟิลด์โลกไป 4.0 ครั้งต่อเกม ใน 16.6 นาทีที่เขาลงเล่น อินแกรมไม่ค่อยได้รับโอกาสในการทำแต้มเท่าไหร่เมื่ออยู่กับทีมชุดแรก และด้วยเหตุนั้น หลายๆครั้งที่อยู่บนสนาม เขาเหมือนไม่มีตัวตนเลยด้วยซ้ำ
ตั้งแต่อินแกรมเป็นรุกกี้ บอลจะอยู่ในมือเขาตลอดเวลา และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อินแกรม คือมือหนึ่งในการทำแต้มของทีม แต่พอมาเล่นให้กับทีมชาติ สถานการณ์กลับต่างออกไปเพราะเขาไม่ได้ถือบอลเยอะเท่าที่ควร จริงๆแล้วสถานการณ์นี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ หาก สตีฟ เคอร์ เลือกที่จะให้เขาเป็นตัวสำรอง
ตอนที่เล่นให้กับ เลเกอร์ส นั้น รีฟส์รับหน้าที่เป็นเพลย์เมคเกอร์มือสองหรือมือสามของทีม เรื่องการทำแต้มก็ไม่ใช่เบอร์หนึ่ง เพราะฉะนั้นเขาสามารถเล่นคู่กับ บรันสัน และ เอ็ดเวิร์ดส์ ได้แน่นอน แต่ทว่าปัญหาก็ยังมีนั่นคือเรื่องขนาดตัวผู้เล่นเพราะ อินแกรม สูงถึง 6 ฟุต 8 แต่ รีฟส์ สูงแค่ 6 ฟุต 5 เท่านั้น โดยสิ่งนี้อาจทำให้อเมริกามีปัญหาในการรีบาวด์และการมิสแมตช์ในเกมรับ
หาก สตีฟ เคอร์ อยากลองเปลี่ยนแปลง การใช้เกมที่ต้องเจอกับ จอร์แดน คงเป็นการดีที่สุด ทั้งการลองว่าการ์ดสามตัวที่เน้นเกมรุกจะแก้ปัญหาเครื่องร้อนช้าของสองเกมที่ผ่านมาได้หรือไม่, รีฟส์ กับ เอ็ดเวิร์ดส์ จะเล่นเป็นตัวปิดปีกได้ดีแค่ไหนด้วยขนาดตัว 6 ฟุต 5 และ เมื่อ แบรนดอน อินแกรม ได้จับคู่กับ ไทรีส ฮาลิเบอร์ตัน จะเวิร์ครึเปล่าในเกมรุก?
ทั้งหมดนี้เราคงได้เห็นข้อสรุปกันในวันที่เจอกับ จอร์แดน วันพุธนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดสาเหตุการตกรอบแรกของ ฝรั่งเศส ใน FIBA เวิลด์คัพ 2023
บทความที่เกี่ยวข้อง: เคเซ โทมินากะ : เคอร์รีซามูไร ผู้พาญี่ปุ่นล้มทีมยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก