วัฒนธรรมของทีม ไมอามี่ ฮีต เป็นที่กล่าวขานกันในวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอ โดยเฉพาะเรื่องการซ้อมเพื่อการรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตเหนือคู่แข่ง สิ่งที่เรียกว่า โปรแกรมทดสอบร่างกายของพวกเขา คือสิ่งที่นักบาสระดับเอ็นบีเอหลายคนยังต้องอาเจียนมาแล้ว แต่ในขณะเดียวกันมันคือเครื่องมือที่สร้างขุนพลจอมอึด ซึ่งหลายครั้งที่เราจะเห็นทีมฮีต เล่นได้ดีกว่าคู่แข่งในช่วงควอเตอร์ที่ 4 หรือแม้กระทั่งช่วงต่อเวลาพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็น แกรี่ เพย์ตัน, เลบรอน เจมส์, ดีเวย์น เวด, คริส บอช หรือ ชาคีล โอนีล ก็เคยผ่านการทดสอบอันสุดแสนจะโหดนี้มาแล้วทั้งนั้น
การทดสอบสภาพร่างกายแบบฉบับฮีต
การสร้างวัฒนธรรมของฮีต เริ่มต้นขึ้นก่อนที่ผู้เล่นจะเข้าสู่ช่วงเทรนนิ่งแคมป์ หนึ่งในกิจกรรมทีู่้เล่นทุกคนต้องมีส่วนร่วมและกลายเป็นแบบการฝึกซ้อมที่ขึ้นชื่อในวงการเอ็นบีเอคือ การทดสอบร่างกาย ของฮีต
ด้วยรูปแบบนั้นเข้าใจได้ไม่ยากเพราะนี่คือการวิ่งหลังเลิกซ้อมเพียง โดยพวกเขาจะให้ผู้เล่นเข้าแถวเป็นสามกลุ่มตามตำแหน่ง การ์ดและปีก จะได้เวลา 1 นาที เพื่อวิ่งไปกลับสุดสนาม 10 เที่ยว (ไปนับ 1 กลับนับอีก 1) หรือระยะทางรวม 940 ฟุต (ประมาณ 286 เมตร) ส่วนกลุ่มเซ็นเตอร์จะได้โอกาสอยู่ที่ 62 วินาที
ผู้เล่นจะได้พัก 2 นาทีในแต่ละรอบ โดยต้องทำทั้งหมด 5 รอบด้วยกัน
นั่นแปลว่า พวกเขาจะต้องวิ่งไปกลับสุดคอร์ทอีก 50 เที่ยว คิดเป็นระยะทางที่น้อยกว่า 0.9 ไมล์เล็กน้อย (ประมาณ 1.4 กิโลเมตร) หรือถ้าคำนวนเป็นความเร็วแบบนักวิ่งพวกเขาต้องวิ่งด้วย pace ราวๆ 5.37 นาที ต่อ 1 ไมล์
แม้จะมีกติกาช่วยเหลือคือการฝากเวลาสำหรับรอบก่อนหน้า เช่น รอบที่ 1 สำหรับผู้เล่นตำแหน่งการ์ดที่วิ่งระยะ 940 ฟุต เขาสามารถทำเวลาได้ 55 วินาที ดังนั้นในรอบต่อไปหลังจากการพัก 2 นาที ผู้เล่นรายนี้สามารถวิ่งได้ช้าที่สุด 1 นาที 5 วินาที
จะดังแค่ไหน ก็หนีไม่พ้น
มีผู้เล่นที่ไม่ผ่านการทดสอบ ไคลย์ อเล็กซานเดอร์ ที่อยู่กับทีมใน 2019-2020 ซึ่งทำเวลาเร็วที่สุดในการวิ่งสุดโหด กล่าวกับ The Sporting News ว่ามีผู้เล่น 4 คน ไม่ผ่านการทดสอบในครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือ จิมมี่ บัตเลอร์ ซึ่งดันเกิดตะคริวระหว่างการวิ่งรอบสุดท้าย ทำให้จบไม่ทันเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามเขากลับมาทดสอบใหม่อีกครั้งในช่วงตี 4 ของอีกวัน และสามารถทำเวลาผ่านไปได้สำเร็จ
“ถ้าคุณผ่าน คุณก็สามารถร่วมฝึกซ้อมเทรนนิ่งแคมป์ได้เต็มที่ แต่ถ้าไม่ผ่านคุณต้องทำวนไปเรื่อยๆระหว่างเข้าค่ายฝึกซ้อม มันคือสิ่งที่โหดมากและเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เล่นบางคน”
การทดสอบเหล่านี้ทำให้เหนื่อยล้า ผู้เล่นสองหรือสามคนจะอาเจียนในระหว่างการวิ่ง แต่อีกมุมก็เป็นการทดสอบสภาพจิตใจของผู้เล่นได้อย่างดี
“คุณประหม่าแน่นอน ผมจำได้ว่า ไมเยอร์ส ลีโอนาร์ด เดินมาหาผมแล้วบอกว่ามีความสุขที่ผ่านการทดสอบ มันคือการยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว”
“มีผู้เล่นมากประสบการณ์บางคนที่กลัวได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าแข็งแรงดีหรือไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ยังไงคุณก็ต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หรือว่าเป็นผู้เล่นดังแค่ไหน … ขนาด อูโดนิส ฮาสเล็ม ยังมาทดสอบเลย และทีมจะเปิดคลิปที่มีทั้ง เลบรอน เวด และ บอช เข้าร่วมทดสอบให้พวกผู้เล่นดูอีกด้วย” อเล็กซานเดอร์ ให้คำตอบกับประเด็นที่ว่าเคยมีผู้เล่นที่ไม่เข้าร่วมการทดสอบนี้หรือเปล่า
“ไม่มีใครสามารถหนีจากการทดสอบนี้ได้”
การทดสอบนี้ดีแค่ไหนต่อผู้เล่นในทีม
ผู้เล่นหลายคนกล่าวชมเชยโปรแกรมการปรับสภาพร่างกายของฮีตว่า เป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่ในสภาพร่างกายที่ดีที่สุด
อเล็กซานเดอร์ ซึ่งเคยเล่นที่แคนาดาและต่างประเทศตั้งแต่ออกจากฮีต กล่าวกับ The Sporting News ว่า
เขาไม่เคยมีประสบการณ์กับโปรแกรมฝึกซ้อมที่เหมือนกับใน NBA อีกแล้ว
“ผมมีโอกาสฝึกซ้อมครั้งเดียวในช่วงซัมเมอร์กับฮีต การได้ลงซ้อม 4 ครั้งต่อสัปดาห์กับพวกเขาเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ผมรู้สึกแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเป็น และมีรูปร่างที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้”
แพท ไรลี่ย์ เป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ ย้อนกลับไปสมัยที่เชาเป็นโค้ชของทีมฮีต ยังมีนักโภชนาการชั้นยอดที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับทีมด้วย อย่างไรก็ตามบุคคลที่น่ายกย่องเรื่องโปรแกรมความแข็งแกร่งและการทดสอบร่างกายคือ เอริค ฟอแรน โค้ชของทีม
“ผมกำลังบอกคุณว่าวัฒนธรรมนั้นแตกต่าง ผมยังติดต่อกับ ฟอแรน เพื่อมองหาความเป็นไปได้ที่จะเอาสูตรของเขามาใช้ช่วงที่ผมเล่นในต่างประเทศปีก่อน เพราะมันทำให้ผมแข็งแกร่งและมีรูปร่างที่ดีเสมอ”
ทีมที่ต้องฟิตทีสุดในควอเตอร์ที่ 4
หลักการคิดนี้ถูกถ่ายทอดมาจาก แพท ไรลี่ย์ สมัยที่เขายังคุมทีมด้วยตัวเอง โดยปัจจุบันเขาอยู่ในตำแหน่งประธานของทีม
“ถ้าคุณยังมีกล้ามเนื้อไม่มากพอ คุณต้องกลับไปทำให้มีมากพอ” แกรี่ เพย์ตัน อดีตการ์ดที่เคยคว้าแชมป์กับทีมเมื่อปี 2006 เล่าถึงความเข้มของ ไรลี่ย์ “แพท ไรลี่ย์ ยึดมั่นในเรื่องสภาพร่างกายอย่างมาก เขามักจะพูดเสมอว่า เมื่อถึงควอเตอร์ที่ 4 เราจะต้องเป็นทีมบาสเกตบอลที่ฟิตที่สุด เมื่อคู่แข่งเหนื่อยและล้า เราจะต้องวิ่งให้มากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เราคว้าแชมป์ปี 2006 เพราะ ดัลลัส เริ่มเหนื่อยช่วงท้ายเกม เราก็เป็นฝ่ายทำคะแนนได้มากขึ้นเรื่อยๆ”
“หลังซ้อมเราจะต้องวิ่ง ต้องปั่นจักรยาน รักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้ดีและต้องทำทุกอย่างให้ทันเวลาที่กำหนด ถ้าทำไม่สำเร็จก็ต้องทำใหม่จนกว่าจะผ่าน สิ่งเหล่านี้สำคัญมากมันคือปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ทีมเล่นได้ดีขึ้น” เพย์ตัน กล่าว
แม้กระทั่ง เจมส์ จอห์นสัน อดีตผู้เล่นฮีตระหว่างปี 2016-2020 ยังเคยถูกบังคับให้ลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ซึ่งทีมไม่ต้องการให้ผู้มีเกินกว่า 9% โดยทีมงานจะมีการตรวจวัด 2 ครั้งต่อสัปดาห์
ปรากฏว่าพอย้ายเข้ามาร่วมทีม ณ ตอนนั้น จอห์นสัน ก็เหมือนโดนรับน้อง เขาดันมีบอดี้แฟทสูงถึง 14.5%และน้ำหนักตัวราวๆ 275 ปอนด์ อย่างไรก็ตามโปรแกรมทดสอบร่างกายของฮีต ทำให้ เจเจ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถลดน้ำหนักตัวลงมาอยู่ที่ 238 ปอนด์ และมีไขมันในร่างกายเหลือแค่ 6.7% เท่านั้น