30 วัน 30 ทีม : ไมอามี่ ฮีต อาวุธหนักที่ต้องมีมากกว่า บัตเลอร์ - แบม

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม : ไมอามี่ ฮีต อาวุธหนักที่ต้องมีมากกว่า บัตเลอร์ - แบม image

หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทะลุเช้าถึงรอบชิงแชมป์สายได้เป็นอย่างน้อย 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ถึงเวลาหรือยังที่พวกเขาจะหยิบแชมป์แรกในรอบ 10 ปีกลับมาสู่อ้อมกอดพวกเขาอีกครั้ง

 

 

ภาพรวมของ ไมอามี่ ฮีต ก่อน NBA ซีซั่น 2022-23

ผลงานฤดูกาล 2021-2022 : ชนะ 53 แพ้ 29 เกม

ผู้เล่นสำคัญที่เข้ามาใหม่ : นิโกล่า โยวิช

ผู้เล่นสำคัญที่เสียไป : พีเจ ทัคเคอร์

บทสรุปจากฤดูกาลที่แล้ว : การเดินทางสู่รอบชิงชนะเลิศหนที่ 2 ในรอบ 3 ปี ของฮีต ถูกตัดสินในช่วงเวลาสั้นๆ ในช่วงท้ายเกม 7 ของรอบชิงแชมป์สายตะวันออก หลังจากที่จิมมี่ บัตเลอร์ พลาดลูกสำคัญ ส่งผลให้ทีมตกรอบด้วยการพ่าย บอสตัน เซลติกส์ 3-4 เกม อย่างไรก็ตามตลอดทั้งฤดูกาลฮีตแสดงให้เห็นถึงศักภาพของทีมลุ้นแชมป์ที่มีความคงเส้นคงวามากที่สุด ไม่ต้องโดดเด่นมากในฤดูกาลปกติแต่สามารถเร่งเครื่องกันได้ดีเมื่อเข้าสู่ช่วงเพลย์ออฟ

จิมมี่ บัตเลอร์ ยังเป็นจอมทัพที่ยอดเยี่ยมเสมอ แม้ว่าเขาจะพลาดลงช่วยทีม 25 เกม แต่เมื่อลงสนามได้ ก็สามารถใช้งานเขาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกบทบาท ส่วน แบม อเดบาโย่ เซ็นเตอร์ตัวหลักของพวกเขา ก็เติบโตมากพอจะเป็นตัววงในระดับแนวหน้าของลีก ในขณะที่องค์ประกอบของทีมด้านอื่นๆยังลงตัว กลุ่มผึ้งงานทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม แม้จะมีบางคนที่ฟอร์มตกจนน่าใจหายอย่างเช่น ดันแคน โรบินสัน มือปืนตัวหลักที่ได้รับการขยายสัญญาในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลที่แล้ว

บทสรุปช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา : ฮีต แทบจะไม่ปรับโครงสร้างทีมเลยด้วยซ้ำ คล้ายกับ ฟีนิกซ์ ซันส์ เพราะพวกเขามีระบบทีมที่ดีรองรับ เคมีผู้เล่นก็กำลังเข้ากันได้ดี และ ยังมีโค้ชที่เก่งอย่าง เอริค สโปรเอลสตร้า คอยรังสรรค์แผนการเล่นและเป็นจอมแก้เกมที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง ดังนั้นการไม่ได้มีบิ๊กเทรดเหมือนที่หลายทีมในลีกทำจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แม้ว่าการพลาดตัว เควิน ดูแรนท์ ดูจะเป็นเรื่องน่าเสียดายก็ตาม

สิ่งสำคัญคือพวกเขาตัดสินใจขยายสัญญากับ ไทเลอร์ เฮอร์โร่ สำรองยอดเยี่ยมแห่งปีเมื่อซีซั่นที่แล้ว หลังจากเขาเรียกฟอร์มเก่งกลับมาจนทำระดับ 20.7 แต้มต่อเกม  แต่การเสีย พีเจ ทัคเคอร์ ไปในตลาดฟรีเอเย่นต์ อาจมีผลกระทบกับทีมโดยเฉพาะในกลยุทธ์ด้านเกมป้องกันพอสมควร ดังนั้นเป็นโจทย์ของทั้ง สโปรเอลสตร้า รวมถึง แพท ไรลี่ย์ ประธานบริหารทีมคนเก่งที่จะต้องเฟ้นหาพลังเกมรับจากใครสักคนที่จะก้าวขึ้นมาอุดรอยรั่วของทีมตรงนี้

สำหรับเป้าหมายของทีมฮีต คงหนีไม่พ้นโอกาสทะลุสู่รอบชิงชนะเลิศให้ได้อีกครั้ง และนี่คือตัวแปรสำคัญที่ The Sporting News วิเคราะห์ว่าจะส่งผลดีต่อฤดูกาลที่จะมาถึงสำหรับทีมฮีต

Bam Adebayo Jimmy Butler
Foto: Getty Images

บัตเลอร์ - แบม จะรักษาสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ได้แค่ไหน

เดอะ คิลเลอร์ บีส์ หรือ คู่หูตัวบี ของทีม ทั้ง บัตเลอร์ และ แบม ต่างเป็นตัวสกอร์หลัก แถมยังมีอิทธิพลในเกมป้องกันของทีมสูงมาก แม้ว่าภาพรวมของเกมรับที่แข็งแกร่งจะเกิดจากระบบและทีมเวิร์คที่ดี แต่บางสถานการณ์ที่ต้องมีผู้เล่นทำหน้าที่ปิดตายตัวเก่งสุดของคู่แข่ง 2 คนนี้คือตัวเลือกอันดับแรก ไม่ใช่แค่สำหรับฮีต เชื่อว่าทุกทีมก็คงคิดเช่นนั้น

บัตเลอร์ - แบม ทำเฉลี่ยรวมกัน 40.5 แต้มต่อเกม, 16 รีบาวด์ 8.9 แอสซิสต์ และ 3 สตีล ฤดูกาลก่อนพวกเขาพลาดการลงสนามช่วยทีมรวมกัน 51 เกม แต่ฮีตยังแสดงประสิทธิภาพเป็นทีมชั้นนำของสายตะวันออกได้แบบสบาย ๆ ดังนั้นถ้า 2 คนนี้สมบูรณ์และช่วยทีมได้มากกว่าเดิมพวกเขาคือเต็มระดับเต็งแชมป์

2 ผู้เล่นออลสตาร์ของฮีตมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้าง อย่าง บัตเลอร์ คงต้องพัฒนาการชู้ตระยะ 3 คะแนนให้แม่นมากขึ้น ฤดูกาลปกติเขายิงลงแค่ 23.3% นั่นยิงเป็นการบังคับว่าเขาต้องเน้นการลุยหรือเข้าไปเล่นในพื้นที่ซึ่งเสียต่อการบาดเจ็บเพื่อทำคะแนนให้กับทีมบ่อยครั้ง 

ในขณะที่ แบม จะต้องยกระดับเกมในเพลย์ออฟของเขาขึ้นมา เพราะโพสต์ซีซั่นหนก่อนเขาทำเฉลี่ยแค่ 14.8 แต้ม ตกลงมาจากช่วงฤดูกาลปกติเกือบ ๆ 5 คะแนนต่อเกม ซึ่งกระทบความกับความล้าของบัตเลอร์ ที่ต้องก้าวขึ้นมาแบกเกมบุกทีมจนหลังแทบหัก

Victor Oladipo Miami Heat
NBA Entertainment

โอลาดิโป และ โรบินสัน จะแบ่งเบาภาระทำแต้มได้หรือไม่

คายล์ ลาวรี่ เริ่มโรยราหลังจากอยู่ในลีกมา 16 ปี ความปราดเปรียวและการบู๊เพื่อเข้าทำสกอร์ของเขาคงไม่ใช่จุดหลักที่ทีมเลือกใช้ ดังนั้นการมีทำแต้มลำดับ 3 หรือ 4 ที่หมุนเวียนกันขึ้นมาช่วยทีมจึงเป็นสิ่งที่ ฮีต ต้องเตรียมการไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย

โอลาดิโป คือระดับออลสตาร์เมื่อ 4 ฤดูกาลที่แล้ว วิธีการเล่นของเขาจะคล้ายคลึงกับ โดโนแวน มิตเชลล์ ซึ่งพีคสุด ๆ กับ อินเดียนา เพเซอร์ส เขาเคยทำเฉลี่ย 23 แต้มต่อเกม แต่กับสภาพร่างกาย ณ ปัจจุบัน การคาดหวังที่ระดับ 12-15 คะแนนต่อเกม ดูจะเป็นเรื่องที่คาดหวังได้ และฤดูกาลที่แล้วซึ่งเขาได้ลงมาเล่น 8 เกม ก็ทำเฉลี่ยได้ถึง 12.4 แต้ม จากบทบาทที่ม้านั่งตัวสำรอง

ส่วน โรบินสัน ซึ่งเหมือนถูกลักพาตัวไปจากรอบเพลย์ออฟ ยังคงเป็นความที่พึ่งพาได้จากศักยภาพในด้านมือปืนโดยธรรมชาติ ตลอดอาชีพเขายิง 3 คะแนนลง 40.6% สิ่งที่จะช่วยให้โอกาสลงสนามของเขาเพิ่มขึ้น คือการพัฒนาเกมป้องกันในตำแหน่งปีก นั่นอาจช่วยให้เราได้เห็น โรบินสัน คนเดิมที่สามารถชู้ตจากวงนอกได้เป็นกอบเป็นกำในแต่ละเกม

NBA Getty Images

ตำแหน่ง 4 ที่ต้องหมุนเวียนตามสถานการณ์

ตำแหน่ง 4 หรือ พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด คือจุดบอดสำคัญที่ทีมต้องแก้ไข หลังการเสีย ทัคเคอร์ พวกเขามีตัวเลือกในมือไม่มากนัก คือ โยวิช เด็กรุกกี้วัย 19 ปี ซึ่งก็น่าลองให้โอกาสดูเลยเช่นกัน รวมถึงการลองขยับปีกตัวเล็กขึ้นมาเล่นในตำแหน่งนี้ ซึ่งมีทั้ง คาเล็บ มาร์ติน ที่อาจตัวเล็กไปหน่อย, โรบินสัน ที่ยังเล่นป้องกันไม่เก่ง รวมถึง บัตเลอร์ และ แบม ที่อาจมีบางช่วงของเกมสำหรับการโยกไปรับบทบาทนี้

ถ้า โยวิช เล่นได้ก็แก้ปัญหาไปได้เปราะหนึ่ง แต่ในการยืนระยะพวกเขาจะต้องหาวิธีหมุนเวียนผู้เล่นที่จะมารับบทบาทตรงนี้ตามรูปเกมที่เกิดขึ้น เช่น ถ้าเล่นสมอลบอล อาจลองเอาตัวเล็กขยับขึ้นมา แต่ถ้าหากเจอคู่แข่งที่จ้องถล่มวงใน ฮีตคงต้องลด แบม จากเซ็นเตอร์มาค้ำในส่วนนี้ แล้วส่ง โอเมอร์ เยิร์ตชีเว่น หรือ ดเวย์น เดดม่อน ลงมาเล่นในตำแหน่งที่ 5 

ถึงแม้ว่าทีมจะมี อูโดนิส ฮาร์สเล็ม แต่อย่าลืมว่าแก่อายุ 42 ปีแล้ว คงช่วยอะไรทีมไม่ได้มากนัก

Gabe Vincent

ความอึดและการยื้อเกม

จุดเด่นของทีมฮีต ซึ่งมาจากโปรแกรมทดสอบสภาพร่างกายที่กลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของทีม คือที่มาของอาวุธร้ายกาจนี้ เราเห็นมาแล้วหลายครั้งที่พวกเขาเก่งในช่วงควอเตอร์ที่ 4 และเป็นทีมแรงเหลือที่พร้อมจะบี้คู่แข่งช่วงท้ายเกมได้เหมือนกับเพิ่งจะเริ่มเล่นไปได้แค่ 6 นาทีของควอเตอร์แรก

ส่วนที่ต้องกังวลอาจเป็นตำแหน่งของ คายล์ ลาวรี่ย์ ซึ่งอายุมากแล้ว แต่ยังมีแบ็คอัพอย่าง เกบ วินเซ็นต์ การ์ดดาวรุ่งที่โชว์ผลงานการเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนที่เหลือคือการจัดสรรเวลาลงเล่นและการหมุนเวียนของทีมที่จะช่วยซัพพอร์ตให้จุดเด่นนี้ใช้ได้ยาวทั้งฤดูกาล

 

 

บทสรุปของ ไมอามี่ ฮีต

ฮีตคือทีมที่แกร่งด้วยโครงสร้าง ระบบการเล่น ทีมเวิร์ค และ มันสมองจากทั้งเฮดโค้ชกับแกนนำในทีมอย่าง จิมมี่ บัตเลอร์ แม้ว่าพวกจะแทบไม่ปรับเปลี่ยนหน้าตาของทีมแต่พวกเขายังดีพอที่จะเป็นทีมเต็งแชมป์

แม้ว่าการเสีย พีเจ ทัคเคอร์ จะเป็นช่องโหว่ที่น่ากังวล แต่เชื่อว่าด้วยขุมกำลังที่มีในมือ พวกเขาจะหาทางแก้วิกฤติให้เป็นโอกาสได้ เราอาจจะได้เห็นตำแหน่ง 4 ที่ไม่เน้นเก่งเกมป้องกันมาก แต่มีความสามารถในการเล่นเกมบุกมาขึ้น อะไรทำนองนั้น

ดาวดับแสงทั้ง โอลาดิโป ที่ฟื้นจากการพักยาว และ โรบินสัน ที่ถูกริดรอนเวลาลงสนามเพราะเกมป้องกันไม่ดี น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาเติมความแกร่งให้กับทีมได้ตามความถนัดของพวกเขา ส่วนทีมจะได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งหรือไม่ ก็ต้องหวังที่ บัตเลอร์-แบม ว่าจะยังเป็นคู่หูอันเดอร์เรตที่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมหรือเปล่า

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover