30 วัน 30 ทีม : ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ พุ่งหาเป้าหมายด้วยการมีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม : ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ พุ่งหาเป้าหมายด้วยการมีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน image

ยังเป็นทีมแจกแต้มสำหรับวงการเอ็นบีเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน พวกเขาทำสถิติชนะแค่ 20 แพ้ 62 เกม ในฤดูกาลที่แล้ว และซีซั่นก่อนหน้าก็ชนะแค่ 17 แพ้ไป 55 เกม อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นไปตามแผนการสร้างทีมใหม่ของฝ่ายบริหารที่ต้องสะสมผู้เล่นดาวรุ่งฝีมือ พร้อมกับให้โอกาสพวกเขาได้ลงสนามอย่างเต็มที่

ในการดราฟท์ปีที่ผ่านมาพวกเขาเหมือนถูกหวยเพราะได้ตัว จาบารี่ สมิธ จูเนียร์ หล่นมาให้ทีมได้ตัวในอันดับที่ 3 ซึ่งถ้านับตามความสามารถเข้ามีสิทธิกระโดดขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของดราฟท์คลาสปี 2022 ด้วยซ้ำไป แต่โชคที่เข้าข้างสู่มือฮุสตัน อาจจะยังเพียงพอสำหรับการทำให้พวกเขากลับมาเป็นทีมระดับเพลย์ออฟในทันที ดังนั้นเราจะสามารถคาดหวังอะไรกับทีมจรวดในฤดูกาล 2022-2023 ได้บ้าง

usman-garuba-houston-rockets-2022
NBA Getty Images / The Sporting News

เห็นความสมดุลย์ในระบบการเล่น

ร็อคเก็ตส์เก็บแกนหลักดาวรุ่งไว้ครบ มีทั้ง จาเลน กรีน. เควิน พอร์เตอร์ จูเนียร์, เจชอน เทต และ เคนย่อน มาร์ติน จูเนียร์ ซึ่งพอรวมกับ สมิธ จูเนียร์, ทารี อีสัน และ ไทไท วอชิงตัน จูเนียร์ ที่ดราฟท์เข้ามา ทำให้ทีมสามารถสร้างขุมกำลังตั้งแต่ตัวจริงยันตัวสำรองด้วยผู้เล่นดาวรุ่งล้วนๆก็ยังได้

แต่หน้าที่สำคัญของโค้ช สเตเฟ่น ไซลาส คือ การผสมผสานทีมยังไงให้เกิดประโยชน์ที่ช่วยสร้างพัฒนาการให้กับผู้เล่นวัยหนุ่มมากที่สุด เพราะการปล่อยดาวรุ่งลงเล่นล้วนๆ บางทีผมเขาอาจไม่ได้ซึมซับอะไรเพิ่มเติมจากการเล่นในลีกระดับอาชีพมากนัก

ถ้าเรามองง่ายๆจากสถิติฤดูกาลก่อน กลุ่มดาวรุ่งของพวกเขาทำผลงานส่วนตัวกันได้ดีทั้งหมดหลายคนทำเฉลี่ย 2 หลัก แต่ทำไมทีมถึงมีเรตติ้งเกมบุกอยู่แค่อันดับ 26 ซ้ำร้ายกว่านั้น เรตติ้งเกมรับอยู่รองบ๊วยของลีก ซึ่งพอจะชี้ชัดได้ว่าด้วยวิธีการเล่นของทีมที่พึ่งผู้เล่นวัยรุ่นมากเกินไป พวกเขามักจะเน้นการโชว์ด้วยตัวเอง และไม่ค่อยยอมเสียแรงเพื่อรับผิดชอบในเรื่องเล็กน้อยๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองทำไปก็คงไม่ได้ปล่อยของโชว์ออกสื่อมากนัก

ดังนั้นวิธีการที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งที่อยู่นอกเหนือกว่าคำว่า เก่ง และ ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นด้วยการพร้อมรับผิดชอบหน้าที่ซึ่งอาจไม่ได้ทำให้พวกเขาอยู่ในไฮไลท์สุดสัปดาห์ อาจเป็นการส่งผู้เล่นระดับประสบการณ์สลับลงไปเพื่อกดดัน และ ชี้นำวิธีการเล่นที่ควรเกิดขึ้นในโลกของมืออาชีพ

การสร้างความสมดุลย์ในทีนี้อาจไม่ใช่การหาตัวเก่งลงไปผสมกับตัวระดับกลางๆ หรือ ฟอร์มไม่ดีนัก แต่เป็นการที่โค้ชจะเลือกตัวประสบการณ์ลงไปค้ำชุดผู้เล่นดาวรุ่งโดยดูว่าเคมีของเด็กๆแต่ละชุดที่ลงสนามขาดอะไร หรือ จำเป็นต้องมีอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีบนคอร์ทได้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มเวลาลงเล่นและสถิติส่วนตัวของตนเองเท่านั้น

ยกเว้นเสียแต่ว่า พวกเขาพร้อมใจกันโตขึ้นแล้วในช่วงปิดซีซั่นที่ผ่านมาและสามารถลงมาเล่นร่วมกันโดยไม่ต้องอาศัยตัวเก๋า นั่นก็จะเป็นประโยชน์ในการเดินหน้าต่อไปของทีมชุดนี้

Houston Rockets
Getty Images

ทิศทางทีมชัดเจนมากขึ้น

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ทีมควรมีแนวโน้มหรือวิธีการเล่นที่ชัดเจนขึ้นซึ่งทั้งหมดจะสะท้อนผ่านสถิติเชิงลึกที่มากกว่าผลแพ้ชนะ หรือ แต้มได้เสียต่อเกม ยกตัวอย่างว่าทำไมร็อคเก็ตส์ถึงยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะในฤดูกาล 2021 พวกเขามีเรตติ้งเกมบุกและรับอยู่อันดับ 27 และในฤดูกาลล่าสุด เกมบุกขยับขึ้น 1 อันดับ ส่วนเกมรับหล่นไป 2 อันดับ

ถ้ามองแบบภาพรวมจะเห็นว่าไม่มีทิศทางไหนเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ คือจะโตไปด้วยทีมที่เก่งเกมบุกก็ไม่ใช่ จะเด่นขึ้นเรื่องเกมรับก็ไม่เชิง กลายเป็นว่าแต่ละฤดูกาลแค่สะสมเวลาเล่นกันไปเท่านั้น

พอเราได้เจาะรายละเอียดสถิติกันต่อจะพบว่า ร็อคเก็ตส์ ปีที่แล้วเสียเทิร์นโอเวอร์มากที่สุดของลีกอยู่ที่ 16.5 ครั้งต่อเกม เช่นเดียวกับการรีบาวด์ที่ห่วยสุดของลีกเหมือนกัน นี่คือสิ่งสะท้อนที่ชัดเจนมากกว่าพวกเขาเล่นกันด้วยความคึกคะนองที่ปราศจากการคิดหน้าคิดหลังให้ดี

ดังนันโจทย์สำคัญของพวกเขาอาจไม่ใช่การลุ้นเข้าเพลย์ออฟ หรือ เพิ่มสถิติชนะที่ถล่มทลาย เพียงแต่การลงเล่นในแต่ละเกมพวกเขาควรจะมีทรงการเล่นที่ดีขึ้น และมีอัตลักษณ์หรือระบบที่พอจะชี้ให้เห็นภาพได้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าทีมนี้จะโตไปด้วยการเล่นรูปแบบไหน

Jae'Sean Tate Houston Rockets
NBA Entertainment

ทำนายบทสรุปในฤดูกาลนี้

ผู้เล่นดาวรุ่งของร็อคเก็ตส์ จะพาทีมทำผลงานได้ดีกว่าเดิม พวกเขาอาจจะมีผลงานที่ย่ำแย่เหมือนกับฤดูกาลที่แล้ว แต่เราอาจได้เห็นทิศทางของทีมที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะเป็นรูปแบบการเล่นที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าปีก่อนๆ รวมถึงการลดปริมาณเทิร์นโอเวอร์ลง และ ทำช่วยกันแบ่งเบาภาระงานปิดทองหลังพระให้แก่ทีมเพิ่มมากขึ้น

Jalen-Green-Kevin-Porter-Jr-Getty-FTR
(NBAE via Getty Images)

5 ตัวจริงของทีม

เควิน พอร์เตอร์ จูเนียร์ : แม้ว่าฟอร์มจะขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง ในฐานะผู้เล่นอายุน้อย แต่เขามีพรสวรรค์ที่ดี อย่างไรก็ตามอาจต้องลดปริมาณเทิร์นโอเวอร์ลงกว่านี้ 

จาเลน กรีน : หลังจากสร้างความประทับใจให้กับร็อคเก็ตส์ ด้วยความปราดเปรียวในช่วงฤดูกาลแรกของเขา กรีนยังแสดงความสามารถในการเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมได้ แต่ควรเพิ่มความแม่นระยะ 3 คะแนน

เอริค กอร์ดอน : ถ้ากอร์ดอนยังคงอยู่ในร็อคเก็ตส์ เขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวหลัก และคอยเลี้ยงดูเพื่อนร่วมทีมรุ่นเยาว์ ด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เขามี

จาบารี สมิธ :  การทำคะแนนและความเก่งกาจในตำแหน่งพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดของเขา คาดว่าสมิธจะสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ให้กับทีมได้ หากเขาได้ลงเล่นเป็น 5 คนแรก

อัลเพเรน เซนกุน : หลังจากทำหน้าที่เป็นตัวสำรองของวูดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เซนกุนพร้อมสำหรับการลงเล่นเป็นเซนเตอร์ ผลงานของเซนกุนอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญของทีมในฤดูกาลหน้า

Getty Images

 

5 ตัวสำรองของทีม

เจ’ชอน เทต : ความเก่งกาจของเขาในฐานะตัวจ่ายบอลและผู้เล่นเกมรับ ยังคงเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพอยู่สำหรับทีม

ทารี อีสัน :รุกกี้คนนี้ดูไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น จากการเล่นที่มีความดุดันสูงและการป้องกันสุดแกร่งของเขา

ไทไท วอชิงตัน จูเนียร์ : ดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะเป็นตัวสำรองที่จำเป็น เพื่อช่วยลงเล่นหมุนเวียนกับทางพอร์เตอร์

จอช คริสโตเฟอร์ : คริสโตเฟอร์ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ และเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากๆ

ยิ่งถ้าหากยกระดับการชู้ตให้แม่นขึ้นมาได้ จะทำให้เขาสร้างผลงานได้โดดเด่นยิ่งขึ้น

อัสแมน การูบา : หลังจากฤดูกาลที่แล้ว เขาต้องวนเวียนอยู่กับอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ การูบา พร้อมที่จะลงเล่น ด้วยความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งของเขา หากเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมเต็มร้อย

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover