30 วัน 30 ทีม : ออร์แลนโด เมจิก ปีแห่งการแสดงมายากลด้วยการเสกสถิติชนะให้มากกว่าแพ้

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม : ออร์แลนโด เมจิก ปีแห่งการแสดงมายากลด้วยการเสกสถิติชนะให้มากกว่าแพ้ image

หลังจากที่ออร์แลนโด เมจิก เคยทะลุเข้าชิงได้ 2 ครั้ง ในปี 1995 และ ปี 2009 เพราะการได้ดราฟท์เปลี่ยนชีวิตเป็นผู้นำทางพวกเขา หนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาเดิมพันกับ เปาโล บันเคโร่ ไว้สูงระดับนึงเลยทีเดียว

Orlando Magic

แต่อย่าลืมว่ากว่า ชาคีล โอนีล จะพาเมจิกเข้าชิงยังใช้เวลาอยู่ในลีกถึง 3 ปี ขณะที่ ดไวท์ ฮาเวิร์ด ก็อยู่เป็นแกนกลางของทีมถึง 5 ปี ก่อนจะพาทีมเข้าถึงรอบชิงเป็นรุ่นที่ 2 ของทีม และองค์ประกอบโดยรวมถูกสร้างขึ้นมาได้ดีระดับนึง โอนีล ได้ เพนนี ฮาดาเวย์ มาเป็นคู่หู ส่วน ดไวท์ ก็รายล้อมด้วยผู้เล่นระดับ B+ อยู่หลายคน

แม้จะดูว่าห่างไกลกับการกลับมามีช่วงเวลาที่ใหญ่ในปีหน้า แต่จากองค์ประกอบที่ทีมสร้างขึ้นตลอด 5 ปี  ก็เป็นไปได้ว่า ฤดูกาล 2022-2023 อาจจะถึงเวลาที่พวกเขาเบ่งบานในลีกได้แล้วกัน

Paolo Banchero Orlando Magic
NBA Entertainment

บันเคโร่ ผู้ปลดล็อคโชว์มายากลที่ซ้อมใหญ่มา 2 ปี

ความน่าสนใจของทีม เมจิก คือพวกเขาเก็บผู้เล่นดาวรุ่งที่เป็นกลุ่มตัวสำคัญเอาไว้ได้หลายคน ไล่ตั้งแต่ โจนาธาน ไอแซ็ค, โม แบมบ้า, ฟรานซ์ แวกเนอร์, จาเลน ซักส์, โคล แอนโธนี่ และ ชูมา โอกีกี้ รวมถึงกลุ่มที่เทรดมาเสริมทั้ง เวนเดลล์ คาร์เตอร์ จูเนียร์, มาร์เคลล์ ฟัลท์ซ, และ อาร์เจ แฮมป์ตัน คือต้องไม่ลืมด้วยว่ากลุ่มนี้อายุไม่เกิน 24 สักคน แม้ว่า ไอแซค จะมีปัญหาเรื่องเจ็บหนักมา 2 ฤดูกาล และ ฟัลท์ซ ที่เพิ่งลงเล่นแค่ 26 เกม จาก 2 ฤดูกาลหลังสุด แต่เชื่อว่าถ้าทั้งคู่กลับมาสภาพร่างกายที่พอช่วยทีมได้ จะมีประโยชน์กับทีมพลังหนุ่มชุดนี้อย่างมาก

อย่างน้อยผู้เล่นหลายคนในกลุ่มนี้ได้ลงเล่นและซ้อมร่วมกันมาพอสมควร ซึ่งถ้าหากเรามองถึงทีมที่ประสบความสำเร็จด้วยการได้ครองตำแหน่งแชมป์สาย 2 ปีหลัง ทั้ง 4 ทีมไม่ว่าจะเป็น โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส, บอสตัน เซลติกส์, มิลวอกี้ บัคส์ หรือ ฟีนิกซ์ ซันส์ พวกเขามีการสร้างกลุ่มผู้เล่นที่โตมาด้วยกันเป็นปัจจัยเบื้องหลังของความแข็งแกร่งภายในทีม

ถ้าหาก บันเคโร่ เข้ามาแล้วสามารถปลดล็อคศักยภาพทีมให้ก้าวขึ้นไปได้อีกระดับ ก็คงเปรียบได้ว่าเขาคือผู้นำในการแสดงโชว์มายากลที่รังสรรค์การแสดงให้ออกมามีประสิทธิภาพที่ลงตัวมากขึ้น ด้วยทีมงานที่ซุ่มซ้อมร่วมกันมาอย่างน้อยก็ 2 ฤดูกาล แต่หากถ้าภาพรวมยังดูไม่ดีขึ้น ก็เป็นที่เข้าใจกันได้ว่าพวกเขาอาจต้องให้เวลา บันเคโร่ ซึ่งพึ่งจะอายุ 19 ปี และทีม เมจิก เองก็พิจารณามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงดันเข้าขึ้นมาเป็นท็อปดราฟท์ ปาดหน้าทั้ง เชท โฮล์มเกรน และ จาบารี สมิธ จูเนียร์

อย่าลืมว่าด้วยร่างกายที่สูง 6 ฟุต 10 นิ้ว แต่สามารถถ่างออกมาชู้ตระยะ 3 คะแนนได้ แถมยังมีทักษะการจ่ายบอลที่ดีพอตัว ถ้าหากฟอร์มช่วงซัมเมอร์ลีกไม่ใช่เรื่องโกหก บันเคโร่ อาจกลายเป็นผู้ร่ายเวทมนตร์ให้ทีม เมจิก กลับมาคว้าชัยชนะได้อย่างคึกคัก และมีซีซั่นที่ทีมจะชนะมากกว่าแพ้ครั้งที่ 2 ในรอบ 11 ปี (อีก 1 ครั้งที่ทำได้คือปี 2018-2019 ชนะ 42 แพ้ 40 เกม)

Wendell Carter

ผู้เล่นในทีมเมจิกที่น่าคาดหวัง

ไม่ใช่ว่า บันเคโร่ จะเป็นทุกอย่างเสียทีเดียวเพราะอย่างที่กล่าวไปว่าพวกเขามีผู้เล่นดาวรุ่งฝีมือดีหลายคน

และเป็นเรื่องน่าสนใจว่า ถ้าจะมีอีกสัก 2-3 คนที่สามารถค้นพบฤดูกาลก้าวกระโดดได้ งานของบันเคโร่ อาจจะไม่ใช่การเข็นครกขึ้นภูเขาจนเกินไป

เริ่มจาก คาร์เตอร์ จูเนียร์ ที่พอปรับบทบาทมาเล่นตำแหน่งพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด มากขึ้น ก็ดูเหมือนเขาจะหาแนวทางที่ใช่สำหรับตัวเองเจอ ฤดูกาลที่แล้วทำเฉลี่ย 15 แต้ม กับ 10.2 รีบาวด์ ซึ่งเป็นผลงานดีที่สุดนับตั้งแต่เข้าลีก โดยเฉพาะระยะ 3 คะแนนจากรัดับ 24.1% ในปี 2020-2021 ก็กระโดดขึ้นมาเป็นแม่นระดับ 32.7% อาจจะไม่ดีมากแต่ก็พอหวังพึ่งพาในจังหวะเปิดโล่งได้

แต่ส่วนสำคัญคือ นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้งของอดีตดราฟท์อันดับ 7 ของลีก ถ้าหากฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงเขาสามารถรักษาฟอร์มการเล่นแบบเดิมไว้ได้ จะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับทีมเมจิกอย่างมาก เช่นเดียวกับ ฟร้านซ์ แวกเนอร์ ที่เล่นในยูโรบาสเกตด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม หากเขายังพัฒนาต่อเนื่องก็จะเป็นทางเลือกในการทำแต้มของทีมได้ในระดับดีทีเดียว

Jalen Suggs

ส่วนคนที่น่าจะต้องยกระดับการเล่นให้ได้คือ จาเลน ซักก์ ซึ่งปีที่แล้วลงเล่นไปแค่ 48 เกม ก็มีอาการบาดเจ็บ จนต้องเข้ารับการผ่าตัดนั่นทำให้ต้องลุ้นว่าพอฟื้นกลับมาสภาพร่างกายจะดีแค่ไหน แม้แต่ก่อนบาดเจ็บเจ้าตัวก็ยังเล่นได้ไม่ดีนัก ฟอร์มห่างไกลจากสมัยเล่นให้กับมหาวิทยาลัยกอนซาก้าพอสมควร โดยเฉพาะฟิลด์โกลที่ลงห่วงแค่ 36.1% และระยะสามคะแนนแค่ 21.4% ดูไม่สมกับที่ทีมเลือกมาเป็นอันดับ 5

Gary Harris Orlando Magic
NBA Entertainment

คนสุดท้ายที่ The Sporting News มองว่าจะเป็นตัวแปรคือ แกรี่ แฮร์ริส ซึ่งทีมอาจถอยให้ไปเล่นบทบาท ซิกส์แมน หรือ ตัวสำรองทีเด็ดของทีม เพราะแฮร์ริส มีความเก๋าในลีกมากพอจะลงมาสร้างความแตกต่างให้กับรูปเกมที่ตันๆได้ ที่สำคัญเขาคือมือปืนที่แม่นสุดของทีม ยิง 3 คะแนนลง 38.4% ถ้าหากว่า ซักส์ ยังไม่ฟื้นจากฟอร์มแบบปีก่อน แฮร์ริส อาจจะได้เวลาลงสนามมากพอๆกับกลุ่มตัวจริง

Paolo-Banchero-Magic-FTR
[NBA Getty Images]

ผู้สร้างความสมดุลย์ในสนาม

การกระจายเรื่องการทำแต้มได้ทั่วถึงถือเป็นคุณภาพรูปแบบหนึ่งของทีมบาสเกตบอลที่ดี อย่างไรก็ตามความไล่เลี่ยกันเกินไปก็อาจกลายเป็นข้อเสียเหมือนกับที่ ออลันโด เมจิก เจอมาแล้ว 2 ฤดูกาล

ปี 2020-2021 พวกเขามีเรตติ้งเกมบุกอยู่อันดับ 29 และ ฤดูกาลที่ผ่านมาอันดับที่ 30 กล่าวคือเกมประสิทธิภาพเกมบุกพวกเขาแย่มาก โดยเฉพาะฟิลด์โกลที่เกาะอยู่ค่อนไปอันดับข้างล่างของลีกตลอดไม่ว่าจะระยะ 2 หรือ 3 แต้ม ทักษะความแม่นส่วนบุคคลก็อาจเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ด้วยการฝึกซ้อมเพิ่มเติม แต่ในภาพกว้างสะท้อนว่าพวกเขาขาดผู้สร้างความสมดุลย์ในสนามที่เพิ่งพาและแก้ไขปัญหาให้กับทีมได้

บันเคโร่ จะใช่คนๆนั้นหรือไม่ อาจจะต้องรอดูกันในช่วงต้นซีซั่น แต่บทบาทสร้างความสมดุลย์ในที่นี้ ไม่ใช่ผู้เล่นที่ต้องแบกทำสกอร์ระดับ 30 หรือ 40 แต้มต่อเกม แต่คนๆนั้นจะต้องเป็นผู้เล่นที่พร้อมจะโผล่ขึ้นมาเติมในสิ่งที่ทีมขาด ไม่ว่าจะสกอร์ การป้องกัน เร่งหรือผ่อนเกม รวมถึงการโวยวายยามที่ทีมเล่นกันแบบหงอยๆในสนาม อย่าง วอริเออร์ส จะมีเดรมอนด์ กรีน และ เซลติกส์ จะมี เจย์เลน บราวน์ หรือ มาร์คัส สมาร์ท รวมถึง บัคส์ ที่มี คริส มิดเดิลสตัน ซึ่งรับบทบาทเหล่านั้น

กล่าวโดยสรุป กับทีม ออร์แลนโด เมจิก

พวกเขาเติบโตร่วมกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว และกำลังจะได้สุดยอดผู้เล่นมาเติมเต็มทีม ศักยภาพของคนในทีมหลายคนก็พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักหรือผู้นำทีมได้ แต่ทั้งนี้การสร้างกรอบและรูปแบบการเล่นที่ลงตัวจะเป็นจุดเชื่อมโยงและสะท้อนการแก้ปัญหาทุกอย่าง ให้เมจิก เดินไปข้างหน้าได้มากขึ้น

ส่วนผสมของการแสดงโชว์มายากลของเมจิกถือว่าพร้อมพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็แค่การจัดคิวการแสดงประกอบกับแสง สี เสียง ที่เหมาะสม ไม่แน่ว่าฤดูกาล 2022-2023 เราอาจได้มายากลจากทีมพลังหนุ่มอีกหนึ่งทีมที่พุ่งพรวดขึ้นมาทำผลงานได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover