30 วัน 30 ทีม: วิเคราะห์ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ก่อนเปิดฤดูกาล 2022-2023

The Sporting News

30 วัน 30 ทีม: วิเคราะห์ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ก่อนเปิดฤดูกาล 2022-2023 image

ดัลลัส แมฟเวอริกส์ หนึ่งในทีมน่าจับตามองของสายตะวันตก เพราะในการทำทีมเพียงฤดูกาลแรกของ เจสัน คิดด์ ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นชุดแชมป์ปี 2011 ก็สามารถพาทีมเอาชนะในฤดูกาลปกติได้ถึง 52 เกม โดยครั้งสุดท้ายที่ แมฟส์ สามารถชนะซีซั่นได้หลัก 50 ต้องย้อนกลับฤดูกาล 2014 - 2015 เลยทีเดียว

แล้วถ้าหากนับตั้งแต่ปีคว้าแชมป์ ผลงานซีซั่นที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดทั้งการคว้าอันดับ 4 สายตะวันตก 

จำนวนเกมที่ชนะ และสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันตกได้ ส่วนอีก 10 ปีก่อนหน้านั้นพวกเขาตกรอบแรก 6 ครั้ง ส่วนอีก 4 คือไม่ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟ ดังนั้นด้วยองค์ประกอบทีมทั้งโค้ชใหม่ กลุ่มผู้เล่นที่มีให้เลือกใช้งาน และ ปัญหาอาการบาดเจ็บของตัวสำคัญ โดยเฉพาะ ทิม ฮาร์เดเวอย์ จูเนียร์ ถือว่า แมฟเวอริกส์ มาได้ไกลสุดทางเท่าที่สภาพทีมของพวกเขาจะมาได้ แต่หากพวกเขาต้องการจะก้าวไปถึงแชมป์ ทีมอาจจะต้องยกระดับบางอย่างขึ้นมา

ลดเกมบุกที่พึ่ง ลูก้า ดอนซิช มากเกินไป 

เราไม่ได้ดูถูก แมฟส์ แต่คุณต้องไม่ลืมว่าพวกเขาแพ้ให้กับทีมที่เป็นแชมป์ (โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส) และเชื่อเถอะว่าเป็นเรื่องยากสำหรับทีมที่ใช้รูปแบบการเล่นโดยพึ่งพาสตาร์คนเดียว (ดอนซิช) เป็นหลัก คล้ายๆกับสมัย เลบรอน เจมส์ เป็นทุกอย่างให้คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ระหว่างปี 2003 - 2010 จะสามารถก้าวไปถึงแชมป์เอ็นบีเอ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามสิ่งเดิมๆที่พวกเขามีก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นเคมีของทีม 

ทีมที่ดีต่อต้องมีตัวสกอร์ที่พึ่งพาได้อย่างน้อยๆ 2-3 คน และ ผู้เล่นแนวที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่บางอย่างในวันที่ซูเปอร์สตาร์ของพวกเขาฟอร์มดับ  แต่ดูเหมือนว่า แมฟส์ ยังกระจุกเกมบุกอยู่กับ ดอนซิช มากเกินไป

ตลอดรอบเพลย์ออฟ ดอนซิช ทำเฉลี่ย 31.7 แต้ม 9.1 รีบาวด์ กับอีก 6.4 แอสซิสต์ และ 1.8 สตีล ซึ่งทั้งหมดคือสถิติสูงสุดของทีม ส่วนมือรองลงมาคือ จาเรน บรันสัน ทำเฉลี่ย 21.6 คะแนน กับ 3.7 แอสซิสต์ 

แต่รายหลังกลับเลือกย้ายไปอยู่กับนิวยอร์ก นิกส์ ทิ้งปัญหาบ่อใหญ่เอาไว้ว่าใครจะรับบทพระรองจากเขาต่อไป 

สร้างตัวแทนของ จาเลน บรันสัน ที่ไม่อยู่แล้ว

แมฟเวอริกส์เองก็น่าจะรู้ปัญหาและต้องจัดการหาโรบิน มาช่วยงานแบทแมน แบบจริงๆจังๆ และครั้งนี้ควรจะต้องเพิ่มจำนวนของโรบินให้มากกว่าเดิมด้วย ถ้าหวังจะไปให้ถึงแชมป์

สิ่งที่พอใจชื้นได้คือ ถ้าหากทีมได้ ทิม ฮาเดอเวย์ จูเนียร์ กลับมา ก็จะมาเพิ่มทางเลือกในการทำคะแนน เช่นเดียวกับ สเปนเซอร์ ดินวิดดี้ ที่พอจะเป็นตัวแทนของ บรันสัน ได้ในระดับนึง แต่ถ้าไม่เวิร์คฝ่ายบริการก็ต้องลุยเสริมผู้เล่นมาช่วยเกมบุกต่อไป

นอกจากนั้น คริสเตียน วู้ด ที่ทีมไปเทรดมาจาก ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ถือว่าเป็นวงในที่โดดเด่นเรื่องการทำคะแนน โดยเฉพาะการชู้ตระยะ 3 คะแนนได้ด้วยและแม่นยำถึง 39% ในซีซั่นที่ผ่านมา อายุ 26 ปี ถือว่าอยู่ในช่วงที่อาจจะพีคได้อีก แต่เราเชื่อว่าวู้ด นี่แหละคือตัวแปรสำคัญ

วู้ด จะเพิ่มศักยภาพให้แมฟเวอริกส์ได้ดีแค่ไหน ?

นักวิจารณ์หลายท่านยังไม่รู้สึกว่า วู้ด คือของจริง เต็มที่อาจจะเป็นแค่ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่อาจยังไม่เข้าใกล้คำว่าสตาร์ประจำทีม อย่างไรก็ตามหากมองย้อนกลับไป วู้ด เป็นเด็กไม่ได้ถูกดราฟท์ด้วยซ้ำ และการที่ก้าวขึ้นมาได้ขนาดนี้ ก็อาจจะมีก้าวใหญ่ๆครั้งต่อไปให้แมฟเวอริกส์ได้ลุ้นเช่นกัน

โดยรวมแล้ว วู้ด มีศักพภาพในเกมบุกที่ดี เกมป้องกันอาจจะทรงๆ ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเขาจะสามารถปรับตัวให้กับเขา ลูก้า ดอนซิช ได้ดีแค่ไหน หรือแม้แต่วิธีการใช้งานโดย เจสัน คิดด์ ว่าจะเลือกใช้ วู้ด ให้เล่นแบบไหนและเล่นในช่วงเวลาใดบ้าง

และสุดท้ายที่คิดว่าแฟนๆทีมนี้ต้องทำคือ สวดภาวนา ขอให้วู้ดรักษาสภาพร่างกายดีๆ อย่าเจ็บอย่าป่วย อยู่ช่วย ลูก้า ได้หลายๆเกมนะ

 

ปัญหาการรีบาวด์ ที่ต้องแก้ และ เกมรับที่ต้องรักษาสมดุลย์ ไว้ให้ได้

นอกจากวู้ด แมฟเวอริกส์ เสริม จาเวล แมคกี เซ็นเตอร์สร้างคอนเทนต์ ซึ่งฤดูกาลที่แล้วทำผลงานกับ ฟินิกส์ ซันส์ ได้ดีที่เดียว และคาดการณ์ว่า คิดด์ น่าจะเลือกสตาร์ท แมคกี และ วู้ด ในตำแหน่งฟร้อนท์คอร์ต เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องรีบาวด์ของทีม เพราะฤดูกาลที่แล้วอยู่อันดับ 24 ของลีกในเรื่องการรีบาวด์ แต่ที่แย่จริงๆคือการรีบาวน์เกมบุก ซึ่งควรต้องเพิ่มจำนวนเพราะหมายถึงโอกาสการได้ซ้ำดาบ 2 ของทีม

ขณะที่เรื่องดีเรื่องเดิม ที่ต้องรักษาไว้ให้ได้คือเกมรับเพราะเมื่อพวกเขาเสียการ์ดตัวหลัก แถมกำลังจะเปลี่ยนตัวจริงตำแหน่งวงใน 2 คน ก็ต้องระมัดระวังด้วยว่า เคมี ในการเล่นอาจไม่เข้ากันและพังเกมรับที่ดีของพวกเขาลง 

ปีที่แล้ว แมฟส์ อยู่อันดับ 6 ในเรื่องของเรตติ้งเกมป้องกัน และ เสียแต้มเฉลี่ยน้อยที่สุดอันดับ 2 ของลีก

ระยะ 2 คะแนน ที่ควรจะดูดีขึ้นกว่าเดิม

จุดเด่นสำคัญของแมฟเวอริกส์ ในซีซั่นก่อนคือการชู้ตระยะ 2 คะแนนที่แม่นยำเป็นอันดับ 5 ของลีก แต่สิ่งที่แปลกคือ ระยะดังกล่าวมาจากดอนซิช บรันสัน และ ดินวิดดี้ เป็นหลัก 

ส่วนตัวผู้เล่นคนอื่นๆ อย่าง มักซี่ เคลเบอร์, โดเรียน ฟินลี่ย์ สมิธ, เรจจี้ บุลล็อค กลุ่มนี้เกมๆนึงพยายามชู้ต 3 มากกว่าระยะ 2 คะแนนเกือบจะเท่าตัวด้วยซ้ำ 

ดังนั้นการเสีย บรันสัน ซึ่งปกติเล่นพุลอัพช็อตเก่งมาก จำเป็นต้องมีผู้เล่นที่เล่นระยะ 2 คะแนนหรือเข้าหาห่วงเก่งๆเพิ่มเข้ามา ถ้าอยากเพิ่มมิติเกมบุกไปถึงระดับแชมป์ เจสัน คิดด์ ต้องคิดให้ได้มากกว่าการเอา ดอนซิช ไดรฟ์แล้วคิกนอกให้เพื่อนยิง 3 คะแนน 

แต่สิ่งที่พอคาดหวังได้เราอาจจะเห็น แมคกี รับบอลแอลลี่ย์-อู๊ปบ้าง หรือ คริสเตียน วู้ด สามารถเล่นพื้นที่ใต้แป้นได้อย่างแข็งแกร่งกว่าที่คิด

ฟอร์มของ ดอนซิช

สำคัญที่สุดสำหรับการก้าวไปลุ้นแชมป์ ก็คงหนีไม่พ้นฟอร์มของผู้นำทีมอย่าง ดอนซิช เราคาดหวังจะเห็นเขาในอีกมิตินึง คือการเติบโตไปอีกก้าวที่ไม่ใช่แค่ฝีมือหรือทักษะการเล่น แต่จะเป็นการก้าวขึ้นมาเป็นแหล่งรวมใจของทีม รวมถึงลดพฤติกรรมโวยวาย หรือ การแสดงออกที่ทำให้สปิริตของทีมแย่ลงระหว่างแข่งขัน ส่วนเรื่องฝีมือถ้าไม่ตกแบบน่าใจหาย หรือ บาดเจ็บหนัก ก็น่าจะยังเป็นผู้เล่นระดับท็อปของลีก

ในด้านผลงาน ดอนซิช คือผู้นำแทบจะทุกสถิติของทีม แต่สิ่งที่ควรพัฒนาให้มากขึ้นคือความแม่นยำจากระยะ 3 คะแนน เราอาจได้เห็น ดอนซิช ชู้ตระยะไกลในลักษณะที่เป็นลูกยากแต่ก็ลงอยู่บ่อยๆ แต่เอาเข้าจริงๆ เขายังไม่ได้แม่นระยะเหนือเส้นโค้งเท่าไหร่นัก ปีที่แล้วชู้ตลงแค่ 35.3% ในซีซั่นปกติ และ ลดลงเหลือ 34.9% ในรอบเพลย์ออฟ

แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ถ้าเราตัดลูกใกล้หมดช็อตคล็อกออก ดอนซิช อาจจะมี % ระยะ 3 คะแนนดีกว่านี้ระดับนึงเลยก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ เจสัน คิดด์ (อีกแล้ว) ที่จะต้องทำให้ ดอนซิช ได้ทั้งหายใจหายคอและได้มีจังหวะชู้ตหรือทำเกมแบบง่ายๆ ขึ้นมาบ้าง

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.