วอชิงตัน วิซาร์ดส์
สถิติฤดูกาล 2021-22 : 35-47
เสริมตัวสำคัญ : วิล บาร์ตัน & มอนเท มอร์ริส (เทรด), ทาจ กิ๊บสิน & เดลอน ไรท์ (ฟรีเอเยนต์), จอห์นนี่ เดวิส (2022 ดราฟต์)
เสียตัวสำคัญ : เคนเทเวียส คาลด์เวลล์-โป๊ป & อิช สมิธ (เทรด), โธมัส ไบรอันท์ (ฟรีเอเยนต์)
ฤดูกาลที่แล้ว : วิซาร์ดส์ลงเอยด้วยการลุ้นดราฟต์ลอตเตอรี่ หลังเสีย แบรดลี่ย์ บีล ที่เจ็บข้อมือต้องพักทั้งซีซั่น ก่อนเจอกับฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ ช่วงกลางฤดูกาล พวกเขาโยนตัวปัญหาออกจากทีมไปในช่วงเทรดกลางฤดูกาล หลังกำจัด สเปนเซอร์ ดินวิดดี้ กับ เดวิส เบอร์ทานส์ ออกไปจนกผลงานสุดย่ำแย่ เพื่อเอาบิ๊กแมนดีกรีออลสตาร์อย่าง คริสแทปส์ พอร์ซิงกิส มาแทน สตาร์ชาวลัตเวียทำผลงานไม่เลว ทำเฉลี่ย 22.1 แต้ม 8.8 รีบาวด์ ตลอด 17 เกม ส่วนเปอร์เซนต์การชู้ต 3 แต้มอยู่ที่ 36.7% ถึงกระนั้นก็ไม่ดีพอแม้แต่ได้ลุ้นเข้าทัวร์นาเมนต์เพลย์อิน และต้องหาคำตอบใหม่ให้กับทีมในช่วงออฟซีซั่นอีกครั้ง
สรุปช่วงฤดูร้อน : บีลได้เงินเท่าไหร่ แถมเงื่อนไขห้ามเทรดด้วยไหม? แทบจะเป็นสิ่งที่ต้องถามทันทีเมื่อพูดถึงช่วงออฟซีซั่นของวิซาร์ดส์ พวกเขายื่นสัญญาแบบแม็กซ์ให้บีล 5 ปี 251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.4 พันล้านบาท) ถือว่าสูงมากสำหรับผู้เล่นที่ไม่เคยเข้าถึงรอบชิงแชมป์สายมาก่อน (และครั้งล่าสุดที่ไปถึงรอบรองชนะเลิศสายคือ 5 ฤดูกาลก่อน) ติดทีมออลสตาร์แค่ 3 ครั้ง และติดทีม All-NBA ชุดสามเพียงครั้งเดียวเช่นเขา
ไม่มีใครสงสัยว่า บีลคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่แฟรนไชส์นี้เคยมี เป็นตัวจบสกอร์ที่อันตราย และตัวป้องกันที่ใช้ได้ เจ้าตัวใช้เวลาตลอด 10 ปีในอาชีพที่วอชิงตันเพียงทีมเดียว ตอนนี้อายุ 29 ปี ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะเข้าสู่ร่างทอง ผลงานเฉลี่ย 30.5 แต้มในฤดูกาล 2019-20 และ 31.3 แต้มในฤดูกาล 2020-21 ฟอร์มอาจจะดร็อปในซีซั่นล่าสุดที่ทำได้เฉลี่ยเพียง 23.2 แต้ม แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาที่เจอกับอาการบาดเจ็บข้อมือจนต้องผ่าตัด หายจากสนามไปถึงครึ่งฤดูกาลเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถึงบีลจะได้ค่าเหนื่อยแบบซูเปอร์สตาร์ แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้น ซูเปอร์สตาร์คือคนที่เก่งกาจมากกว่ามิติเดียว ช่วยให้ขายตั๋วหมดทุกเกม และสามารถนำทีมไปถึงฝั่งฝันในโพสต์ซีซั่น แบบที่ ยานนิส อันเททูคุมโป, เลบรอน เจมส์, สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ เควิน ดูแรนท์ กับอีกไม่กี่คนใน NBA ที่ทำได้ ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ แฟนๆ ของวิซาร์ดส์อาจผิดหวังในตัวเขา แม้ไม่ใช่ความผิดของเขาที่รับข้อเสนอนี้ก็ตาม
ด้วยการที่มีบีล บางทีวิซาร์ดส์อาจไม่มีวันหลุดพ้นจาก No-Man’s Land อันหมายถึง "ดีพอจะเข้ารอบเพลย์ออฟและชนะสักรอบ แต่ก็แย่พอที่จะไปลุ้นลอตเตอรี่อันดับล่างๆ จนถึงดราฟต์กลางรอบแรก" ซึ่งนั่นหมายความว่ามีโอกาสที่จะพลาดดาวรุ่งตัวดีๆ ไป
แล้วคราวนี้ล่ะเกิดอะไรขึ้น? วงล้อแห่งความอับโชคยังคงหมุนให้วิซาร์ดส์ต่อในดราฟต์ปี 2022 พวกเขาได้อันดับ 10 ซึ่งมากพอที่จะทำให้ชวดตัวท็อปที่อาจเปลี่ยนอนาคตแฟรนไชส์ได้อย่าง เปาโล บันเคโร, เชด โฮล์มเกรน หรือ เจเดน ไอวีย์ วิซาร์ดส์เลยต้องไปเลือก จอห์นนี่ เดวิส ชู้ตติ้งการ์ดจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แล้วหวังว่าเขาจะเป็นตัวเลือกดราฟต์ที่ดีที่สุดของทีมในรอบหลายปี ซึ่งบางทีอาจต้องย้อนไปถึงตอนที่พวกเขาเลือกบีลในฐานะดราฟต์เบอร์ 3 ปี 2012 เลยทีเดียว
ตลอด 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา วิซาร์ดส์เป็นเหยื่อจากอันดับดราฟต์เสมอ ตั้งแต่การเลือก คอรีย์ คิสเปิร์ต ในอันดับ 15 ปี 2021, เดนี อัฟดิจา อันดับ 9 ปี 2020, รุย ฮาจิมุระ อันดับ 9 ปี 2019, ทรอย บราวน์ จูเนียร์ อันดับ 15 ปี 2018 และ เจอเรียน แกรนท์ อันดับ 19 ปี 2015 ถึงพวกเขาจะเคยได้ดราฟต์อันดับ 3 ปี 2013 ซึ่งพวกเขาเลือก ออตโต พอร์เตอร์ จูเนียร์ มา แต่ดราฟต์คลาสปีนั้นไม่แข็งแกร่งเลย (ปีดังกล่าว แอนโธนี เบนเนตต์ ได้ดราฟต์หมายเลข 1) ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิซาร์ดส์มักพลาดโอกาสงามๆ เสมอ
จริงอยู่ที่นักบาสเกตบอลเก่งๆ อาจมาจากอันดับดราฟต์ที่ไม่ดีก็ได้ (อันเททูคุมโปคือดราฟต์อันดับ 15 ปี 2013) แต่ความน่าจะเป็นมันก็น้อยลงไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ผลงานจากการดราฟต์ของวิซาร์ดส์ไม่เคยไปถึงดีกรีออลสตาร์เลยนับจากบีล มีแค่พอร์เตอร์ที่ผลงานพอใช้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เดวิสถูกมองข้ามไปตั้งแต่ที่จะได้ลงสนามเสียอีก
แต่ดีกรีของเดวิสในสมัยเรียนถือว่าไม่เลวเลย เขาเป็นควอเตอร์แบ็กให้กับทีมอเมริกันฟุตบอล ช่วงเดียวกับที่เป็นสตาร์ทีมบาสเกตบอลในปีสุดท้ายของไฮสคูล เขาสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว (193 เซนติเมตร) คว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีของ Big Ten และทำแต้มเฉลี่ย 19.7 แต้มต่อเกม แต่ผลงานชู้ต 3 แต้มตอนเรียนคอลเลจไม่ดีนัก ลงเพียง 32.5% เท่านั้น
ทอมมี่ เชพเพิร์ด GM ของวิซาร์ดส์ เสริมทัพให้ทีมจากการเทรดเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในไลน์อัพด้วยการคว้าตัวบาร์ตันและมอร์ริสจาก เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ทั้งสองถือเป็นตัวจริงที่ทำผลงานได้ดี จึงถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์ไม่น้อยที่ได้ตัวมา ฤดูกาลที่แล้ว มอร์ริสทำเฉลี่ย 12.6 แต้มต่อเกม ดีสุดในอาชีพ กับ 4.4 รีบาวด์ กับการเป็นคอมโบการ์ด เติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปหลัง จามาล เมอร์รีย์ พลาดซีซั่น 2021-22 จากอาการเจ็บเข่า ซึ่งน่าจะช่วยให้ตำแหน่งพอยท์การ์ดของวอชิงตันลงตัวอีกครั้ง หลังจากยุคของ จอห์น วอลล์
ทว่ากุญแจสำคัญของวอชิงตันอาจเป็นบาร์ตัน เจ้าตัวถือเป็นสวิงแมนที่ทำผลงานได้โดดเด่น เฉลี่ย 14.7 แต้ม 4.8 รีบาวด์ 3.9 แอสซิสต์ต่อเกมเมื่อซีซั่นก่อน ถือเป็นตัวดีที่สุดในดีลที่ส่งคาลด์เวลล์-โป๊ป กับสมิธไปที่เดนเวอร์ ถึงผลงานอาจมีขึ้นๆ ลงๆ แต่เมื่อฟอร์มเข้าฝัก เขาสามารถเป็นผู้เล่นตำแหน่ง 2 ที่แข็งแกร่งได้
โดยรวมแล้ว ซัมเมอร์นี้ที่เมืองหลวงยุ่งเหยิงไม่น้อย แต่ข่าวใหญ่ที่สุด ในการต่อสัญญาระยะยาวให้ผู้เล่นเบอร์ 1 ของทีม กลับได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย ต่างจากปกติที่ควรได้รับการสรรเสริญรอบทิศ