30 วัน 30 ทีม : ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส ทีมที่กองเชียร์คงจะเบื่อกับการเฮเก้อเป็นปีที่ 3

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม : ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส ทีมที่กองเชียร์คงจะเบื่อกับการเฮเก้อเป็นปีที่ 3  image

ผลงานที่น่าผิดหวังตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุดทำให้สถานการณ์ของทีม เลเกอร์ส ไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกเขายกเครื่องเปลี่ยนแปลงผู้เล่นมากมาย แต่ยังเก็บแกนหลัก ทั้ง เลบรอน เจมส์, แอนโธนี่ เดวิส และ รัสเซลล์ เวสต์บรูค (ที่อยากปล่อยออกไปแต่ก็ทำไม่ได้) รวมทั้งการแต่งตั้งโค้ชใหม่อย่าง ดาวิน แฮม ขึ้นมาทำทีม

เลบรอน ในวัย 37 ย่างเข้า 38 ปี , เดวิส ที่ร่างกายไม่เคยสมบูรณ์ , เวสต์บรูค ซึ่งยังหาจุดที่ลงตัวในทีมไม่ได้ และ องค์ประกอบที่เหลือซึ่งเกือบจะใหม่ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้พวกเขามีโอกาสแค่ไหนสำหรับการทวงคืนความยิ่งใหญ่ และถ้าพอจะมีทางเป็นไปได้พวกเขาต้องลงมือทำอะไรบ้าง ติดตามได้ที่นี่

Russell-Westbrook-LeBron-James-Getty-FTR
(NBAE via Getty Images)

การหมุนเวียนผู้เล่นที่เหมาะสม

ดาวิน แฮม จะได้วัดใจกับการสร้างชื่อในฐานะโค้ชเต็มตัวตั้งแต่ซีซั่นแรกเลย เขาจะต้องหาวิธีการสร้างระบบหมุนเวียนผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพให้ได้ทันที เพราะ เอดี จะบาดเจ็บอีกเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ขณะที่ เลบรอน ในวัยใกล้ฝั่งไม่น่าจะยืนระยะเล่นเกมหนักๆได้ยาวนานนัก เช่นเดียวกับ เวสต์บรูค ที่ฟอร์มเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ซึ่ง แฮม ต้องกล้าจับสตาร์ประจำทีมนั่งพักเมื่อถึงเวลาจำเป็น

การได้ เดนนิส ชโรเดอร์ และ แพทริก เบฟเวอรี่ คงช่วยสร้างทางเลือกในตำแหน่งการ์ดได้ แต่สิ่งที่น่าหนักใจคือเมื่อไม่มี เลบรอน ในสนามใครจะรับภาระดูแลภาพรวมและคอยก้าวขึ้นมาแบกทีม ดังนั้นโจทย์ที่เรามองสำคัญอย่างมากสำหรับ แฮม อีกอย่างหนึ่งคือ การสร้างไลน์อัพที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพมากพอ และต้องมองหาผู้เล่นจากม้านั่งสำรองที่จะมารักษาประสิทธิภาพของเกม เมื่อต้องเปลี่ยน เลบรอน ไปพัก โดยดูจากสถานการณ์ว่าทีมต้องการอะไรเป็นหลัก

อย่างซีซั่นก่อนถ้าทีมต้องการแต้มหรือความไหลลื่น พวกเขายังมี มาลิค มังค์ หรือ คาร์เมโล แอนโธนี่ หรือถ้าหากต้องการเกมป้องกันก็ยังเลือกใช้งาน สแตนลี่ย์ จอห์นสันได้ แต่ฤดูกาลนี้ ใครจะมาเป็นออปชั่น ในแต่ละที่ทีมต้องการเมื่อผู้เล่นเก่งสุดของพวกเขาต้องออกไปนั่งพัก

สรุปคือ กรณีของเลเกอร์ส เมื่อต้องถอด เจมส์ ออกพวกเขาไม่ได้มีตัวแทนระดับศักยภาพเดียวกันลงมา แต่จะต้องมองให้ออกมาว่าอีก 4 ผู้เล่นในสนามที่เหลืออยู่ กับ คู่แข่งที่เจอและสถานการณ์ในตอนนั้น ทีมต้องการอะไรและควรเลือกส่งใครไปแทนตำแหน่งของเจมส์

อีกจุดที่สำคัญสำหรับการหมุนเวียนคือผู้เล่นตำแหน่งวงใน ถ้าหากเลเกอร์สยังบ้าที่จะเล่นสมอลบอลโดยไม่ดูทรัพยากรที่มีในมืออีก อาจเป็นการทำร้าย เอดี อีกครั้งโดยไม่ต้องรอให้คู่แข่งมาทำให้เขาบาดเจ็บ

ดังนั้นไม่ว่า ดาเมียน โจนส์, โธมัส ไบรอันท์ หรือ พวกบิ๊กแมนคนอื่นๆ จะต้องโชว์ผลงานที่น่าวางใจพอสำหรับการแบ่งเวลาลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ของ เดวิส ออกมาแบบ 100% เพื่อให้เขาได้เล่นตำแหน่ง 4 ตามที่ถนัดและไม่ต้องกังวลกับการป้องกันผู้เล่นตัวใหญ่ที่สุดของทีมตรงข้ามมากเกินไป

Anthony Davis, Russell Westbrook, LeBron James 092522
(NBAE via Getty Images)

สร้างประสิทธิภาพของ 3 สตาร์ดังเมื่อลงเล่นพร้อมกัน

มองตามชื่อชั้นและช่วงเวลาที่มีผลงาดี เจมส์ เดวิส และ เวสต์บรูค ซึ่งจะถูกเติมด้วยใครในทีมอีก 2 คน ก็พอจะดูเป็น dead lineup หรือ ชุดที่ดีที่สุดของทีมได้ อย่างไรก็ตามเราเห็นเกมเหล่านั้นเกิดขึ้นน้อยมาก และปัญหาเกิดจากรูปแบบการเล่นที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่

ปัญหาบางส่วนมาจากความเป็นปัจเจกบุคคล อย่างเช่น เวสต์บรูค ไม่ใช่มือปืนโดยธรรมชาติ เขาชอบเล่นกับบอลเป็นหลัก แต่ไม่ยอมขยับวิ่งตัดบริเวณพื้นที่ใต้แป้นหรือปากห่วงมากนัก ทั้งๆที่มีเพื่อนร่วมทีมซึ่งจ่ายบอลได้คมสุดคนหนึ่งของลีกอย่าง เจมส์ เป็นตัวถือบอลให้

ขณะเดียวกัน เอดี ก็มีฟอร์มการชู้ตที่ตกลงไปทำให้หลายจังหวะที่เคยทำได้ในปีคว้าแชมป์ กลายเป็นช็อตที่แฟนๆกลับร้องยี้ เพราะความชัวร์ที่ไม่เหมือนแต่ก่อน

แต่ถ้าทีมจะดีขึ้นหรือลุ้นถึงแชมป์มันก็ต้องยึดจากประสิทธิภาพการเล่นของ 3 คนนี้เท่านั้น และถ้าหากเวสต์บรูคฉลาดมากขึ้นในการใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งหาช่องทางเข้าไปรับบอลเพื่อทำแต้มในระยะใกล้ๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นการปิดจุดอ่อนเรื่องยิงนอกไม่แม่นในไปตัว ขณะที่ เดวิส อาจหันมาเล่น พิก แอนด์ โรล หรือ  พิก แอนด์ พ็อพ กับเจมส์สลับเวสต์บรูคด้วยบ้าง เขาก็ไม่ต้องพึ่งลูกยิงที่หวังได้น้อยลงมากจนเกินไป

ส่วน เลบรอน เขาคือผู้เล่นที่คงเส้นคงวามากที่สุดและมีฝีมือรอบด้านมากที่สุด ดังนั้นทุกอย่างจะเชื่อมกันได้อย่างลงตัวหรือไม่ เขาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนจุดนั้นเช่นกัน เช่นเดียวกับ เคนดริก นันน์ การ์ดที่เจ็บยาวและเพิ่งได้กลับมา ถ้าการถือบอลของเขาน่าไว้ใจ บางทีอาจเห็นมิติใหม่ๆ ในการเล่นของ เจมส์ ที่ไม่ต้องถือบอลมากเหมือนแต่ก่อน

อย่างไรก็ตาม การที่เดวิสหรือเวสต์บรูค จะสามารถเน้นเจาะหรือเล่นด้านในได้มากขึ้น อีกส่วนผสมหนึ่งที่คาดไม่ได้คือมือปืนที่อาสาสอยห่วงคู่แข่งจากวงนอก

Kendrick Nunn

จัดตั้งมือปืนแก๊งค์ใหม่

เรื่องน่าเศร้าของชาวเลเกอร์สอย่างหนึ่งคือ นอกจากระยะ 3 คะแนนฤดูกาลที่แล้วจะแม่นแค่อันดับ 22 ของลีก ก็คือพวกเขาเสียตัวยิงหลักๆ เกลี้ยงทั้ง มังค์, เวย์น เอลลิงตัน และ คาร์เมโล แอนโธนี่ ซึ่งเป็น 3 คนที่ยิงระยะนี้เกิน 37.5% ในขณะที่ทั้งทีมเฉลี่ยชู้ตลงแค่ 34.7% เท่านั้น

การจากไปก็นำมาสู่การไหลเข้ามาของผู้เล่นใหม่ ดังนั้นผู้เล่นอย่าง เบฟเวอรี่, ชโรเดอร์ หรือ ทอสคาโน่ รวมถึง นันน์ ที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บพักยาวจะต้องเข้ามาเติมเต็มจุดนี้ให้ได้ เช่นเดียวกับผู้เล่นเดิมๆที่ควรเพิ่มความแม่นระยะนี้ ไล่ตั้งแต่ เวสต์บรูค, เดวิส และ ออสติน รีฟส์

เลกอร์สมีจุดเด่นในการทำระยะ 2 คะแนนอยู่แล้ว ซีซั่นก่อนก็อยู่อันดับ 7 ทั้งๆที่วงนอกไม่ได้ช่วยให้เล่นง่ายนัก จึงเป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันว่าถ้าทีมยกระดับการยิง 3 คะแนนมาแตะๆ 36% วงในพวกเขาจะเล่นได้ดีขึ้นมากขนาดไหน

Anthony Davis Los Angeles Lakers
NBA Entertainment

แก้ปัญหา ฟอร์มแปลกๆของ เอดี

สำหรับฤดูกาลที่แล้ว เวสต์บรูคอาจเป็นของใหม่ราคาแพงที่น่าผิดหวัง แต่ เดวิส คือของระดับคุณภาพที่อยู่ดีๆก็เกิดรอยสึกหรอ ซึ่งถ้าจะมีสักคนที่งัดฟอร์มเก่งกลับมาได้แล้วพาทีมไปได้ไกล เดวิส จะเป็นคนๆนั้น

สถิติแปลกๆอย่างนึงคือ เดวิส ทำแต้มจากพื้นที่ใต้เป็นที่เป็นบริเวณ 3 วินาที ด้วยฟิลด์โกลระดับ 66.3% แต่พอขยับออกมาเป็นระยะจั๊มพ์ชู้ตกลับเหลือแค่ 34.5% และอาวุธเด็ดนี้เขาทำได้ดีในปีที่ทีมคว้าแชมป์

และส่วนต่างดังกล่าว 31.8% จากระยะที่ห่างออกมาไม่มาก คือช่องว่างสูงสุดสำหรับบรรดาผู้เล่นในลีก

ยังไม่นับรวมระยะ 3 คะแนนที่ตกลงไปอย่างน่าใจหาย จากระดับ 30% ต้นๆ เขายิงลงแค่ 18.6% ในซีซั่นที่แล้ว นั่นทำให้ทางเลือกในเกมบุกของเขายิ่งถูกจำกัดเข้าไปอีก

เชื่อว่าการได้กลับมาเล่นตำแหน่งพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด จะทำให้เขาได้โอกาสชู้ต 3 คะแนนมากขึ้น ดังนั้นถ้าเขากลับไปจัดระดับ 33% รวมถึงลูกจั๊มพ์ช็อตระยะ 2 แต้มที่ดีเหมือนปี 2020 เขาจะเป็นตัวแปรสำคัญที่พาเลเกอร์สเข้าไปถึงรอบลึกๆ ของเพลย์ออฟได้ แต่อยู่ภายในเงื่อนไขว่าลงเล่นได้มากกว่า 60 เกมด้วย

Dennis Schroder / Los Angeles Lakers
NBA Entertainment

มีทีเด็ดจากม้านั่งสำรอง

ซีซั่นก่อนขนาดมีทั้ง แอนโธนี่ และ มังค์ เป็น 2 ทีเด็ดจากม้านั่งสำรองทียังมีสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อขาดตัวหลักลงสนาม ดังนั้นพวกเขาต้องมองหาผู้เล่นที่วางใจได้จากยูนิตที่ 2 ให้เจอโดยเร็ว ซึ่งจะรับบทบาททั้งการลงมาเปลี่ยนเกมร่วมกับชุดตัวจริง และ การแบกชุดสองเข้าสู้กับคู่แข่ง

ชโรเดอร์ คือตัวเลือกน่าสนใจที่สุดเขาเคยรับบทบาทนี้มาแล้ว และวิธีการเล่นก็เหมาะกับการได้บอลมากๆ เพื่อเน้นเข้าทำแต้ม คล้ายๆกับที่ ลู วิลเลี่ยมส์ หรือ จามาล ครอว์ฟอร์ด เคยทำในลีก ส่วนมือรองจากชุด 2 คนอื่นๆ ที่น่าสนใจและอาจกลายเป็นเซอร์ไพรซ์ของทีมคือ ลอนนี่ วอล์กเกอร์ ดาวรุ่งที่เคยอยู่กับ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ซึ่งเด่นเรื่องความเร็วแต่อาจยังต้องปรับเรื่องการเลือกจังหวะชู้ตของตัวเอง

ท้ายที่สุดและคงเป็นคนที่แฟนเลเกอร์ส อยากผลักดันและเชียร์ทุกครั้งที่ลงสนาม คือ ออสติน รีฟส์ เด็กอันดราฟท์ ซึ่งกลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นเดียวที่น่าภูมิใจจากฤดูกาลที่น่าผิดหวังเมื่อปีก่อน

จากเงื่อนไขที่กล่าวมาทั้งหมดถ้าหาก เลเกอร์ส สามารถทำได้พวกเขาจะกลายเป็นทีมที่พุ่งขึ้นมาได้อย่างร้อนแรง แต่ถ้าหากขาดตกบกพร่องไปละก็อาจเป็นอีกปีที่แฟนๆ คงนอนเซ็งกับการไม่ได้เห็นทีมรักเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ เพราะอย่าลืมว่าด้วยสภาพทีมและสิทธิดราฟท์ที่มีในมือ พวกเขามีโอกาสปรับทีมหรือลงมือเทรดเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงช่วงกลางซีซั่นน้อยจริงๆ

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover