เป้าหมายของ ยูท่าห์ แจ๊ซ ในฤดูกาล 2022 - 2023 การบริหารทีมให้เกิดประโยชน์ระยะยาว ไม่ว่าจะลงมือเทรดซูเปอร์สตาร์ตัวหลักเพื่อแลกกับสิทธิดราฟท์ในอนาคตให้ได้มากที่สุด การสร้างทีมผู้เล่นอายุน้อยพร้อมกับการให้โอกาสลงเล่นเพื่อทดสอบศักยภาพ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นระดับชั้นนำของสายตะวันตกมาหลายปี แต่ก็ถึงเวลาต้องยกเครื่องใหม่กันอีกแล้ว
เพลย์ออฟที่ไม่เคยไปถึงไหน
หลังจากปี 2006 - 2007 ซึ่งเป็นยุคที่ เจอร์รี่ สโลน คุมทีม แจ๊ซไม่เคยไปได้ไกลกว่าเพลย์ออฟรอบรองชนะเลิศชิงแชมป์สายเลย ส่วนความสำเร็จของทีมมากที่สุดคือการเข้าชิง 2 ครั้งในปี 1997 และ 1998 สมัยนั้นยังเป็นคู่หูราชาไร้มงกุฏนำทีม ก็คือ คาร์ล มาโลน กับ จอห์น สต็อกตัน และทั้ง 2 ครั้งนั้นพวกเขาก็ถูก ชิคาโก้ บูลส์ ของ ไมเคิล จอร์แดน ดับฝันทั้งคู่
การเข้ามาของ ควินน์ ชไนเดอร์ ที่อาศัยเวลาสร้างทีมอยู่ 2 ปีแรกก็เปลี่ยนแจ๊ซเป็นทีมระดับเพลย์ออฟตลอด 6 ฤดูกาลหลังสุด อย่างไรก็ตามทีมไม่เคยเดินหน้าได้เกินกว่าความคาดหวัง เพราะหลายๆซีซั่น พวกเขามีองค์ประกอบทีมที่ดี มี รูดี้ โกแบร์ ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์แนวหน้าของลีก มี โดโนแวน มิตเชลล์ การ์ดระดับออลสตาร์ และองค์ประกอบทีมโดยรวมที่ดีระดับหนึ่ง แต่กลับจอดป้ายรอบเพลย์ออฟไวเกินซึ่งพวกเขาเหมือนจะเก่งได้แค่ช่วงฤดูกาลปกติอยู่เสมอ
ถอย 2 ก้าว เพื่อโอกาสก้าวกระโดด
ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่เป็นระยะ เริ่มจากการที่ทีมได้เจ้าของใหม่ ไรอัน สมิธ เข้ามาช่วงปลายปี 2020 ตามมาด้วยการจ้าง แดนนี่ เอนจ์ มานั่งแท่นประธานฝ่ายปฏิบัติการบาสเกตบอลของทีม ซึ่งวิสัยทัศนต์และสิ่งที่อดีตประธานคนเก่งของบอสตัน เซลติกส์ ต้องการเปลี่ยนและสร้างใหม่ ดูจะไม่สอดคล้องกับความตั้งใจของ ชไนเดอร์ ทำให้โค้ชรายนี้ ตัดสินใจลาออกจากทีมหลังจากตกรอบเพลย์ออฟเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
หลังบ้านที่ดูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วก็ไม่ได้แตกต่างจากทีมหน้าบ้านอย่างกลุ่มผู้เล่น
การเทรด โกแบร์ ไปทิมเบอร์วูล์ฟ ทำให้ทีมได้สิทธิดราฟท์ในมือเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ย้อนนึกถึงสมัยที่ เอนจ์ สามารถส่งตัว พอล เพียร์ซ และ เควิน การ์เนตต์ ในช่วงโรยรา ไปให้กับบรู๊คลิน เน็ตส์ และได้สิทธิดราฟท์ที่ทุกวันนี้กลายเป็นนักบาสที่ชื่อ เจย์เลน บราวน์ และ เจสัน เททั่ม
ต่อมาไม่นานนักก็ถึงคราวของ มิตเชลล์ ที่ได้เก็บข้าวของย้ายไปร่วมทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส และจาก 2 ดีลใหญ่นี้ ทำให้ทีมได้สิทธิดราฟท์รอบแรก 10 ครั้ง และ ผู้เล่นเข้ามาเสริมทีมอีก 9 คน เมื่อรวมกับสมบัติในกรุของทีม พวกเขามีโอกาสดราฟท์ผู้เล่นในรอบแรกถึง 18 ครั้งไปจนถึงปี 2029
เชื่อว่าการพยายามเทรดผู้เล่นตัวเก๋าเพื่อถือสิทธิดราฟท์ในมือเพิ่มของพวกเขายังไม่จบ และ เป้าหมายระยะใกล้ที่พวกเขาเล็งไว้ น่าจะเป็น วิคเตอร์ เวมบันยาม่า เซ็นเตอร์ชาวฝรั่งเศส ที่ว่ากันว่ามีพรสวรรค์และฝีมือมากพอจะพลิกโฉมหน้าทีมๆนึง ได้เหมือนที่ เลบรอน เจมส์ เคยทำให้กับ คาวาเลียร์ส
2022-2023 จะแทงค์ หรือ ใส่เต็มเหนี่ยว ?
รื้อทีมมาขนาดนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าเปิดฤดูกาลมา แจ๊ซ อาจจะแทงค์เพื่อคว้าโอกาสเป็น 3 ทีมที่ได้ลุ้นตั๋วชนะ 14% เชื่อว่าถ้าจะทำแบบนั้นแฟนๆก็คงโอเค แต่ถ้าเกิดแทงค์แล้วดันซวยอันดับดราฟท์หลุดไปเกินอันดับ 3 อาจจะกลายเป็นเรื่องได้เหมือนกัน
หรือ จะเป็นการใส่เต็มที่เพื่อเร่ขายของ อันนี้ก็เป็นการคาดเดาของทางเราที่คิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ คือส่งผู้เล่นพลังหนุ่มของทีมให้เล่นเต็มที่ไปเลย โดยเฉพาะกลุ่มตัวใหม่ๆทั้ง คอลลิน เซ็กตัน, ลอย์รี่ มาร์คาเนน, ทาเลน ฮอร์ทอน ทัคเคอร์, สแตนลี่ย์ จอห์นสัน, มาลิค บีสลี่ย์ ฯลฯ
ถ้าเป็นวงการฟุตบอลก็คือปั้นเพื่อขาย แต่สำหรับวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เป็นการส่งลงสนามเพื่อเพิ่มมูลค่าในการเทรด เกิดผู้เล่นคนไหนดันฟอร์มดีแล้วไปเข้าตา พวกเขาอาจได้สิทธิดราฟท์เพิ่มเติม หรือหากโชคดีอาจได้ผู้เล่นดาวรุ่งที่มีฝีมือมาเข้าระบบเพิ่มเติม โดยไม่ต้องรอจนถึงการดราฟท์ก็เป็นไปได้
แต่ในความวุ่นวายหลังการสร้างใหม่ปีแรกอาจจะทำให้ผลงานของพวกเขาไม่ไปไหน เหมือนกับช่วงที่ คาวาเลียร์ส สร้างทีมใหม่หลังเสียทั้ง เลบรอน เจมส์ และ ไครี่ เออร์วิ่ง ในปี 2018-2019
อาถรรพ์ การทำทีมแบบซูเปอร์สตาร์คู่หู
ข้อสังเกตเล็กๆน้อย นับตั้งแต่ยุค มาโลน - สต๊อกสัน มาจนถึงยุค เดรอน วิลเลี่ยมส์ - คาร์ลอส บูเซอร์
และ มาสู่ยุค มิตเชลล์ - โกแบร์ … เหมือนว่าแจ๊ซ อาจจะต้องลองปรับจำนวนสตาร์ในทีม
ถ้าไม่มีมากกว่า 2 ไปจนเป็นแนวซูเปอร์ทีมไปเลย ก็อาจจะลองเล่นแบบดีทรอยต์ พิสตันส์ ชุดคว้าแชมป์ปั 2004 ดู พวกเขาอาจจะเจอหนทางใหม่ในการคว้าแชมป์หนแรกของทีม
