30 วัน 30 ทีม: มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ เทรดวัดใจที่ไม่ก้าวหน้าก็ถอยตกเหวไปเลย

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม: มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ เทรดวัดใจที่ไม่ก้าวหน้าก็ถอยตกเหวไปเลย  image

มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ โชว์ผลงานได้เกินคาดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พัฒนาการของพวกเขาคล้ายคลึงกับคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ซึ่งเหมือนกับองค์ประกอบต่างๆในทีมเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผู้เล่นตัวหลักอยู่ด้วยกันมาสักพักจนสามารถจูนกันติด ระบบการเล่นหรือแผนต่างๆเริ่มเข้าที่ 

ซีซั่นก่อนพวกเขาจบด้วยสถิติชนะ 46 แพ้ 36 หลุดเข้าไปเล่นรอบเพลย์อินทัวร์นาเม้นต์ด้วยอันดับ 7 และโชว์ผลงานได้น่าประทับใจเอาชนะแอล.เอ.คลิปเปอร์ส ก่อนจะผ่านเข้าไปเล่นเพลย์ออฟและสู้ได้อย่างสูสีกับ เมมฟิส กริซลี่ย์ ถึงแม้พวกเขาจะแพ้ 2-4 เกม และจอดป้ายแค่รอบแรก แต่ถ้ามองย้อนกลับไปว่านี่คือการเข้าเพลย์ออฟแค่ครั้งที่ 2 ในรอบ 18 ปี ก็พอจะเป็นเรื่องปลอบใจและมองในด้านบวกได้บ้าง

แต่พอช่วงปิดฤดูกาล เมื่อพวกเขาลงมือเทรดเอาตัว รูดี้ โกแบร์ เซ็นเตอร์ตัวเก่งของยูท่าห์ แจ๊ซ มาร่วมทีม จากความคาดหวังแบบค่อยเป็นค่อยไป กลับกลายเป็นข้อสงสัยว่าพวกเขายอมเสียมากเกินไปหรือเปล่า สำหรับการเอาผู้เล่นตำแหน่งวงในเข้ามาเสริมทีม ทั้งๆที่พวกเขามี คาร์ล แอนโธนี่ ทาวน์ส อยู่แล้ว

สำหรับผมแล้วมองว่านี่เป็นการเทรดเพื่อวัดใจไปเลยสำหรับทีมหมาป่าว่าทีมจะเดินหน้าเต็มกำลังหรือสะดุดขาตัวเองแล้วร่วงลงเหว 

Kevin Garnett Minnesota
NBA Photos

ตัวแปรที่ช่วยให้ ทิมเบอร์วูล์ฟส์ อาจกลับมาเป็นหมาป่าที่น่าเกรงขาม

นับตั้งแต่หมดยุคของ เควิน การ์เน็ตต์ ทีมนี้ก็ถอยหลังลลงคลองมาโดยตลอด แม้ว่าพวกเขาจะเข้าเพลย์ออฟด้วยกลุ่มผู้เล่นดาวรุ่งมาได้ 2 ครั้งจาก 5 ปีหลังสุด แต่ถ้าทุกครั้งยังจบเพียงแค่การตกรอบแรก ก็คงจะเปล่าประโยชน์ และ อาจจะทำให้เสียสตาร์คนดังที่มีความกระหายอยากไปให้ไกลกว่าที่ทีมทำได้ ขณะเดียวกันความสุกงอมขององค์ประกอบหลายๆด้าน ก็ส่งเสริมให้ถึงเวลาอันควรที่ทีมจะลองลงมือทำอะไรบางอย่าง และนั่นคือการเอา โกแบร์ เข้ามาสู่ทีม

Rudy Gobert
(Getty Images)

ยกระดับเกมป้องกันให้เด่นระดับท็อปของลีก

เรื่องนี้อาจจะเป็นบทเรียนจากซีซั่นที่แล้ว ซึ่งต้องให้เครดิตกับ คริส ฟินช์ เฮดโค้ช ที่เข้ามารื้อทีมที่เกมรับห่วยแตกเกือบจะที่สุดของลีกในฤดูกาล 2020-2021 ซึ่งมีเรตติ้งป้องกันเพียง 115.0 อยู่อันดับ 28 กลายเป็นทีมที่ป้องกันอันดับ 13 ของลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เรตติ้งอยู่ที่ 111.7

ผมเชื่อว่า ฟินช์ และทีมงาน รวมถึงผู้บริหารคงเห็นอะไรบางอย่างจากการที่พอเกมรับดูดีขึ้น พวกเขาก็สู้ได้กับทุกทีม เลยจัดการเอาตัวป้องกันวงในระดับท็อปของลีกอย่างโกแบร์ เข้ามาเสริมให้จุดที่ดีขึ้นกลายเป็นจุดแข็งไปเลย 

ถ้ามองกันในรายละเอียด โกแบร์ จะเข้ามาช่วยป้องกันพื้นที่ใต้แป้นให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งการป่วนคู่แข่งที่จะยิงด้วยช่วงแขนที่ยาว การบล็อค และ รีบาวด์ ซึ่งเป็นการช่วยผ่อนงานของ ทาวน์ส ไปในตัวด้วย โดยที่ทั้งโกแบร์กับทาวน์ส ก็จะทำหน้าที่ช่วยซ้อนจังหวะที่การ์ดคู่แข่งหลุดมาจาก คู่แบ็คคอร์ตของพวกเขาได้ดี

Karl-Anthony Towns (Minnesota Timberwolves)

ทาวน์ส ทำได้ตามที่พูด

อย่างที่ทาวน์สเคยกล่าวไว้ว่าเขาคือผู้เล่นมากพรสวรรค์ เล่นเกมบุกได้ดี ยิง 3 คะแนนก็แม่น ดังนั้นฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงจะเป็นเวลาของการพิสูจน์ว่าเจ้าตัวเป็นผู้เล่นขี้คุยหรือของจริง เพราะ โกแบร์ จะมาผ่อนงานในเกมรับให้ทาวน์ส และในเกมบุก โกแบร์ก็น่าจะเป็นผู้เล่นที่คอยค้ำอยู่ด้านในเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและพื้นการเล่นให้กับทาวน์สมากขึ้น

ซีซั่นที่แล้วผลงานระยะ 3 คะแนนของดราฟท์อันดับ 1 ปี 2015 ก็น่าสนใจจริงๆ เขาสอยลง 41% แม่นที่สุดในทีมด้วยซ้ำ ถ้าได้อิสระในการถ่างออกไปชู้ตเพิ่มขึ้น หรือได้ประสิทธิภาพการเก็บรีบาวด์เกมบุกจากโกแบร์เข้ามาช่วยเสริม ตรงนี้น่าสนใจมากว่าความพยายามชู้ตระยะ 3 คะแนนของแคทส์จะเพิ่มขึ้นหรือไม่

ปรับตำแหน่งแบ็คคอร์ตได้ดี

เซ็นเตอร์และฟอร์เวิร์ดดูจะไม่ใช่ปัญหา (ถ้าดูจากฟอร์มปีที่แล้ว) นอกจากการมี โกแบร์, ทาวน์ส และ แอนโธนี่ เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นตัวจริง พวกเขายังมีแบ็คอัพอย่าง จาเดน แมคเดเนียล ที่พัฒนาขึ้นมาได้น่าสนใจ และตัวเดิมๆที่พอเล่นได้แบบ นาซ รีด หรือ ทอเรียน พริ้นซ์

แต่จุดที่น่าสนใจคือกลุ่มแบ็คคอร์ต ที่ดูแล้วอาจจะอ่อนยวบลงไปบ้างจากเสีย เบฟเวอรี่ ทิ้งเก่งป้องกัน ส่วน ดีแอนเจโล่ รัสเซลล์ การ์ดตัวหลักยังหาความคงเส้นคงวาไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากพวกเขาสามารถหาคู่การ์ดที่ลงตัวลงประสานงานกับพวกฟร้อนท์คอร์ตที่เก่ง รวมถึงโน้มน้าวให้ รัสเซลล์ ปรับหรือเล่นได้สม่ำเสมอมากขึ้น พวกเขาอาจจะมีผู้เล่นระดับออลสตาร์อยู่ในทีมพร้อมกันถึง 4 คนเลย

Edwards Beverley Russell Minnesota Timberwolves
NBA Entertainment

ตัวแปรที่พวกเขาอาจจะมีผลงานที่แย่กว่าที่คาด

การทดลองทำอะไรใหม่ๆ ย่อมมีส่วนที่เป็นดาบสองคมรอยู่ ดังนั้นการหยิบเอาผู้เล่นตัวใหญ่ 2 คนมายืนค้ำวงในสำหรับบาสยุคที่เน้นความเร็วคือการสวนกระแสที่เสี่ยงพอตัว และนี่คือเหตุผลที่พวกเขาอาจจะพังมากกว่าในยุคของ 2 หอคอยร่างใหญ่

โกแบร์ และ ทาวน์ส ปรับเข้าหากันไม่ได้เลย

อย่างที่กล่าวไปว่าการนำผู้เล่นบิ๊กแมน 2 คนลงเล่นร่วมกันคือความเสี่ยง แม้ว่า แคทส์ จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าตลอดทั้งชีวิตเขาเล่นกับผู้เล่นตัวใหญ่ด้วยกันได้แบบไร้ปัญหา แต่กับโกแบร์ ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับออลสตาร์ อาจจะต่างออกไปจากผู้เล่นระดับกลางๆ ที่พร้อมจะไม่มีอดติในการลงเล่นร่วมกับเขา

เรื่องฝีมือไม่ใช่ปัญหาแน่นอน เพราะต่างแบ่งบทบาทกันได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งสำคัญที่พังดูโอฝีมือดีที่ลงสนามร่วมกันมานักต่อนักแล้วคือ ทัศนคติ และ อีโก้ ที่ไม่มีใครยอมใครมากกว่า ซึ่งสถานการณ์ที่แจ๊ซก่อนทีมแตก โกแบร์ กับ มิตเชลล์ ก็ดูไม่ลงรอยกันอยู่พอสมควร

ไม่สามารถหาจุดที่ลงตัวในเกมบุกให้โกแบร์ได้

การหาเกมบุกอาจไม่ได้หมายถึงการให้ผู้เล่นคนนั้นทำคะแนน แต่จะเป็นการหาบทบาทหรือหน้าที่ที่ชัดเจนเมื่อลงสนามพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ปัญหาของโกแบร์อยู่ที่เกมบุก ในเมื่อเขาไม่สามารถเลี้ยงบอล และไม่สามารถชู้ตระยะกลาง ดังนั้นพวกผู้เล่นที่ถือบอลในมือต้องพยายามใช้งานโกแบร์ให้ถูกจังหวะ 

ยกตัวอย่างถ้าหาก รัสเซลล์ ต้องการสกรีนจากโกแบร์ เขาควรสร้างพื้นที่การเรียกกสรีนที่คำนึกถึงการ โรล ด้วยว่า เมื่อโกแบร์รับบอลจากเขาต้องอยู่ในระยะที่ใกล้มากพอ แต่ถ้าเผลอให้โกแบร์ออกมาสกรีนนอกเส้น 3 คะแนน เพื่อเล่นพิกแอนด์โรล หรือ แม้แต่พิกแอนด์พ็อพ เชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะเสียเพลย์บุกหรืออาจเสียช็อตคล็อกไปฟรีๆ

ยกเว้นเพียงแต่ว่าทีมสามารถสร้างรูปแบบการเล่นที่คล้ายกับ ดีทรอยต์ พิสตันส์ ในยุค 2003-2008 ที่สามารถทำให้ เบน วอลเลซ ซึ่งไม่เก่งเกมบุกเลยทำหน้าที่งเล่นเกมป้องกันเป็นหลัก แล้วมีส่วนร่วมในเกมบุกเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

beverley-towns-wolves
NBA Getty Images / The Sporting News

แผลเกมรับปริกว่าที่คิด

การเสีย เบฟเวอรี่ ทำให้ทีมต้องพิจารณาเรื่องเกมรับของตำแหน่งการ์ดพอสมควร แม้ว่าจะได้ตัวอย่าง ไคล์ แอนเดอร์สัน ซึ่งพอมีประสบการณ์และเล่นเป็นการ์ดกึ่งฟอร์เวิร์ด มาเติมแทน ก็คงจะไม่พอสำหรับช่องโหว่ ที่ทีมเสียเบฟไป ส่วนตัวอย่าง บ็อบบี้ ฟอร์บส์ หรือ ออสติน ริเวอร์ส น่าจะเป็นแค่อะไหล่ทั่วไปของทีม

อย่าลืมว่า โกแบร์ ไม่ใช่เซ็นเตอร์ที่มีความรวดเร็วมากนัก ดังนั้นเขาอาจจะช่วยซ้อนจังหวะที่การ์ดคู่แข่งลุยเข้าหาห่วง แต่ถ้าหากเป็นเจตนาเพื่อสร้างมิสแมตช์ แล้วเล่นเผาโกแบร์ เราอาจจะได้เห็น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ในร่างนักบาสเกตบอลเช่นเดียวกัน

บทสรุป มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์

ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดการณ์จากองค์ประกอบของทีม เรามองในแง่ของด้านดีและด้านเสีย แต่โดยรวมแล้ว มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูลฟ์ส น่าจะมีความแตกต่างหรือจุดขายในการเล่นสำหรับฤดูกาลหน้า ที่ไม่เหมือนชาวบ้านอย่างแน่นอน และการเข้าเพลย์ออฟควรจะเป็นเป้าหมายขั้นต่ำที่พวกเขาตั้งเอาไว้

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover