ฟีนิกซ์ ซันส์ สามารถรักษากลุ่มผู้เล่นหลักๆจากฤดูกาลที่แล้วซึ่งพวกเขาสร้างสถิติชนะฤดูกาลปกติมากที่สุด 64 เกม และยังจบปัญหาคาราคาซังกับ เดอันเดร เอย์ตัน เซ็นเตอร์ตัวเก่งด้วยการต่อสัญญาออกไปได้เรียบร้อย ขุมกำลังนี้จะสามารถโชว์ผลงานระดับคว้าแชมป์ได้หรือไม่ ติดตามได้ที่นี่
สรุปผลงานฤดูกาลที่แล้ว
ซันส์ระเบิดฟอร์มในช่วงฤดูกาลปกติได้อย่างสุดยอด พวกเขาชนะมากที่สุดในลีก 64 เกม แต่เหมือนตกอย่างเปล่าประโยชน์เพราะหลังจากที่พวกเขาผ่านนิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ ไปได้แบบกระท่อนกระแท่น ก็ต้องตกรอบรองชนะเลิศชิงแชมป์สายตะวันตก ทั้งที่ขึ้นนำซีรีส์เหนือ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ก่อน 2-0 เกม
แต่พวกเขาก็โชว์ฟอร์มดิ่งลงเหวหลังจากนั้น ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ของแฟรนไชส์ที่ปล่อยโอกาสดังกล่าวหลุดมือ และยังเป็นการโยนเกม 2-0 หนที่ 5 ของ คริส พอล การ์ดจ่ายตัวเก๋าที่อยู่ในลีกยาวนานมา 17 ปี
ซ้ำร้ายกว่าความพ่ายแพ้คือปัญหาภายในเมื่อเราเห็นภาพของ ดีอันเดร เอย์ตัน ลงสนามแค่ 17 นาทีในเกมชี้ชะตาซีรี่ส์ และเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นบานปลายว่าผู้เล่นรายนี้กับทีมกำลังมีปัญหาที่อาจทำให้ต้องแยกทางกันไป อย่างไรก็ตามช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาเรื่องราวจบแบบแฮปปิ้เอนดิ้ง เพราะซันส์ ต่อสัญญากับเอย์ตันด้วยตัวเลข 4 ปี มูลค่า 133 ล้านเหรียญ (ประมาณ 4.97 พันล้านบาท) เรียบร้อยแล้ว
ของไม่พัง ยังไม่ต้องเปลี่ยนเยอะ
แม้จะเหลือความขุ่นข้องใจบ้างกับการที่ทีมไม่ยื่นสัญญาเต็มมูลค่า แต่ท้ายสุดถ้าเขานึกให้ดีกับชีวิตต่อจากนี้ที่ยังมีทีมระดับลุ้นแชมป์ให้ลงเล่นอีก 4 ปี ในฐานะเซ็นเตอร์โลว์โพสต์ซึ่งบาสเกตบอลยุคนี้ไม่ให้ความสำคัญมากนัก ตัวเลขที่เขาได้พอสมเหตุสมผล และถึงเวลายกอีโก้ออกไปเพื่อเดินหน้าสร้างความสำเร็จกับทีมต่อ ซันส์เองก็ตั้งใจอยากจะสู้ราคาอยู่แล้วเพราะเป้าหมายของทีมคือการเก็บแกนหลักเดิมๆเอาไว้
นอกจากนั้นทีมยังต่อสัญญาราคาแพงกับ เดวิน บุคเกอร์ ตัวสกอร์หลักของทีมออกไปอีก 4 ปี 224 ล้านเหรียญ (ประมาณ 8.37 พันล้านบาท) รวมถึงต่อสัญญากับ บิสแมค บิยอมโบ ซึ่งจะอยู่เป็นแบ็คอัพเซ็นเตอร์ให้กับทีมอีก 1 ฤดูกาล โดยทีมยังเทรด จอค แลนเดล เซ็นเตอร์ทีมชาติออสเตรเลียมาเสริมวงในอีกคน เพื่ออุดช่องโหว่กับการเสีย จาเวล แมคกี ออกจากทีมไป
ตัวอื่นๆที่เสียออกจากทีมก็ไม่ได้กระทบมากนักทั้ง แฟร้งค์ คามินสกี้ หรือ อาร่อน ฮอลิเดย์ ทีมเลยไปเซ็นเอา ดาเมียน ลี, จอช โอโกยี่ และ ลูวสวู-คาบาร์ร็อค เข้ามาเสริม ซึ่งเป็นการรับมือสำหรับกรณีต้องเสีย เจย์ คราวเดอร์ ออกจากทีมด้วย
จากภาพรวม ซันส์ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนทีมมากนัก แกนหลักที่สร้างผลงานได้ดีในซีซั่นที่แล้วอยู่กันครบเกือบทั้งหมด เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าทิศทางที่ทีมเดินมานั้นถูกต้องแล้ว ปีก่อนพวกเขามีเรตติ้งเกมบุกอยู่อันดับ 4 ของลีก ขณะที่เกมรับก็อยู่ในอันดับ 3 นี่คือความสมดุลย์ที่พวกเขาแค่ต้องเพิ่มมาตรฐานให้นิ่งขึ้นในรอบเพลย์ออฟเท่านั้น
ประเด็น โรเบิร์ท ซาร์เวอร์ น่ากังวลแค่ไหน ?
การบริหารทีมเพื่อสร้างผลกำไรหรือเจาะตลาดอาจจะเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับผลงานบนสนามสิ่งที่สำคัญว่าชื่อ ซาร์เวอร์ คือ มอนตี้ วิลเลียมส์ ขอแค่โค้ชคนเก่งรายนี้ยังสามารถคุมทีมได้อยู่หมัด แก้ได้เฉียบขาด และ ไม่มีปัญหาใดๆกับผู้เล่น ซันส์ ก็คือทีมที่พร้อมทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสายตะวันตกอีกปี
อย่างไรก็ตามการบ้านของ วิลเลี่ยมส์ อาจหนักอึ้งอยู่หน่อยเพราะทีมตะวันตกต่างก็ปรับปรุงขุมกำลังกันเยอะ ซึ่งน่าจะทำให้การแข่งขันของสายนี้เข้มข้นกว่าปีที่แล้ว อย่าลืมว่า คลิปเปอร์ส ได้ 2 สตาร์กลับมา เพลิแกนส์ กำลังเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ และ มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ ก็เพิ่งได้รูดี้ โกแบร์ ไปเสริมทีมอีก
สำหรับตัวแปรสำคัญปีหน้า คงจะเป็น 2 ดาวรุ่งอย่าง คาเมรอน จอห์นสัน ที่รับบทบาทพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด และ มิคาล บริดเจส ถ้าหาก 2 คนนี้ยังมีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง พวกเขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ช่วยเกมบุกของทีมให้มีความหลากหลายและน่ากลัวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยอุดรอยรั่วที่ คริส พอล อาจจะสร้างผลงานได้ดร็อปลงบ้างในวัย 38 ปี
การกลับมาของ ดาริโอ ซาริช
ขุมกำลังสำรองของซันส์ถือว่าดีพอใช้ แต่การได้ ซาริช ซึ่งพักทั้งฤดูกาลเมื่อปีก่อนกลับมามีความหมายต่อทีมอย่างมาก ตลอดอาชีพ ซาริช ในวัย 28 ปี ทำเฉลี่ย 11.7 แต้ม 5.9 รีบาวด์ โดยยิง 3 คะแนนแม่น 35.7% สามารถเล่นได้ 3 ตำแหน่ง โดยธรรมชาติเขาคือ พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด ที่ขยับไปเล่นเซ็นเตอร์ในบางแผน รวมถึงขยับออกมาเป็นปีกตัวเล็กได้อีกด้วย
ถ้าอาการบาดเจ็บไม่ได้พรากฟอร์มวันเก่าๆไปจากเขา ผู้เล่นทีมชาติโครเอเชียจะเป็นผู้เล่นหมุนเวียนที่สำคัญ และ สามารถสร้างความแตกต่างให้กับรูปเกมรวมถึงกลยุทธ์ที่มอนตี้ วิลเลียมส์ ด้วยสไตล์การวิ่งตัดด้านในโซนคู่แข่งที่เก่งแบบฉบับยุโรปบวกกับไอคิวบาสเกตบอลที่สูงนำมาซึ่งการจ่ายบอลที่มีประสิทธิภาพ องค์ประกอบเหล่านี้สามารถผลักดันให้เขากลายเป็นผู้เล่นซิกส์แมนที่ยอดเยี่ยมของซันส์ได้