เซลติกส์ พร้อมที่จะแก้ตัวจากรอบชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาปรับทีมไม่เยอะแต่ได้ผู้เล่นที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ดีช่วงปิดฤดูกาลของพวกเขาก็วุ่นวายเสียเหลือเกิน
ภาพรวมของทีมบอสตัน เซลติกส์
ผลงานฤดูกาลที่แล้ว : ชนะ 51 แพ้ 31 เกม
ผู้เล่นสำคัญที่เข้ามาใหม่ : มัลคอร์ม บรอกดอน, ดานิโล กัลลินารี และ เบล็ค กริฟฟิน
ผู้เล่นสำคัญที่เสียไป : ดาเนียล ไทส์ และ อารอน เนสมิธ
บทสรุปฤดูกาลที่ผ่านมา : เซลติกส์ อุตส่าห์ขึ้นนำไปก่อน 2-1 เกม ในซีรี่ส์รอบชิงชนะเลิศกับวอร์ริเออร์ส แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด แต่ทีมได้เห็นการเติบโตของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เจย์สัน เททั่ม ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ระดับแนวหน้าของลีก เช่นเดียวกับ มาร์คัส สมาร์ท ซึ่งกลายเป็นการ์ดคนแรกที่คว้ารางวัลผู้เล่นป้องกันยอดเยี่ยมแห่งปีต่อจาก แกรี่ เพย์ตัน
บทสรุปในช่วงปิดฤดูกาล : แบรด สตีเวนส์ ซึ่งเคยทำหน้าที่เฮดโค้ชของทีม และ ผันตัวมารับงานประธานฝ่ายปฏิบัติการ ถือเป็นคนที่สมควรได้รับเครดิตอย่างมาก เขาเปลี่ยนเซลติกส์ให้กลายเป็นทีมชั้นนำของลีก ด้วยการดึง แอล ฮอร์ฟอร์ด กลับมาร่วมงานรอบสองที่บอสตัน และ เซ็นเตอร์วัย 36 ปี กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทีมพิชิต มิลวอกี้ บัคส์ ลงได้ในรอบชิงแชมป์สายตะวันออกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
นอกจากนั้นเขายังเป็นคนเลือก ไมค์ อูโดก้า ขึ้นมารับตำแหน่งโค้ชแทนเขา เช่นเดียวกับการนำ เดอร์ริค ไวท์ การ์ดสำรองชั้นเยี่ยมมาจาก ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส เมื่อมองภาพรวมแล้วจะเห็นว่าการทำงานในตำแหน่งใหม่ของ สตีเว่นส์ เพียง 1 ซีซั่น พิสูจน์ได้ถึงคำว่า “ทำน้อยให้ได้มาก” ว่าเป็นอย่างไร
ช่วงปิดฤดูกาลทีมยังได้ตัว มัลคอร์ม บรอกดอน การ์ดฝีมือดีมาเสริมกำลัง แต่พัฒนาการของทีมและข่าวดีต่าง ๆ กลับหยุดชะงัก เมื่อประเด็นของ อูโดก้า ดันแดงขึ้นมาและเป็นเรื่องราวใหญ่โต เช่นเดียวกับ การบาดเจ็บของ โรเบิร์ต วิลเลียมส์ ที่ 3 ซึ่งเชื่อว่าทีมคงหนักใจกับช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลแน่ ๆ
อย่างไรก็ตามโดยรวม เซลติกส์ ยังเป็นทีมชั้นหัวแถวของสายตะวันออก โดยพวกเขาจะไปถึงรอบชิงได้อีกครั้งด้วยปัจจัยเหล่านี้
ปัญหาผู้เล่นวงในช่วงที่ไร้ วิลเลี่ยมส์ที่ 3
พวกเขาเซ็นสัญญา กับ เบล็ค กริฟฟิน อดีตฟอร์เวิร์ดระดับออลสตาร์มาร่วมทีม เพื่อหวังจะให้เจ้าตัวใช้ประสบการณ์และความแข็งแกร่งในเกมรับช่วยอุดช่องโหว่ของการเสียวิลเลียมส์ที่ 3 ให้ได้มากที่สุด และ ถ้าหาก กริฟฟิน พิสูจน์ตัวเองว่ายังมีน้ำยาพอ นี่อาจกลายเป็นการเซ็นที่เกิดประโยชน์ระยะยาวไปจนถึงรอบเพลย์ออฟหรือการลุ้นแชมป์ของพวกเขาเลยก็ได้
ฮอร์ฟอร์ด อายุ 36 ปี แล้ว ดังนั้นเขาคงเล่นเกมหนัก ๆ หรือ ใช้เวลาในสนามได้ไม่นานนัก ยิ่งช่วงที่ขาด วิลเลี่ยมส์ที่ 3 งานวงในคงไปโหลดที่เขาเต็มไปหมด ดังนั้นถ้า เบล็ค หรือ คนอื่นในทีมสามารถยกระดับตัวเองให้เป็นทางเลือกตำแหน่ง 4 หรือ 5 ของเซลติกส์ได้ พวกเขาจะหมดกังวลในกรณีที่ในอนาคต ตัวหลักวงในของพวกเขาดันมีปัญหาลงสนามไม่ได้อีกครั้ง
ส่วน วิลเลียมส์ ที่ 3 ก็เป็นผู้เล่นที่ประวัติอาการบาดเจ็บที่น่ากังวล เขาเพิ่งจะอายุ 24 แต่บาดเจ็บมาในทุกซีซั่น จุดเด่นในเกมรับของเขาเลยยังไม่พัฒนาถึงขีดสุด ทั้ง ๆ ที่เราเชื่อว่าเขาอยู่ในกลุ่มซึ่งสามารถลุ้นรางวัลผู้เล่นป้องกันยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย ดังนั้นต้องลุ้นกันว่าปีหน้าเขาจะกลับมาลงสนามให้ทีมได้มากแค่ไหน และ กลับมาแล้วจะยังมีผลงานที่ดีเหมือนเดิมหรือไม่
บรอกดอน เข้ามาสร้างเพิ่มมิติเกมบุก
เซลติกส์ อาจจะดูเป็นทีมที่เก่งเกมบุก ฤดูกาลที่แล้วพวกเขามีเรตติ้งอยู่ที่ 114.4 รั้งอันดับ 7 ของลีก อย่างไรก็ตามหลายสถานการณ์ที่เรามักเห็นว่า พวกเขามักเจอช่วงเวลาที่หาสกอร์ไม่เจอนาน ๆ เมื่อเจอเกมที่มีความกดดัน อย่างเช่น ช่วงควอเตอร์ที่ 4 ในเกม 4 รอบชิงฯกับ วอร์ริเออร์ส
หรือแม้กระทั่ง ตลอดช่วงเพลย์ออฟเราจะเห็นว่าเกมบุกส่วนใหญ่ไปโหลดอยู่ที่ เจสัน เททั่ม และ เจย์เลน บราวน์ เป็นหลัก ส่วนมาร์คัส สมาร์ท และ แอล ฮอร์ฟอร์ด แม้จะเป็นมือ 3-4 เรื่องการทำสกอร์ที่ดี แต่พวกเขาสร้างจังหวะการชู้ตด้วยตัวเองไม่เก่งเท่าไหร่นัก
การเข้ามาของ บรอกดอน จะช่วยเพิ่มทางเลือกของผู้เล่นที่สามารถหาจังหวะชู้ตด้วยตัวเองได้เก่ง ในเกมที่บี้กันสุด ๆ ผู้เล่นลักษณะนี้สามารถโดดเด่นได้โดยไม่ต้องอาศัยโมเมตั้ม หรือ แผนการเล่นเข้ามาช่วยสนับสนุนมากนัก
แม้ บรอกดอน จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อย และระยะหลังผลงานก็ไม่ได้ดีมากแต่เชื่อว่าการที่เจ้าตัวได้โอกาสมาอยู่กับทีมที่ระบบดีและมีลุ้นไปถึงแชมป์จะทำให้เขาสามารถรีดฟอร์มเก่งกลับมาได้
โจ มาซซูลลา จะเอาทีมอยู่หรือไม่
การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของทีมเกี่ยวกับตัวผู้เล่นอาจไม่สำคัญเท่ากับ การเปลี่ยนแค่ 1 แต่เป็นในตำแหน่งโค้ช เพราะ โจ มาซซูลลา ยังดูเป็นมือใหม่มากสำหรับการแข่งขันระดับลีกเอ็นบีเอ
ยังโชคดีที่โครงสร้างทีมปรับเปลี่ยนไม่เยอะ ตัวหลักคือผู้เล่นหน้าเดิม ดังนั้นเขาสามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้จากอูโดก้ามาสานต่อแล้วปรับนิดปรับหน่อย เพื่อเปลี่ยนทิศทางให้ทีมมีวิธีเล่นใบรูปแบบที่หลากหลายขึ้น และ แบรด สตีเว่นส์ ซึ่งมีทักษะโค้ชเก่าก็คงคอยให้คำปรึกษาอยู่ข้าง ๆ ได้
แต่การแก้เกมซึ่งเป็นสถานการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นระหว่างแข่งต่างหากคือเรื่องท้าทายของ มาซซูลล่า เขาจะไวและเด็ดขาดพอในการตัดสินใจทำสิ่งสำคัญหรือไม่ เขากล้าสั่งสตาร์ของทีมหรือเปล่า และ เขานิ่งพอที่จะนำทีมในช่วงวิกฤต เช่น ตามหลังเยอะ หรือ ผู้เล่นฟอร์มออกทะเล ได้มากแค่ไหน
เกี่ยวกับเฮดโค้ชรายนี้ มีเรื่องที่ต้องรอคำตอบหลังจากลีกเปิดฤดูกาลแล้วเท่านั้น
บทสรุปของ เซลติกส์
เป้าหมายคงหนีไม่พ้นการคว้าแชมป์สมัยที่ 18 ของทีม และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มากของผู้เล่นทำให้ทีมเดินหน้าต่อจากฤดูกาลได้อย่างเต็มตัว ติดเพียงอย่างเดียวคือตำแหน่งหัวเรือสำคัญดันไม่ใช่คนเดิม
อย่างไรก็ตาม อูโดก้า ก็สร้างประวัติศาสตร์คุมทีมปีแรกเข้าชิงมาแล้ว ถ้าทีมจะแข็งแกร่งและเจ๋งพอจริง ๆ พวกเขาน่าจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ไม่แน่ มาซซูลลา อาจกลายเป็นเฮดโค้ชขัดตาทัพที่ก้าวขึ้นมาทำงานเต็มตัวปีแรก ก็คว้าแชมป์ได้เลย