นิวยอร์ก นิกส์ กลายเป็นทีมที่ผลงานแย่ลงเมื่อเราเทียบจากการที่พวกเขาไม่ผ่านการเข้ารอบเพลย์ออฟ หรือแม้แต่เพลย์อินในซีซั่นที่ผ่านมา สถิติพวกเขาหล่นลงมาเหลือ ชนะ 37 แพ้ 45 (อัตราชนะ 45.1%) ตกลงมาปี 2020-2021 ที่อุตส่าห์จบฤดูกาลปกติด้วยอันดับ 4 สถิติชนะ 41 แพ้ 31 (อัตราชนะ 56.9%)
ซึ่งเอาเข้าจริงโครงสร้างหลักของทีมแทบไม่เปลี่ยนเลย ผู้เล่นแกนหลักก็คนเดิมๆ โค้ชก็หน้าเดิม แต่ถ้าจะมองเป็นรายบุคคลก็คงมี จูเลียส แรนเดิ้ล ที่อาจจะฟอร์มดร็อปลงไปหลังจากที่คว้ารางวัลผู้เล่นพัฒนายอดเยี่ยมและติดออลสตาร์มาเมื่อปี 2021 ซึ่งก็กระทบกับประสิทธิภาพทั้งเกมรับและรุกของทีมพอสมควร
อย่างไรก็ตามในกีฬาประเภททีมเราอาจจะต้องมองภาพรวมกว่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับนิกส์กันแน่
ส่วนช่วงปิดฤดูกาล สิ่งที่นิกส์ลงมือทำคือการต่อสัญญา 2 ผู้เล่นดาวรุ่งตัวหลักของทีม ทั้ง อาร์เจ บาร์เร็ตต์ และ มิทเชลล์ โรบินสัน พร้อมกับเซ็นสัญญากับ จาเลน บรันสัน การ์ดฟรีเอเย่นต์ที่เนื้อหอมสุดๆ แต่การจะเปลี่ยนให้นิกส์พัฒนาต่อไปข้าง ด้วยกลุ่มผู้เล่นที่จัดอยู่ในทีมดาวรุ่ง อาจจะต้องได้องค์ประกอบอื่นๆเข้ามาเสริมด้วย
สถิติเสมอต้นเสมอปลายที่อาจกลายเป็นปัญหา
จากที่เกริ่นไปว่าหลายสิ่งของนิกส์ คล้ายๆเดิม แม้กระทั่งสถิติของทีมในภาพรวมก็ใกล้เคียงกันมากระหว่างซีซั่น 2020-2021 ที่ได้เข้าเพลย์ออฟ กับ ปีล่าสุดที่ไม่ติดแม้แต่เพลย์อิน ยกตัวอย่างเช่น พวกเขามีเรตติ้งเกมบุกอยู่อันดับ 22 ในปี 2021 และอยู่อันดับ 23 ในปี 2022 ขณะที่ เรตติ้งเกมรับที่เคยอยู่กับ 3 ก็หล่นมา (ไม่ถึงกับเยอะมาก) อยู่อันดับ 11
ส่วนตัวเลขแบบค่าเฉลี่ยพวกเขาทำ 107 แต้มต่อเกมในปี 2021 และ 106.5 แต้มต่อเกมในปี 2022 ส่วนกลุ่มยิบย่อยเช่นพวก รีบาวด์, แอสซิสต์, เทิร์นโอเวอร์, บล็อค, สตีล หรือแม้แต่ ฟิลด์โกล จะแตกต่างกันไม่เกินบวก/ลบ 5 อันดับ
ดังนั้นสิ่งแรกที่มองแบบคาดการณ์ง่ายๆได้เลยว่า นิกส์ กลายเป็นทีมที่ถูกจับทางได้ และ ไม่มีพัฒนาการหรือจุดเปลี่ยนจากซีซั่นก่อนหน้านั้นมากนัก ทำให้ฤดูกาลที่จะมาถึงนี้พวกเขาจำเป็นต้องสร้างวิธีการเล่นหรือพัฒนาศักยภาพบนคอร์ทที่แตกต่างจากเดิม
3 คะแนนที่แม่นลดลง หรือ เพราะบ้ายิงมากเกินไป
ระยะ 3 คะแนนของพวกเขาคือส่วนที่ตกลงมาเยอะที่สุด โดยปีล่าสุดพวกเขายิงลงแค่ 35.7% อยู่อันดับ 13 ของลีก และเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนหน้าซึ่งยิงลง 39.2% แม่นสุดอันดับ 3 อาจจะส่งผลต่อฟอร์มและจำนวนเกมที่คว้าชัยชนะ แต่ถ้ามองแบบแฟร์ๆนั่นแปลว่าในปีที่อาวุธแบบหนึ่งแย่ลง พวกเขาไม่สามารถหาทางเลือกด้านอื่นมาชดเชย หรือเพิ่มเป็นทางเลือกได้เลย
ประกอบกับความพยายามชู้ตระยะดังกล่าวที่เพิ่มมากขึ้นโดยปีล่าสุดพวกเขาพยายามส่อง 3 คะแนนรวมกัน 36.9 ครั้งต่อเกม มากที่สุดเป็นอันดับ 10 เมื่อเทียบกับปีที่จบอันดับ 4 พวกเขาใช้โอกาสแค่ 30 ต่อเกม ซึ่งนอกจากจะบ่งบอกว่าพวกเขาพยายามหวังผลจากสิ่งที่อาจไม่ใช่เรื่องถนัดของพวกเขามากจนเกินไป และถ้ามองไปลึกว่านั้น ฟิลด์โกลระยะ 2 แต้มของพวกเขาซึ่งจมอยู่ลำดับท้ายๆมาตลอด 2 ปีหลัง แอบส่งสัญญาณทันทีว่า พวกเขาไม่คิดจะพัฒนาระยะ 2 คะแนนเลย และหวังพึ่งแต่การวัดกับระยะ 3 แต้มเท่านั้น แม้วิธีการนี้จะทำให้ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส ประสบความสำเร็จแต่กับนิกส์ที่การเล่นแบบออฟบอล การเคลื่อนที่และปริมาณการถ่ายบอลที่ต่ำกว่าวอริเออร์สมาก บางทีสิ่งที่เลือกทำอยู่อาจจะดันทุรังเกินไป
ซึ่งคุณเป็นโค้ชทีมตรงแล้วเห็นสถิติเหล่านี้ของนิกส์ ก็คงจะรู้สึกว่าวิธีการรับมือกับการบุกที่ดูแล้วมีมิติไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่นี้ได้ไม่ยากนัก
จาเลน บรันสัน ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ
บรันสันคือหนึ่งในการ์ดสไตล์ยุคเก่า เขาเก่งในการเล่นแบบกึ่งโพสต์ใส่แล้วชู้ต หรือ การเลี้ยงเลาะหาพื้นที่แล้วพูลอัพช้อต ประสิทธิภาพการเข้าทำในระยะ 2 คะแนนของเขาอยู่ระดับแนวหน้าของลีกด้วยซ้ำไป
ดังนั้น นิกส์ จะต้องใช้เขาให้ถูกวิธีและไม่เปลี่ยนบรันสันมากเกินจนเกินไป ไม่ว่าจะเพราะเพื่อนร่วมทีม โค้ช หรือ แผนการเล่นก็ตาม
นอกจากนั้นการที่ทีมมี อาร์เจ บาร์เร็ตต์ ซึ่งเป็นสไตล์ชิงเองกินเอง เช่นเดียวกับ จูเลียส แรนเดิ้ล ที่ฟอร์มยังผีเข้าผีออก ก็ต้องพยายามปรับตัวเล่นให้กับเข้ากับเพื่อนร่วมทีมที่มาใหม่รายนี้ พวกเขาอาจลดความเป็น Ball Stopper หรือเรียกง่ายๆคือพวกหวงบอลลงมาบ้าง และลองประสานงานกันในลักษณะออฟบอลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหาตำแหน่งที่ว่าง การสกรีน การวิ่งตัดเบสไลน์ ฯลฯ ด้วยข้อได้เปรียบจากอายุที่ยังน้อย เรี่ยวแรงและความสดของพวกเขาจะถูกใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้นตามจำนวนบอลมูฟเมนท์ที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บรันสัน คือผู้เล่นที่มีอัตราไดรฟ์แอนด์คิก อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเขาพร้อมที่จะใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งลุยเข้าหาห่วงแล้วดีดบอลออกมาให้เพื่อนร่วมทีม เพราะฉะนั้นเราควรจะได้เห็นภาพที่ผู้เล่นคนอื่นๆของนิกส์ ได้ตั้งป้อมส่องสามคะแนนด้วยจังหวะที่ลงตัวและมีเวลาปั้นก่อนขึ้นชู้ตมากขึ้น ปริมาณการชู้ตจะเพิ่มหรือลดก็คงแล้วแต่แนวทางการเล่น แต่ความแม่นยำของพวกเขาควรจะกลับไปแตะระดับ 38-39% ให้ได้ ไม่เช่นนั้นการคิกบอลออกนอกของ บรันสัน ก็คงจะเปล่าประโยชน์ถ้าทีมจบเพลย์ด้วยการชู้ตไม่ลงห่วง
แรนเดิ้ล และ บาร์เร็ตต์ ต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้
ลองนึกภาพ แรนเดิ้ล บาร์เร็ตต์ และ บรันสัน ในวันที่เล่นดีพร้อมกันก็คงจะเป็นบิ๊กทรีย่อมๆของลีกได้เลย
แต่ในวันที่ทีมออกอาการเป๋ ใครคนใดในนี้จะมีความนิ่งทางจิตใจมากพอที่จะสามารถดึงเพื่อนร่วมทีมให้กลับมาสู่เกมได้ ตามมุมมองของผมแล้วพวกเขายังไม่ใช่ผู้เล่นระดับนั้น เหมือนที่พวก คาไว เลียวนาร์ด, สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ หรือ เลบรอน เจมส์ พอจะแบกช่วงเวลาหนึ่งเพื่อรอให้ทีมตั้งลำกลับมา
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ แรนเดิ้ล และ บาร์เร็ตต์ ควรจะรักษาความสม่ำเสมอในการเล่นให้ได้มากที่สุด เพราะ บรันสัน มีข้อดีที่เด่นชัดในเรื่องนี้ ซึ่งอย่างน้อยๆถ้าสตาร์ในทีม 2 ใน 3 คนพอจะเล่นออกอยู่ ทีมก็ยังมีลุ้นกว่าการที่ไม่มีใครนิ่งพอ หรือการปล่อยให้แบกคนเดียวก็ดูเป็นเรื่องเกินตัวสำหรับผู้เล่นทั้ง 3 คนนี้อยู่ดี
ตัวประกอบอื่นๆ ต้องก้าวขึ้นมาสร้างผลงาน
นิกส์ มีตัวน่าสนใจอีก 2-3 คน ไม่ว่าจะเป็น มิตเชลล์ โรบินสัน ซึ่งปกติเด่นในเรื่องเกมรับ ทั้งการรีบาวด์และการป้องกันบริเวณปากห่วง แต่ถ้าเซ็นเตอร์วัย 24 ปีคนนี้ สามารถพัฒนาการเล่นพิกแอนด์โรลกับบรันสัน หรือแม้แต่การเสริมฟุตเวิร์คเพื่อการทำแต้มในพื้นที่วงในได้ ก็จะสามารถเสริมอาวุธสำคัญให้ทีมได้พอตัว
เช่นเดียวกับ ออบิ ทอปปิน และ เควนติน กริมส์ เริ่มเห็นแววการเป็นอะไหล่ที่พอวางใจได้ ส่วน แคม เรดดิช อาจต้องรอดูว่า ทอม ธิโบโด จะเพิ่มเวลาลงสนามให้หรือไม่ เพราะถือว่าเป็นดาวรุ่งที่มีของอยู่พอสมควร
ส่วนผู้เล่นเก๋าอย่าง อีแวน ฟอร์นิเยร์ และ เดริก โรส น่าจะต้องเป็นแบ็คอัพคอยสนับสนุนเด็กๆในทีมอีในฐานะที่เป็น 2 พี่ใหญ่สุดในทีม ซึ่ง ฟอร์นิเยร์ ยังมีดีในระยะการชู้ต 3 คะแนน โดยยิงลงไป 38.9% เมื่อซีซั่นที่แล้ว ส่วน โรส ในวัย 33 ปี คงจไม่ไหวเน้นหวือหวาแต่ผลงานระดับ 10 แต้ม จากม้านั่งสำรอง และช่วยประคองไลน์อัพที่สอง ยังพอเป็นเรื่องที่อดีตเอ็มวีพีรายนี้ ควรจะต้องทำให้ได้
บทสรุปเกี่ยวกับ นิวยอร์ก นิกส์
ถ้าจะเชียร์นิกส์เพื่อให้พวกเขาคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยแรกตั้งแต่ปี 1973 คงจะเป็นเรื่องที่ยากพอๆกับการเนรมิตให้กรุงโรมสร้างเสร็จในวันเดียว นิกส์ คือทีมที่ต้องรอทั้งการเติบโต ปรับจูน และ แต่งเติม แม้ในแต่ละด้านจะอย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ในเกมกีฬาประเภททีมที่แข่งขันกันยาวนาน 82 เกม ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
มีโอกาสที่นิกส์ อาจจะได้กลับเข้าเพลย์ออฟในซีซั่นหน้า ถ้าหาก 3 บิ๊กทรีพลังหนุ่มของพวกเขาหาทางจูนกันได้ไวมากพอ และต้องรอลุ้นด้วยว่าโค้ช ธิโบโด จะมีทีเด็ดอะไรในการใช่ผู้เล่นใหม่อย่าง บรันสัน ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะทั้งคู่ก็มีความเชี่ยวชาญในด้านบาสเกตบอลสไตล์รุ่นเก่าที่คล้ายๆกันอยู่