ภาพของ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมาอาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนบาสคุ้นตามากนัก พวกเขาไม่ได้เพลย์ออฟ และกลายเป็นทีมที่มีสถิติต่ำกว่า 50% มาตลอด ผู้เล่นที่พอจะมีแววและก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของทีมก็ทะยอยย้ายไปร่วมทีมอื่น เกืดอะไรขึ้นกับสเปอร์ส ที่ยังมีสุดยอดโค้ชผู้นี้อยู่ และ ฤดูกาล 2022-2023 ผลงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
ความยิ่งใหญ่ที่ถึงเวลาเริ่มต้นใหม่
ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ถือเป็นสุดยอดทีมในยุค 2000 ภายใต้การทำทีมของ เกร็ก โพโพวิช โค้ชมากฝีมือที่โดดเด่นทั้งเรื่องการสร้างระบบการเล่นที่เรียบง่าย ไหลลื่น และมีประสิทธิภาพ รวมถึการยกระดับผู้เล่นหลายคนที่ฝีมือดูธรรมดาแต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวระดับแนวหน้าของลีก และ อีกสิ่งที่ โค้ชพ็อพ ทำได้ดีเสมอคือความคงเส้นคงวา
นับตั้งแต่ปี 1997-1998 โพโพวิช สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟ 22 ฤดูกาลติกต่อกัน โดย 5 ในนั้นจบลงด้วยคว้าแชมป์ จากรายชื่อผู้เล่นดังๆที่เปลี่ยนมาตั้งแต่ เดวิด โรบินสัน, ทิม ดันแค่น, โทนี่ พาร์เกอร์, มานู จิโนบิลี่ และ คาไว เลียวนาร์ด (ดราฟท์โดย อินเดียนา เพเซอร์ส แล้วเทรดต่อให้สเปอร์สเลย) คือสตาร์ที่ผ่านการบ่มเพาะและเติบโตจนประสบความสำเร็จร่วมกับโค้ชรายนี้
รวมถึงรายล่าสุดอย่าง เดชอนเต้ เมอร์เรย์ ดราฟท์อันดับ 29 เมื่อปี 2016 ซึ่งโพโพวิช ค่อยๆสร้างเขาขึ้นมาจากผู้เล่นสถิติ 8 แต้มต่อเกม กลายเป็นคนที่มีค่าเฉลี่ยเกือบทริปเปิ้ลดับเบิ้ล พร้อมกับติดออลสตาร์ 2022 ก่อนจะถูกเทรดส่งไปให้กับ แอตแลนต้า ฮอว์กส์ เมื่อปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่จากผลงานคว้าน้ำเหลวตลอด 3 ซีซั่น ทำให้ทีมตัดสินใจเข้ากระบวนการรีบิ้ว ซึ่งเคสการเทรดเมอร์เรย์คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด พวกเขายอมเสียการ์ดที่จะเป็นแกนกลางในอนาคตของทีมได้ แลกกับ 3 สิทธิดราฟท์รอบแรก กับสิทธิสลับดราฟท์ 1 หน (ซึ่งถ้าเสี่ยงเอาเมอร์เรย์ไว้กับทีมต่อแล้วรอใกล้หมดสัญญาปีหน้าอาจจะได้น้อยกว่านี้) แต่อย่าลืมว่าสเปอร์สคือทีมที่ใช้โอกาสดราฟท์ได้คุ้มค่ามากที่สุดทีมนึงของลีก พวกเขาดราฟท์ตั้งตัวระดับท็อป กลาง หรือ ล่าง แล้วสามารถสร้างให้ผู้เล่นเหล่านั้นกลายเป็นผู้เล่นชั้นดีประดับวงการได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นระบบที่ชัดเจนคือเป้าหมายสำคัญและเป็นการบ้านของโพโพวิช ที่จะต้องสร้างทิศทางของทีมให้เป็นรูปเป็นร่าง ในขณะที่ทีมงานจะต้องเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะเดินเกมต่อไปอย่างไร ทั้งโอกาสการเทรดกลางฤดูกาลไปเลย (กรณีที่แจ็คพ็อตเจอเทรดคุ้มๆแล้วสอดคล้องกับสิ่งที่ทีมกำลังเดินหน้าอยู่) หรือ รอจนได้ใช่สิทธิดราฟท์เพื่อเลือกคนที่จะมาปลั๊กอินเข้ากับโครงสร้างให้ลงตัว
โจทย์ในซีซั่น 2022-2023
ถ้าหากทีมปรับตัวได้ไว บวกกับ โพโพวิช ยังคงสามารถร่ายมนตร์ความเป็นยอดโค้ชได้อยู่ แฟนสเปอร์สอาจจะไม่ต้องรอนานจนเกินไปสำหรับการได้เห็นทีมดังจากเท็กซัส กลับมาเป็นทีมระดับลุ้นเพลย์ออฟอีกครั้ง แต่การบ้านของโค้ชที่กำลังจะอายุครบ 74 ช่วงต้นปีหน้า ก็เยอะพอสมควรเลย
เคลดอน จอห์นสัน ต้องก้าวขึ้นเป็นทูเวย์ตัวหลักของทีม
อย่างแรกเขาต้องผลักดันให้ เคลดอน จอห์นสัน ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมให้ได้ หลังที่ฤดูกาลที่แล้วพัฒนาขึ้นมาได้ดีทีเดียว ทำเฉลี่ย 17 แต้ม 6.1 รีบาวด์ โดยชู้ต 3 คะแนนแม่นยำระดับ 39.8% โดยรับ 2 บทบาทในตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ด และ พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด ซึ่งการที่ทีมเซ็นสัญญาใหม่ 4 ปี 80 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,950 ล้านบาท) ถือเป็นการแสดงเจตจำนงวางตัวฟอร์เวิร์ดวัย 22 ปี คนนี้ ให้เป็น 1 ในแกนสำหรับการสร้างทีมใหม่
แต่สิ่งที่ จอห์นสัน ต้องเพิ่มคือประสิทธิภาพในเกมป้องกัน เขามีเรตติ้งเกมรับแค่ 111.0 อยู่อันดับ 98 จาก 152 คนในตำแหน่งฟอร์เวิร์ดที่ลงเล่นอย่างน้อย 50 เกม เพราะการเป็นแค่ผู้เล่นที่เก่งแต่เกมบุกอย่างเดียวคงไม่ใช่สิ่งที่ โพโพวิช ชอบเท่าไหร่นัก
จอห์นสัน เป็นมือปืนโดยธรรมชาติอยู่แล้วและแม่นมากจากมุมสนามทั้งสองข้าง ศักพภาพของเขาสามารถก้าวไปเป็นผู้เล่นแบบ เคลย์ ทอมป์สัน ของวอริเออร์ส หรือ แม้แต่ เจเลน บราวน์ ของบอสตัน เซลติกส์
แต่นอกเหนือจากเกมป้องกันที่ต้องยกระดับแล้ว การเลือกและสร้างจังหวะชู้ตที่ดีก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะอย่าลืมว่าปีหน้าเขาคือตัวหลักที่อาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามส่งตัวป้องกันเหนียวมาไล่ประกบ
สร้างคนสร้างงานของถนัดของโค้ชพ็อพ
อย่างที่บอกไปว่าจุดเด่นของ โพโพวิช คือการเปลี่ยนสตาร์ให้เป็นซูเปอร์สตาร์ รวมถึงการสร้างผลักดันตัวดาวรุ่งให้ดูเก๋าเกม หรือแม้กระทั่งทำให้ผู้เล่นดราฟท์อันดับกลางจนถึงล่างกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม
ทรัพยากรที่มีในมือช่วงฤดูกาลหน้าคงเป็นเรื่องท้าทายที่ซ่อนความสนุกเอาไว้สำหรับโพโพวิช ตัวเดิมๆที่มีทั้ง จาค็อบ โพเอลท์, เดวิน วาสเซลล์ และ แซค คอลลิน คือของดีที่พัฒนาได้อีกจากที่เป็น ส่วนกลุ่มผู้เล่นทั้ง จอช ริชาร์ดสัน, จอร์จี้ เดียง, เกอิต้า เบทส์ ดิย็อป, ดุ๊ก แมคเดอรม็อตต์ และ โรมิโอ แลงฟอร์ด สามารถเป็นแบ็คอัพที่ดีของทีมได้เช่นกัน
ความน่าจับตาสำหรับผู้เล่นเหล่านี้อาจไม่ใช่การกลายเป็น เดวอนเต้ เมอร์เรย์ คนต่อไป แต่พวกเขาอาจเป็น แดนนี่ กรีน, แพตตี้ มิลส์ หรือ บอริส เดียว ให้กับทีมชุดนี้หรือในอนาคตอีก 2-3 ปีได้เช่นกัน
ส่วนดราฟท์หน้าใหม่ที่เข้าทีม ทั้ง เจเรมี่ ซอคฮาน ดราฟต์อันดับ 9 จากเบย์เลอร์, มาลากิ เบรนแฮม ตัวเลือกอันดับ 20 จากโอไฮโอ, เบลค เวสลี่ย์ การ์ดอันดับ 25 และ เคเนดี้ แชนเลอร์ ดราฟท์รอบสองอันดับ 38 อาจจะได้เวลาลงสนามเพื่อแสดงศักยภาพ แต่ในความเป็นโค้ชพ็อพ เขาไม่ค่อยไว้วางใจเด็กรุกกี้มากนักแต่จะเน้นการผลักดันแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า
ซอคฮาน คืออนาคตที่น่าลุ้นโดดเด่นในยูโรบาสเกตรอบคัดเลือก รวมถึงเคยพาทีมชุดยู-16 ของโปแลนด์คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ ดิวิชั่น บี มาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวได้รางวัลเอ็มวีพีด้วย
แต่ถ้าดูตามเกียรติประวัติผู้เล่นที่อาจกลายเป็นม้ามืดคือ เวสลี่ย์ และ เชนเลอร์ ซึ่งเคยถูกประเมินเรตติ้งไว้เป็นผู้เล่น 5 ดาวด้วย เพราะโพโพวิช เก่งมากกับการปั่นดราฟท์ล่างและดราฟท์รอบสอง ให้กลายเป็นของดีสำหรับทีม
รูปแบบการเล่นและระบบ ของ สเปอร์สยุคใหม่
สเปอร์ส คือทีมที่ใช้ระบบสร้างผู้เล่น บางครั้งอาจขัดใจเหล่าซูเปอร์สตาร์ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวิธีการนี้ของทีมก็พิสูจน์ผลงานและความสำเร็จมาได้อย่างยาวนาน แต่ครั้งนี้เราอาจได้เห็นระบบที่แตกต่างออกไป
โพโพวิช คือโค้ชที่ยึดติดกับบาสที่มีระบบและระเบียบ แต่ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ เขาจะรังสรรค์ระบบการเล่นที่เหมาะกับผู้เล่นที่เขามีอยู่ในมือ และสำหรับการสร้างทีมระยะยาวครั้งนี้ น่าสนใจมากว่าโค้ชจอมเก๋าจะสร้างวิธีการเล่นแบบไหน เพื่อรื้อฟื่นความสำเร็จของสเปอร์สให้กลับมาเร็วที่สุด
สเปอร์สชุดนี้จะต่างจากในอดีตที่มีตัววงในเก่งๆเป็นแกน แต่พวกเขามีการ์ดฝีมือดีหลายคน รวมถึงกลุ่มดาวรุ่งซึ่งยังไม่ผ่านการขัดเกลา แต่ที่แน่ๆการถ่ายบอล และ เคลื่อนที่บนคอร์ทเยอะๆ คือสิ่งที่สเปอร์สทำมาตลอด แม้กระทั่งฤดุกาลที่แล้วซึ่งไม่เข้าเพลย์ออฟ พวกเขามีสถิติแอสซิสต์เฉลี่ย 27.9 ครั้งต่อเกม
มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก และการที่ทีมไม่มี เมอร์เรย์ ซึ่งเป็นตัวหลักในการกระจายบอล จะทำให้โอกาสที่เปลี่ยนผ่านมือผู้เล่นในทีมมากขึ้น ก็จะสูงตามไปด้วย … เราจะได้เห็นค่าแอสซิสต์ที่ดีเหมือนเดิมแต่ไม่ไปกระจุกอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งก็เท่านั้น
บทสรุปของซานอันโตนิโอ สเปอร์ส
ปีหน้าคงเป็นการรอดูและลุ้นว่าจะมีใครเฉิดฉายขึ้นมาได้ในทีมของโพโพวิช ส่วนการผ่านเข้าไปเล่นเพลย์ออฟอาจจะเป็นโบนัสสำหรับแฟนสเปอร์สมากกว่า
ฤดูกาลถัดไปคือการเจียระไน และ วางแผนล่วงหน้าสำหรับปี 2023 เพราะอย่าลืมว่าสิทธิดราฟท์ในมือที่มีกับผู้เล่นที่รออยู่อย่าง วิคเตอร์ เวมบันยาม่า น่าจะเป็นจุดกลับตัวและพลิกฟื้นของทีมๆนี้
อย่าลืมว่า โพโพวิช เก่งขนาดไหนกับการปั้นทีมที่เริ่มด้วยศูนย์กลางวจากผู้เล่นวงในดีๆสักคน