30 วัน 30 ทีม: คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มจะเขย่าวงการ

Nawapon Kiatpisan

30 วัน 30 ทีม: คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มจะเขย่าวงการ image

ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาถ้าจะมีสักทีมที่ขยับลงมือเทรดแล้วสร้างผลกระทบที่ดูทรงพลังได้มากที่สุด ก็คงเป็น คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส การเข้ามาของ “สไปด้า” น่าจะทำให้หลายฝ่ายรวมถึงแฟนของทีม คาดหวังโอกาสกลับไปเล่นเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017-2018 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของ เลบรอน เจมส์ ที่ผิดหวังจากการได้แค่รองแชมป์ แล้วย้ายไปเซ็นสัญญากับ ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส

ผ่านมา 4 ฤดูกาลหลังการสร้างทีมใหม่ คาวาเลียร์ส เติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากมีเปอร์เซ็นชนะแค่ 23.2% (ชนะ 19 แพ้ 63) ต่อด้วย 29.2% (ชนะ 19 แพ้ 46) และ 30.6% (ชนะ 22 แพ้ 50) ระหว่างซีซั่น 2018-2020 พวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นระดับเพลย์อินเมื่อซีซั่นที่แล้ว ชนะได้ถึง 53.7% (ชนะ 44 แพ้ 38 เกม) สาเหตุที่เราเน้นโชว์เป็นเปอร์เซ็นต์ เพราะ 2 ใน 4 ฤดูกาลปกติที่ผ่านมา แข่งกันไม่ถึง 82 เกม

ทั้งจากการที่พวกเขาเติบโตขึ้น และ การได้การ์ดออลสตาร์อย่าง มิตเชลล์ เข้ามาเสริมทีม คาวาเลียร์ส จะกลายเป็นทีมระดับลุ้นแชมป์ได้เลยหรือไม่ ?

Donovan Mitchell Cleveland Cavaliers
NBA Entertainment

เทรด มิตเชลล์ ยังไงก็คือความคุ้มค่า

แม้ว่าจะเสียสิทธิดราฟท์ไปเยอะ รวมถึง 2 ผู้เล่นหนุ่มอย่าง คอลิน เซ็กซ์สัน และ ลอรี่ มาร์คคาเน่น แต่การเทรดครั้งนี้จะทำให้ คาวาเลียร์ส ได้ผู้เล่นวัย 25 ที่พร้อมจะเป็นแกนหลักไปกับทีมอีกอย่างน้อยก็ 3 ปี (โดยฤดูกาล 2025-2026 มิตเชลล์ถือสิทธิ เพลเยอร์ออปชั่น) แล้วถ้ามองอย่างมีนัยยะนี่คือการสร้างทีมเพื่อการหลุดพ้นร่มเงาของ เลบรอน ที่ชัดเจนที่สุด

การเข้ามาของการ์ดออลสตาร์ 3 สมัย ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 26 ปี ถือเป็นช่วงน่ารักน่าลุ้นว่าเขาจะเจอช่วงพีคพอดีกับทีมใหม่หรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการจะได้ร่วมงานกับกลุ่มผู้เล่นพลังหนุ่มมากฝีมือทั้ง ดาริอุส การ์แลนด์ และ จาร์เร็ตต์ อัลเล่น ที่ต่างเพิ่งติดออลสตาร์สมัยแรกในซีซั่นที่แล้ว ส่วนอีกรายคือ  อีแวน โมบลีย์ ที่คว้าคะแนนโหวตอันดับ 2 ในสาขาผู้เล่นรุกกี้แห่งปี

สิ่งที่ มิตเชลล์ จะเข้ามาแก้ให้ทีมเลยคือปัญหาของเกมบุก เพราะซีซั่นที่แล้วคาวาเลียร์สมีเรตติ้งเกมบุกอยู่แค่อันดับ 20 สร้างฟิลด์โกลได้แค่อันดับ 21 และ ทำคะแนนเฉลี่ยเพียงอันดับ 25 ของลีก โดยภาพที่เห็นบ่อยๆคือ การ์แลนด์ คือผู้เล่นในทีมคนเดียวที่สามารถสรรค์โอกาสทำคะแนนได้ด้วยตัวเอง

การประสานงานระหว่าง มิตเชลล์ - การ์แลนด์ คือตัวแปรสำคัญ

มิตเชลล์ มีสกิลในการจ่ายบอลก็จริง แต่โดยธรรมชาติเขาเหมาะกับการเป็นตัวทำคะแนนไปเลยมากกว่า ดังนั้น การ์แลนด์ อาจจะต้องสนับสนุนเพื่อนใหม่คนนี้ด้วยการรันเกมให้ดี สร้างโอกาสเข้าทำสวยๆให้กับ มิตเชลล์ รวมถึงเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ

คุณสมบัติของการเป็นคอมโบการ์ดของทั้งคู่นับเป็นประโยชน์ของทีม เพียงแต่เมื่อพวกเขาลงสนามพร้อมกันอาจจะต้องมีใครคนใดคนนนึงยอมลดบทบาทลงมาบ้าง เพราะหลายครั้งที่เราได้เห็นชื่อคู่หูการ์ดเจ๋งๆลงเล่นร่วมกัน แต่พอไม่สามารถเอื้อเฟื้อกันได้ดี ก็กลายเป็นการลดประสิทธิภาพซึ่งกันและกันไปในทันที

แต่ถ้าหาก 2 คนนี้ไม่ได้หวงบอลมากเกินไปและสามารถมีระดับคะแนนเฉลี่ยรวมกันได้ 45-50 แต้มต่อเกม ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งลีกต้องจับตาพวกเขาเอาไว้ให้ดี โดยถ้าจะยกตัวอย่างของคู่การ์ดที่เล่นเข้ากันแล้วช่วยส่งเสริมกันและกันแบบเห็นภาพหน่อย คงเป็นการเล่นของ ชอนซี่ย์ บิลอัพส์ กับ ริชาร์ด แฮมิลตัน แต่เวอร์ชั่นของ มิตเชลล์ - การ์แลนด์ อาจรวดเร็วและทำคะแนนมากกว่า

เกมรับต้องดีเหมือนเดิม

ถ้าหากเกมบุกคือส่วนที่ต้องพัฒนา เกมรับคือสิ่งที่พวกเขาต้องรักษามาตรฐานไว้ให้ดี

กุญแจสำคัญที่ช่วยให้คาวาเลียร์ส มีสถิติชนะได้ถึง 44 เกม ในฤดูกาลที่แล้วอยู่ที่เกมป้องกัน พวกเขามีเรตติ้งเกมรับอยู่ที่ 108.9 สูงสุดอันดับ 5 ของลีก โดยมีแค่ทีมอย่าง โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส, บอสตัน เซลติกส์, ฟินิกส์ ซันส์ และ ไมอามี่ ฮีต ที่ทำเรื่องนี้ได้ดีกว่าพวกเขา

แม้ว่า มิตเชลล์ กับ การ์แลนด์ จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องเกมป้องกัน แต่การที่มี 2 ตัววงในทั้ง โมบลี่ย์ และ อัลเล่น คอยช่วยซ้อนและเก่งเรื่องสวิทช์ตัวป้องกัน น่าจะช่วยให้งานของ 2 การ์ดไม่ยากจนเกินไป

สู้กับความกดดัน

การ์แลนด์ จะอายุครบ 23 ปีเดือนมกราคม ส่วน โมบลี่ย์เพิ่งจะอายุครบ 21 ปี อัลเล่น อายุ 24 และ มิตเชลล์ อายุ 25 แล้วคาดว่าตัวสตาร์ทไลน์อัพอีกคนน่าจะเป็น ไอแซค ออโคโร่ ที่จะอายุครบ 22 ปี ช่วงต้นปี 2023 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าพวกเขาคือทีมหนุ่ม ที่มักจะมาพร้อมกับปัญหาคลาสสิคคือ ความไม่นิ่ง

ปีที่แล้วพวกเขาไม่ได้ถูกคาดหวังมากนักแต่กลับทำผลงานได้ดี แต่คราวนี้เพดานความคาดหวังคงจะสูงขึ้น ไหนจะการได้สตาร์ตัวทำแต้มระดับแนวหน้ามาเสริมทีม ไม่ว่าจะโชว์ผลงานในด้านบวกหรือด้านลบ สื่อก็คงพร้อมลงเรื่องราวพวกเขามากขึ้น เช่นเดียวกับแฟนๆที่พร้อมกระหน่ำใส่พวกเขาแน่หากเกิดสิ่งที่ไม่เป็นไปตามความหวังหรือผิดไปจากที่คิดว่าควรจะเป็น

แต่การสู้กับแรงกดดันและโชว์ความนิ่งก็ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของทีมที่จะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

เชื่อเลยว่า พวกเขาคงมีช่วงเป๋หรือแสดงให้เห็นถึงอาการไม่สม่ำเสมออยู่บ้าง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกขาใหญ่ในทีมทั้ง เควิน เลิฟ, ริกกี้ รูบิโอ, เซดิ ออสแมน, โรบิน โลเปซ หรือแม้กระทั่ง คาริส เลเวิร์ต ที่นอกจากจะต้องทำหน้าที่กำลังสำรองให้ดีเหมือนปีที่แล้ว ยังต้องโอบกอดสภาพจิตใจของผู้เล่นพลังหนุ่มอีกด้วย

บทสรุปเกี่ยวกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส

พวกเขาคือทีมที่ดีขึ้นแน่นอน แม้ว่าจะต้องลุ้นตัวแปรอื่นๆเช่นปัญหาอาการบาดเจ็บ หรือ การเทรดระหว่างซีซั่นที่พลิกโฉมหน้าทีม แต่ถ้ามองกันตามขุมกำลังที่มีและแนวโน้มจากสิ่งที่พวกเขาทำมาในฤดูกาลที่แล้ว ก็ถึงเวลาที่คาวาเลียร์สน่าจะสร้างความยิ่งใหญ่ภายใต้ทีมพลังหนุ่ม

อย่างน้อยพวกเขาควรจะติดเพลย์อินในอันดับที่ดีหน่อย หรือ ถ้ามองกันแบบแง่ดีสุดๆ พวกเขาก็พร้อมจะเข้าไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สาย ถ้าหากพัฒนาการที่สร้างมาไม่ได้มีส่วนที่หยุดชะงัก แต่อย่างน้อยอีก 3 ปี พวกเขาจะเป็นทีมที่โตขึ้น และน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover