ต้องยอมรับว่าบาสเกตบอลเอ็นบีเอยุคนี้ ผู้เล่นในตำแหน่งปีกตัวเล็กหรือ สมอลฟอร์เวิร์ด ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลมากขึ้นจริง ๆ ด้วยคุณสมบติของตำแหน่งนี้ ที่ส่วนใหญ่มักจะชู้ตวงนอกก็ได้หรือเข้าโจมตีหาห่วงก็ดี ทำให้การมีฟอร์เวิร์ดที่เก่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมที่ต้องการคว้าชัยชนะ
แต่ถ้าหากทีมสามารถมีผู้เล่นเก่ง ๆ ในตำแหน่งดังกล่าว มากกว่า 1 คน ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เหมือนกับ บอสตัน เซลติกส์ กำลังสร้าง เจย์สัน เททัม และ เจย์เลน บราวน์ มาเป็นคู่หูตำแหน่งปีกของทีม
อ่านเรื่อง ทำความเข้าใจ NBA Leauge Pass ช่องทางสำหรับรับชมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ คลิก
จากขัดแย้งสู่การร่วมมือ
แม้ในช่วแรก ๆ การประสานงานร่วมกันระหว่าง “Jays” (มาจาก เจย์สัน เททัม รวมกับ เจย์เลน บราวน์) จะดูน่าอึดอัดบ้าง เพราะวิธีการเล่นที่คล้านคลึงกัน ทำให้หลายหนเหมือนว่าพวกเขาทำหน้าที่เดียวกันในสนามและกลายเป็นว่าทำงานซ้ำซ้อนซึ่งเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของผู้เล่นอีกคน
แต่วันเวลาผ่านไป ภายใต้การเติบโตผสมกับการปรับตัวรวมถึงการพยายามเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน จากยาพิษในบางเกม ได้กลายเป็นยาเสริมกำลังให้ทีมที่เด่นขึ้นโดยเฉพาะการประสานงานจนพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศหนแรกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิต แบรด สตีเวนส์ อดีตเฮดโค้ชที่ปัจจุบันเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของทีมเซลติกส์ ที่กล้าเปลี่ยนแปลงทีมเมื่อฤดูกาล 2020-2021 โดยกล้าเสี่ยงในการโยนน้ำหนักของการสร้างสรรค์เกมบุก ไปให้กับ เททัม และ บราวน์ แบบเต็มตัว ซึ่งทำให้คู่หู Jays ได้ถือบอลมากขึ้น และพวกเขาได้เรียนรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งกันและกัน ทำให้ซีซั่นดังกล่าวคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับการที่พวกเขาตกรอบแรกเพลย์ออฟ เพราะ เสาหลัก 2 ต้นของทีม เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดทีเดียว
จากการเล่นที่ดูขัดกันเองเมื่อปี 2019 พวกเขาเริ่มเรียนกันในปี 2020-2021 และ ทุกอย่างลงตัวในปี 2022 ซึ่งส่งพวกเขาเข้าไปถึงรอบชิงหนแรกในรอบ 12 ปี และฤดูกาล 2022-23 ความร้อนแรงยังคงไม่ดับลง
อ่านเรื่อง สุดยอดคู่หูเกิดใหม่ที่น่าจับตามองใน NBA ฤดูกาล 2022/23
สตาร์ท 3 เกมแรกได้อย่างโดดเด่น
แม้มีความกังวลว่า การประสานงานระหว่าง เททัมและบราวน์ จะไปมีประสิทธิภาพจนถึงสิ้นสุดฤดูกาลหรือไม่ แต่ด้วยผลลัพธ์ที่ออกมาโดดเด่นเกินคาดทำให้เราไม่พลาดที่หยิบเรื่องนี้มาวิเคราะห์
ในประวัติศาสตร์ของทีมเซลติกส์ พวกเขาไม่เคยมีคู่หูที่สามารถชู้ตระดับ 50% และแม่นสามคะแนนเกิน 33% ที่สามารถทำได้มากกว่า 70 แต้ม ในช่วง 3 เกมแรกของฤดูกาล กระทั่ง “Jays” สามารถทำมันได้สำเร็จ หลังจากพวกเขาสกอร์รวมกัน 179 คะแนน ชู้ตแม่น 55.3% และ ระยะสามแต้ม 33.3% ตลอดกาลคว้าชัย 3 เกมแรกของซีซั่นนี้
สถิติดังกล่าวทำให้ทั้งคู่สามารถโชว์ผลงานช่วงเริ่มฤดูกาลได้เทียบกับเท่า ไอเซห์ โธมัส (2016-2017), เรย์ อัลเลน (2007-2008), วอลลี่ เซอร์บิแอค (2006-2007) และ ลาร์รี่ เบิร์ด (1987-1988 และ 1984-1985)
อย่างไรก็ตามสำหรับการมี 2 ผู้เล่นในทีมชุดเดียวกัน ที่ทำสถิติระดับดังกล่าวได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคู่หูแรกของทีมที่ทำสำเร็จ แต่สำหรับทั้งลีกยังมีหลายคู่ที่เกิดทำผลงานระเดียวกับพวกเขาได้
เบเดดิกท์ มาธูริน และ ไทรีส ฮาลิเบอร์ตัน (2022-23)
เควิน ดูแรนท์ และ ไครี่ เออร์วิ่ง (2020-21)
เจมส์ ฮาร์เด้น และ คริสเตียน วูด (2020-21)
แอนโธนี่ เดวิส และ นิโกลา มิโรติช (2018-19)
แอนดรูว์ วิกกินส์ และ แซค ลาวีน (2016-17)
สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ เคลย์ ธอมป์สัน (2013-14)
ราชาร์ด ลูวิส และ โรนัลด์ เมอร์เรย์ (2003-04)
เปรียบเทียบผลงาน 3 เกมแรกของสุดยอคู่หูในลีก NBA
ถ้าหากเจาละลึกลงไปถึงประสิทธิภาพในเกมบุก คู่เดียวที่เหนือกว่า เททัม และ บราวน์ คือ มาธูริน และ ฮาลิเบอร์ตัน ซึ่งมีสถิติการชู้ตที่แม่นยำกว่า แต่สุดท้ายอินเดียนา เพเซอร์ส ก็มีสถิติสตาร์ทแค่ ชนะ 1 แพ้ 2
แต่ถ้าหากเราลองเทียบผลงานกับคู่หูอื่น ๆ ที่เป็นชื่อระดับสตาร์ในลีกของฤดูกาลนี้ จะเห็นได้ว่า ไม่มีใครสู้ผลงานของ Jays ได้เลย สำหรับผลงานในช่วง 3 เกมแรก
เจย์สัน เททัม (104 แต้ม, ฟิลด์โกล 58.7% ) และ เจย์เลน บราวน์ (75 แต้ม, ฟิลด์โกล 51.7%)
เจมส์ ฮาร์เด้น (78 แต้ม, ฟิลด์โกล 46.4%) และ โจเอล เอมบีต (81 แต้ม, ฟิลด์โกล 45.3%)
เลบรอน เจมส์ (82 แต้ม, ฟิลด์โกล 47.7%) และ แอนโธนี่ เดวิส (74 แต้ม, ฟิลด์โกล 50.9%)
นิโกล่า โยคิช (72 แต้ม, ฟิลด์โกล 62.5%) และ ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ (54 แต้ม, ฟิลด์โกล 51.4%)
เควิน ดูแรนท์ (59 แต้ม, ฟิลด์โกล 48.7%) และ ไครี่ เออร์วิง (45 แต้ม, ฟิลด์โกล 39.5%)
สเตฟเฟน เคอร์รี่ (100 แต้ม, ฟิลด์โกล 47%) และ แอนดรูว์ วิกกินส์ (67 แต้ม, ฟิลด์โกล 52%)
จะเห็นได้ว่าคู่ที่สามารถทำถึงเกิน 70 แต้มด้วยกัน จะมีปัญหาในเรื่องฟิลด์โกลที่ไม่แม่นยำมากนัก ส่วนคู่ที่มีผู้เล่นชู้ตแม่นก็จะยังขาดความสม่ำเสมอในเรื่องการทำแต้ม
แม้ว่าสถิติดังกล่าวเป็นการรวบรวมในช่วง 3 เกมแรกซึ่งอาจจะดูน้อยไปเมื่อเทียบกับ 82 เกมตลอดฤดูกาล แต่ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความเติบโต แข็งแกร่ง และ น่าสนใจมากพอที่จะทำให้เราตามลุ้นกับผลงานคู่หูคู่ใหม่ที่อาจก้าวขึ้นมายึดครองความสำเร็จของลีกเอ็นบีเอในไม่ช้านี้