การห้ำหั่นการบนพื้นสนามปาร์เก้ของนักบาส NBA เป็นสิ่งที่หลายๆคนให้ความสนใจเพราะเราจะได้เห็นท่วงท่าอันสวยงาม ดราม่าท้ายเกมที่ทำให้เท้าจิกพื้นหรือสถิติของผู้เล่นที่เห็นแล้วต้องตาลุกวาวและเมื่อไหร่ก็ตามที่มีสองซุปเปอร์สตาร์จากสองฝากฟั่งมาปะทะกันความสนุกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว
แต่ไม่ใช่แค่ในสนามที่ผู้เล่นจะสามารถห้ำหั่นกันได้เพราะบางทีเกมจบแต่คนไม่จบก็ยังมีให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ถ้าจะหยิบยกตัวอย่างเร็วๆนี้ก็คือกระแสของรัสเซล เวสต์บรูคและแพททริค เบฟเวอลี่ที่ไม่ลงรอยกันทั้งในและนอกสนามแต่สุดท้ายเมื่อได้ย้ายมาร่วมชายคาเดียวกันก็กลับมาเคลียร์ใจกันได้
แต่ในเคสนี้ดูแล้วการจะกลับมาคืนดีกันนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนที่ยกตัวอย่างไปเพราะทั้งคู่ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อในยุคของตัวเองเช่นกันทั้งไอเซย์ โธมัสและไมเคิล จอร์แดนที่รบราฆ่าฟันกันอย่างดุเดือดทั้งในและนอกสนามจนมีดราม่ามากมายและแม้ว่าเวลาผ่านไปหลายปีทางไอเซย์ โธมัสก็ยังไม่สามารถจะมูฟออนจากช่วงเวลานั้นได้เลยแม้แต่น้อย
บางทีเวลาก็ไม่รักษาเยียวยาแผลทั้งหมดได้
ไอเซย์ โธมัสได้นำเรื่องราวความบาดหมางระหว่างตัวเขาและไมเคิล จอร์แดนมาสู่หน้าสื่ออีกคร้ั้งในการสัมภาษณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ที่การแข่งขัน NBA Abu Dhabi Games เพราะตัวของเขาเองยังคงคาใจในเรื่องที่เขาถูกวาดภาพไว้ยังไงในสารคดีชื่อดังของ ESPN ในปี 2020 อย่าง “The Last Dance”
“ตอนที่ผมได้ดู “The Last Dance” ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ผมนั่งดูกับครอบครัวและผมคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะดี” โธมัสเริ่มเล่า(via Eurohoops) “และต่อมาเขา(ไมเคิล จอร์แดน)ก็โผล่มาหน้าทีวีแล้วบอกว่าเขาเกลียดผมและเรียกผมว่าไอ้โง่เขลา หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจดูสารดีทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขา(ไมเคิล จอร์แดน)ที่กำลังทำตัวโง่เขลาอยู่”
“ผมรุ้สึกว่า ‘สักครู่นึงนะ ขอเวลานอก’ จนกว่าผมจะได้รับการขอโทษแบบสาธารณะ การบาดหมางนี้ก็จะมีต่อไปเรื่อยๆเป็นเวลานานแน่นอน เพราะว่าผมมาจากฝั่งตะวันตกของเมืองชิคาโก้”
ทั้งๆที่เวลาก็ผ่านไปนานหลายปีหลังจากที่เขาได้ฟาดฟันกับจอร์แดนบนพื้นปาร์เก้ แต่ทำไมความรู้สึกที่รุนแรงนี้ยังคงอยู่ในจิตใจของไอเซย์ โธมัส
ทำไมไอเซย์ โธมัสถึงต้องการคำขอโทษจาก ไมเคิล จอร์แดน ?
ก่อนที่ยุคทองของชิคาโก้ บูลส์ที่นำโดยไมเคิลจอร์แดนจะกำเนิดพวกเขาต้องเจอคนขวางทางอย่างมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นคือทีมดีทรอยต์ พิสตันส์ของไอเซย์ โธมัสที่ทีมของจอร์แดนต้องแพ้ในรอบเพลย์ออฟ 3 ครั้งติดตั้งแต่ปี 1988,1989 จนถึงปี 1990 ก่อนที่ทีมของเขาจะสามารถทะลุผ่านพิสตันส์ชุดนี้ไปได้ในรอบเพลย์ออฟชิงแชมป์สายตะวันออกในปี 1991
ในรอบนั้นทีมชิคาโก้ บูลส์กวาดชนะซีสีส์ใส่ทีมดีทรอยต์อย่างราบคาบ 4-0 เกมและปิดซีรีส์เกมสุดท้ายด้วยการทุบไป 115-94 ในขณะที่เกมเหลือ 7.9 วินาทีของช่วงเวลาปกติทางด้านผู้เล่นของพิสตันส์ก็เดินออกจากสนามผ่านหน้าม้านั่งสำรองของทีมบูลส์โดยไม่มีแม่แต่การจับมือกันด้วยซ้ำ
ซึ่งในตอนนั้นกล้องก็ยังเเพลนและฉายไปยังด้านไอเซ โธมัส, บิล แลมเบียร์ และมาร์ค แอคกวายเออร์ในขณะที่มุ่งหน้าเข้าสู่ห้องแต่งตัวนักกีฬาก่อนที่เสียงออดจะดังขึ้นซะอีก
After getting swept in the ECF, the Pistons refused to shake hands with the Bulls #TheLastDance pic.twitter.com/lR98JSa0nv
— SportsCenter (@SportsCenter) April 27, 2020
ในตอนที่โธมัสได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ “The Last Dance” ตัวของเขาได้แสดงความเสียใจและยอมรับว่าเขาควรจะเข้าไปแสดงความดีใจกับทีมชิคาโก้ บูลส์แต่ทว่าตัวของจอร์แดนก็ไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น
“อะไรก็ตามที่เขา(โธมัส)พูดออกมาในตอนนี้ ทุกคนก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆในตอนนั้นเลย” จอร์แดนกล่าว “คุณก็รู้ว่ามันมีเวลามากมายให้คิดถึงเรื่องนี้หรือจริงๆแล้วกระแสสังคมคือสิ่งที่เปลี่ยนมุมมองของเขา”
“คุณจะแสดงอะไรให้ผมเห็นก็ได้ แต่คุณไม่สามารถที่จะโน้มน้าวผมให้คิดว่าเขาไม่ใช่คนที่โง่เขลาได้หรอก”
การที่จอร์แดนได้อยู่ใน ‘ดรีมทีม’ 1992 ของทีมชาติสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำไมไอเซย์ โธมัสไม่ได้ติดไปด้วย ตัวของโธมัสได้เล่าในรายการ ESPN อย่าง “Get Up” ของ ไมค์ กรีนเบิร์กและ เจเลน โรส ว่า เขารู้สึกเจ็บปวดในการที่เขาไม่ได้อยู่ในชุด ‘ดรีมทีม’ ของสหรัฐอเมริกาและได้พูดคุยถึงผลกระทบจากการที่เขาเดินออกจากสนามโดยไม่ได้จับมือผู้เล่นของบูลส์ในตอนนั้น
“สิ่งเดียวที่ไม่มีในประวัติของผมนั้นคือการที่ไม่ได้อยู่ในชุด ‘ดรีมทีม’” โธมัสกล่าว “ในตอนที่ ‘ดรีมทีม’ ถูกสร้างขึ้นมาและผมไม่ได้ถูกเลือกเข้าไปในนั้นมันมีการโต้เถียงกันอย่างมากมายในเรื่องนี้และผมก็ไม่รู้ว่าใครหรืออะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ติดทีมชุดนั้น ผมรู้ว่าการจะติดทีมชุดนั้นมีเกณฑ์อะไรบ้างและผมมีครบพร้อมทุกอย่าง และนั้นคือหลุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติของผมเลย มันคือสิ่งๆเดียวที่ผมไม่สามารถได้มันมาอยู่ในประวัติของผม”
“ผมพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องและผมคิดว่าตัวผมก็ควรจะได้อยู่ในชุด ‘ดรีมทีม’ แต่ทว่าผมไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น มันทำร้ายผมและเมื่อผมได้ย้อนมองกลับไป ถ้าผมไม่ได้เป็นส่วนร่วมในชุด ‘ดรีมทีม’ เพราะแค่ผมหมดอารมณ์ที่จะไปจับมือใคร ถ้านั้นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ติดทีมชุดนั้นจริงๆผมก็คงจะรู้สึกผิดหวังในวันนี้มากกว่าที่ผมไม่ได้ถูกเลือกในวันนั้นด้วยซ้ำ”
นอกจากนั้นโธมัสยังได้ทิ้งไว้ว่าเขาไม่เคยได้ยินว่าไมเคิล จอร์แดนไม่อยากให้ตัวของเขาไปร่วมทีมแต่ทว่าการพูดคุยจากพอดแคสท์ของ แจค แมคคอลลัม ในหัวข้อเรื่อง “The Dream Team Tapes” ได้เปิดเผยบทสนทนาที่จอร์แดนได้ประกาศว่าเขาจะไม่เล่นกับโธมัส
และแน่นอนว่าจอร์แดนไม่ใช่คนเดียวที่มองไอเซ โธมัสในทางลบเพราะยังมีทั้ง สก๊อตตี้ พิพเพ่น, คาร์ล มาโลน และแมจิค จอห์นสันที่ในภายหลังเขาได้ยอมรับในหนังสือของเขา “When the Game Was Ours” ว่าเขาไม่เห็นด้วยที่ไอเซ โธมัสจะเข้ามาร่วม ‘ดรีมทีม’
ถ้าจะให้เราสรุปเรื่องนี้อย่างง่ายก็คงต้องบอกว่าตำนานทั้งสองคนนี้ยังคงมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันและคงจะไม่มีทางที่แผลนี้จะสมานได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก