บ่อยครั้งที่เราจะเห็นการหยิบยกสถิติใหม่ไปเทียบกับสถิติของวงการยัดห่วงในอดีต การทำแต้มสูงสุด การทำแต้มเฉลี่ย สถิติทริปเปิล-ดับเบิล หรือ ดับเบิล-ดับเบิล ฯลฯ การเปรียบเทียบเหล่านี้มักนำมาสู่การตั้งคำถามว่า เราควรเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันหรือไม่ อีกทั้งยังมีตัวแปรหรือปัจจัยอื่นอีกมากมายที่แตกต่างกันอีกด้วย ทั้งสไตล์การเล่น วิทยาศาสตร์การกีฬา ความเข้มข้นและแข็งแกร่งของลีกที่ต่างกัน
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย
แต่ … ก็ต้องยอมรับว่า เสน์ห์อย่างหนึ่งของการเปรียบเทียบคือทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต แฟนบาสหลายคนน่าจะเพิ่งรู้จักชื่อตำนานนักบาสมากมาย เพราะผู้เล่นยุคปัจจุบันที่ชอบหรือตามเชียร์อยู่ ดันถูกหยิบยกไปเปรียบเทียบ … และตอนนี้ถึงคราวของ โจเอล เอมบีต ที่ถูกหยิบยกไปเทียบกับสุดยอดเซ็นเตอร์ตำนานแห่งเอ็นบีเอ อย่าง วิลท์ แชมเบอเลน
ผลงานใน 2 คืนติด กับฟอร์มการเล่นที่หาดูได้ยาก
หลังจากออกสตาร์ทด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังไม่โดดเด่นมากนัก แต่พอเวลาผ่านไป เอมบีต ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าเขายังคงเป็นสุดยอดเซ็นเตอร์ของลีกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับช่วง 2 เกมติดต่อกัน ที่ทีมฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส เปิดบ้านพบกับ แอตแลนต้า ฮอว์กส์ และ ยูท่าห์ แจ๊ซ
เริ่มจากเกมกับ ฮอว์กส์ เอมบีตงัดฟอร์มเรียกน้ำย่อยด้วยการทำ 42 แต้ม 10 รีบาวด์ กับ 6 แอสซิสต์ และคืนต่อมาที่เขาต้องลงเล่นแบบแบคทูแบค (2 วันติดต่อกัน) ยังต่อยอดฟอร์มเทพด้วยการทำ 59 แต้ม 11 รีบาวด์ 8 แอสซิสต์ กับอีก 7 บล็อค
ครั้งหนึ่งในอดีต วิลท์ แชมเบอเลน สร้างสถิติที่ยากเกินทำลาย นั่นคือ 100 แต้มในเกมเดียว แต่การทำ 101 แต้มจากการเล่นแบคทูแบค ของเอมบีต ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ
โดยเฉพาะการทำได้ 7 บล็อค กับภาระหน้าที่ซึ่งไม่ได้ดูแลเกมป้องกันนั้นคือเรื่องเหนือบรรยาย แต่หากคุณไปเทียบกับยุคสมัยก่อน ซึ่งผู้เล่นร่างใหญ่สามารถแจกบล็อคได้เป็นว่าเล่น ความพิเศษในสิ่งที่ เอมบีต ทำอาจจะดูด้อยค่าเพราะคำลำเอียงไปสักเล็กน้อย … เพราะอย่างไรก็ตาม 50+ แต้ม 10+ รีบาวด์ 5+ แอสซิสต์ กับ 5+ บล็อค เป็นสถิติแม้แต่ ไมเคิล จอร์แดน หรือ เลบรอน เจมส์ ก็ยังไม่เคยทำด้วยซ้ำ
Since blocks became official in 1973-74, Joel Embiid is the first player in NBA History to record 50+ points, 10+ rebounds, 5+ assists, and 5+ blocks in a game. https://t.co/xtwTgbCmmC
— NBA History (@NBAHistory) November 14, 2022
อ่านเรื่อง เบื้องหลังของ วิลท์ แชมเบอร์เลน กับการทำ 100 แต้มในเกมเดียวที่คุณอาจไม่รู้
ศักยภาพที่ทำให้นึกถึงแชมเบอเลน
หากเรานับเฉพาะยุคที่มีการบันทึกสถิติทุกหมวดหมู่อย่างเป็นทางการ เอมบีต คือผู้เล่นคนแรกที่ทำระดับ
50+ แต้ม 10+ รีบาวด์ 5+ แอสซิสต์ กับ 5+ บล็อค ได้สำเร็จ และการทำ 101 แต้ม 21 รีบาวด์ 14 แอสซิสต์ ในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ยอดเยี่ยมมาก ๆ แฟนบาสไม่ได้เห็นตัวเลขมหัศจรรย์ระดับนี้มาเกินกว่า 50 ปี แล้ว
หากยึดตามข้อมูลของ Stathead สตาร์จากซิกเซอร์ส คือผู้เล่นคนแรกที่ทำอย่างน้อย 100 แต้ม และ 20 รีบาวด์ 2 วันติดต่อกัน นับตั้งแต่ แชมเบอเลน ทำเอาไว้หนสุดท้ายเมื่อปี 1967
และ เอมบีต คือผู้เล่นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ ที่ทำได้ อีกรายคือ เอลจิน เบย์เลอร์ ซึ่งเคยทำไป 3 หน ส่วน แชมเบอเลน คือผู้เล่นเหนือมนุษย์ เขาทำสถิตินี้ได้ถึง 35 ครั้งตลอดอาชีพ
หากเราตัดเงื่อนไขว่าต้องเป็นเกมที่ลงเล่นสองคืนติดต่อกันทิ้งออกไป เอมบีต คือเซ็นเตอร์คนที่ 5 ที่ทำสองเกมติดต่อกันรวมเกิน 100 คะแนน ก่อนหน้าเขามี เดมาร์คัส เคาซิ่นส์, เดวิด โรบินสัน, บ็อบ แมคเอดู และ วิลท์ แชมเบอเลน … ปู่วิลท์ ทำไปทั้งหมด 85 ครั้งในชีวิต
ในยุคที่แต้มอยู่กับการ์ดหรือผู้ถือบอล
เอมบีต พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขามาสักพักแล้ว การันตีโดยตำแหน่งแชมป์ทำคะแนนสูงสุดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และเป็นรองชระเลิศตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยม 2 ปีซ้อน แต่หนนี้เขาแสดงศักพภาพในระดับเดียวกับผู้เล่นตำนาน แม้ไม่มากกว่าหรือเทียบเท่า แต่มันก็อยู่ในระดับใกล้ ๆ กับที่ วิลท์ แชมเบอเลน เคยทำเอาไว้
สิ่งที่ต้องชื่นชมต่างหากคือ เขาเรียนรู้ที่จะปรับตัว ในยุคที่บิ๊กแมนฝีมือดีหลายคน ถูกกลืนหายไปกับยุคสมัยที่การ์ดหรือผู้เล่นวงนอกมักจะเป็นตัวทำคะแนนหลักของทีม แต่ เอมบีต ยังคงพัฒนาวิธีการเล่นและเพิ่มอาวุธ ทั้งการยิง 3 คะแนน หรือ ฟุตเวิร์ดในการชู้ตบอลระยะกลางเข้ามา ทำให้เขายังเป็นศูนย์กลางการทำแต้ม ทั้ง ๆ ที่ลงเล่นในตำแหน่งวงใน ภายใต้ยุคสมัยที่บอลไม่ได้ถูกป้อนเข้ามาถึงมือจากเพื่อนร่วมทีมมากนัก
อย่างที่ได้กล่าวไป การเปรียบเทียบอาจจะมีมุมที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าเราจะบอกว่าเขาคือเซ็นเตอร์ที่เก่งสุดในยุคนี้ ด้วยบทบาท หน้าที และ สิ่งที่ควรทำ รวมถึงการยึดมั่นจากข้อมูลมากกว่าใช้อารมณ์ตัดสิน ก็คงจะพอลดความตึงเครียดในการโต้แย้งได้ไม่มากก็น้อย
