แซ็ค อีเดย์ เซนเตอร์ดาวเด่นของ เพอร์ดิว คือผู้เล่นที่ดีที่สุดของบาสเกตบอลระดับมหาลัย และแน่นอนว่ามันไม่มีข้อถกเถียงสำหรับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ทางด้านของ อีเดย์ คือผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ติดอยู่ใน ออล-อเมริกัน ทีมแรก ของทั้ง The Sporting News และ Associated Press จากผลงานที่ตัวเขาพาทีม เพอร์ดิว เข้ารอบทัวร์นาเมนต์ NCAA เป็นอันดับ 1 ด้วยค่าเฉลี่ย 22.3 แต้ม, 12.8 รีบาวด์ และ 2.1 บล็อกต่อเกม
นอกจากนั้นตัวเขายังน่าจะได้รางวัล เนสมิท ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี ที่จะมีการให้รางวัลกันในช่วงการแข่งขัน ไฟนอล โฟร์ ของทัวร์นาเมนต์ NCAA อีกด้วย
แต่เรื่องที่น่าสนใจและถูกตั้งคำถามมันเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทั้งๆที่เขาคือหนึ่งในสุดยอดผู้เล่นของบาสเกตบอลระดับมหาลัย แต่ทำไมตัวของเขาถึงไม่ใช่ตัวเต็งที่จะถูกดราฟท์เข้า NBA ในรอบแรกของปี 2023 เพื่อไขข้อสงสัย ในบทความด้านล่างนี้เราจะไปหาคำตอบกัน
อ่านบทความ: เจาะลึกความโหด แบรนดอน มิลเลอร์ : ตัวเต็งอันดับ 3 ของดราฟท์ปี 2023
จุดเด่นของ แซ็ค อีเดย์
เขาคือยักษ์ใหญ่ในวงการบาสเกตบอลระดับมหาลัยหรืออาจจะนับรวม NBA เข้าไปได้เลยด้วยซ้ำเพราะเขามีความสูงถึง 7 ฟุต 4 พร้อมกับน้ำหนักที่ 295 ปอนด์ แถมยังมีความกว้างระหว่างปลายนิ้วทั้งสองข้างอยู่ที่ 7 ฟุต 7 เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราแทบจะเข้าใจได้ทันทีเลยเมื่อเห็นตัวเลขว่าเขาใหญ่และแข็งแกร่งมากแค่ไหน
เซนเตอร์ร่างใหญ่ปี 3 คนนี้คือปีศาจในเพนท์อย่างแท้จริง เขาจะใช้ความใหญ่ของเขาแย่งพื้นที่ตรงโลว์โพสต์ใช้ความได้เปรียบในการสร้างพื้นที่เพื่อให้เพื่อนส่งมาให้เขาง่ายที่สุด เขามีสัมผัสบอลที่ดีและเมื่อไหร่ที่เขาได้บอล อีกฝั่งจะไม่มีทางเลือกเลยนอกจากต้องส่งตัวประกบอีกคนมาเพื่อรุมปิดเขา
ถ้าหากเมื่อไหร่ที่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ใกล้ห่วงเกินไป ให้คุณเตรียมใจไว้ได้เลยว่าเขาจะจัด ดรอป สเต็ป และดังค์ใส่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน แต่ถ้าคู่แข่งยังพอดันกับเขาไม่ให้เข้าพื้นที่หวงห้าม (Restricted Area) ได้เขาก็ยังมีลูกไม้อย่างอื่นเพื่อทำแต้มอีกเช่นการใช่ท่าฮุคที่ยากจะปิดเหลือเกินเนื่องจากความสูงของเขา
และความเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณต้องเจอกับ อีเดย์ ก็คือถึงแม้เขาจะพลาดลูกแรกแต่เขาจะเก็บรีบาวด์เพื่อซ้ำดาบสองได้บ่อยๆเพราะฉะนั้นคู่แข่งจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากของทั้งทีมเพื่อเก็บรีบาวด์เกมรับให้ได้และไม่ให้ อีเดย์ ได้รีบาวด์เกมบุกไปครอบครอง
อีกจุดที่น่าสนใจคือเขาพัฒนาความเข้าใจเกมได้ดีมากขึ้นเมื่อตัวเขาต้องโดนดับเบิลทีมเพราะเขาจะใจเย็นและจับบอลไว้สูงๆ (เพราะยังไงใครก็แย่งไม่ได้) เพื่อหาเพื่อนที่ว่างแล้วค่อยส่งให้ได้ยิงลูกที่โล่งและดีที่สุด
ส่วนในเรื่องเกมรับ เขาคือคนที่ป้องกันห่วงได้ดีคนหนึ่งเลย เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอยู่ในพื้นที่ใต้แป้นตัวเขาจะมีความน่ากลัวอย่างแน่นอน
อ่านบทความ: 10 ผู้เล่นฝีมือดีใน มาร์ช แมดเนส : ใครคือตัวเต็งที่จะถูกดราฟท์เข้า NBA
จุดอ่อนของ แซ็ค อีเดย์
จุดแข็งที่สุดของเขาคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน เนื่องจากเขามีขนาดตัวที่ใหญ่ (มาก) การเคลื่อนไหวของเขาจึงช้าตามตัวไปด้วย ซึ่งความคล่องตัวนี้แหล่ะที่เป็นปัญหา และถ้าเขาอยากไปเก่งขึ้นอีกระดับเขาต้องพัฒนาเรื่องนี้ให้ได้ในอนาคต
แม้เขาจะเป็นคนที่ปกป้องใต้แป้นได้ดีก็ตาม แต่เขาช้าและไม่เร็วมากพอที่จะขยับด้านข้างเพื่อป้องกันนักกีฬาที่รวดเร็วและแข็งแกร่งใน NBA ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายที่อีกทีมจะโจมตีใส่อย่างแน่นอน แถมการเล่นเกมรับของเขายังไม่มีความอเนกประสงค์นั่นทำให้ทีมจะใช้งานเขายากไม่น้อยเมื่อต้องเจอเกมรุกหลากหลายรูปแบบใน NBA แม้แต่การเล่นดรอป (Drop Coverage) ที่ทีมน่าจะให้เขาเล่น หากต้องเจอคนที่ยิงแม่นจากการพูลอัป ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน
เรามาต่อกันที่เกมรุกที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งก็คือเขาเป็นเซนเตอร์หรือผู้เล่นตัวใหญ่ที่ยิงสามคะแนนไม่ได้ ตลอดระยะเวลาสามปีที่เขาเล่นในมหาลัย แซ็ค ไม่เคยยิงสามคะแนนแม้แต่ลูกเดียว และไม่ใช่แค่การยิงสามคะแนนเพราะเขามีลูกยิงนอกเพนท์หรือนอกโลว์โพสต์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นปัญหาเรื่องการสร้างพื้นที่ (Space) ให้กับเพื่อนโดยเฉพาะในยุคที่ NBA หันกันมายิงสามคะแนนมากขึ้นแบบนี้
ส่วนอีกหนึ่งจุดอ่อนของเขาคือการทำแต้มด้วยมือซ้ายที่ตัวของเขาอาจจะยังทำด้ไม่ดีมากนัก แต่ถ้าเขาพัฒนาตรงนี้ได้ก็จะมีความน่ากลัวมากขึ้นอย่างแน่นอนและในจุดแข็งที่เราพูดถึงเรื่องพัฒนาเรื่องเพลย์เมเกอร์ไปข้างต้น หากเรามาวัดกันจริงๆเขาควรจะมีค่าเฉลี่ยแอสซิสต์ (1.5 ครั้งต่อเกม) ที่ดีมากกว่านี้ได้เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่เขาโดนดับเบิลทีม
คาดการณ์อันดับการดราฟท์ของ แซ็ค อีเดย์
อันดับการดราฟท์ที่ถูกคาดการณ์: ดราฟท์รอบสอง
ถึงแม้ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนในระดับมหาลัยแต่ตัวของเขายังคงมีจุดอ่อนและการเล่นที่จำกัดจึงทำให้เขาอาจจะยังไม่ดีมากพอในการถูกดราฟท์ในรอบแรกซึ่งเขาน่าจะถูกใช้เป็นเซนเตอร์ตัวสำรองที่จะได้ลงในนาทีที่ไม่เยอะมากนัก
แต่ไม่ใช่ว่าตัวเขาจะไม่มีอนาคตใน NBA เพราะถ้าเขาพัฒนาการยิงหรือการเล่นเกมรับให้หลากหลายมากขึ้นได้ ตัวของเขาก็จะโดดเด่นมากขึ้นและนั่นจะทำให้นาทีการลงเล่นของเขามากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
อีกอย่างที่ลืมไม่ได้ก็คือเขาอาจจะไม่ได้เข้าร่วมการดราฟท์ในครั้งนี้เพราะเขายังมีเวลาอีกสองปี ซึ่งความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับไปเล่นให้ เพอร์ดิว ในปีหน้าก็ยังมีโอกาสเหมือนกัน
