ประเด็นข่าวฉาวของเอ็นบีเอในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น การถูกสั่งแบนจากลีก 1 ปี และปรับ 10 ล้านเหรียญ (ประมาณ 366 ล้านบาท) ของ โรเบิร์ท ซาร์เวอร์ เจ้าของทีมฟินิกส์ ซันส์ และ ฟินิกส์ เมอร์คิวรี่ หลังจากถูกตรวจสอบและพบว่าเขามีพฤติกรรมสร้างสภาพเเวดล้อมที่เป็นพิษในที่ทํางานเเละพูดจาหยาบคายทําให้ลีกเปิดการสืบสวนตั้งเเต่ปีก่อน
แม้ว่าบทลงโทษจะเหมือนหนักในแง่ของจำนวนเงินเพราะเป็นค่าปรับสูงสุดตามที่ลีกเอ็นบีเออนุญาต อย่างไรก็ตามมีหลายฝ่ายรู้สึกไม่พอใจกับบทลงโทษนี้ หนึ่งในนั้นคือ เลบรอน เจมส์ สตาร์คนดังจากลอส แองเจลลิส เลเกอร์ส ซึ่งโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า “ลีกของเราทำผิดพลาดแน่นอน”
“ผมเคยพูดแล้วก็จะพูดอีก ลีกนี้ไม่ควรเหลือพื้นที่ให้กับคนแบบนั้น ผมรักลีกนี้และเคารพควาเมป็นผู้นำของเราอย่างสุดซึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เพราะจริงๆเราไม่ควรเหลือที่ยืนให้กับคนที่เหยียดเพศ และ เหยียดเชื้อชาติในที่ทำงาน”
ขณะที่ คริส พอล การ์ดตัวเก๋าของทีม ซันส์ ก็ออกมาแสดงความเห็นเช่นกันว่า “ผมได้อ่านรายงานนี้ ก็รู้สึกทั้งตกใจและผิดหวัง ผมยอมรับไม่ได้ที่พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้หญิง และมันไม่ควรมีโอกาสเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง”
ถ้านับภาพรวมการลงโทษของ ซาร์เวอร์ เข้าข่ายเดี่ยวกับ โดนัลด์ สเตอร์ลิง อดีตเจ้าของทีมลองแองเจลลิส คลิปเปอร์ส ซึ่งถูกบังคับให้ทีมทันทีที่ตรวจสอบได้ว่าเขามีพฤติกรรมแบ่งแยกเชื้อชาติ โดยครั้งนั้นบันทึกและหลักฐานถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อปี 2014
จากแนวโน้มของ เจมส์ และ พอล รวมถึงการแสดงความคิดในชุมชนออนไลน์จากทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและเข้ามาแสดงความคิดเห็น ค่อนข้างจะระบุชัดเจนว่า พวกเขาไม่ต่องให้ ซาร์เวอร์ เหลือที่ยืนในลีกเอ็นบีเอ อีกต่อไป
อ่านรายงานฉบับเต็ม คลิกที่นี่