เพียงแค่ผลงานการโค้ชทีมปีแรกของ เบ็คกี้ แฮมมอน ก็ทำให้ลาส เวสัส เอซ พัฒนาขึ้นอีกระดับกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว (สถานการณ์ล่าสุด ขึ้นนำซีรี่ส์รอบชิง คอนเนคติกัต ซัน 2-1) สิ่งต่างๆที่เธอเข้ามาสร้างให้ทีมอาจมาจากรากฐานการได้เรียนรู้จากสุดยอดงานโค้ชของเอ็นบีเอ
หลังจากที่เธอใช้เวลาราว 8 ฤดูกาล ทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับ เกร็ก โพโพวิช ที่ทีมซานอันโตนิโอ สเปอร์ส พร้อมกับได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากยอดทีม ยอดโค้ช และยอดผู้เล่น เธอก็ได้ออกมาเป็นโค้ชเต็มตัวในลีก ดับเบิลยูเอ็นบีเอ
แฮมม่อน เปลี่ยนทีมที่เก่งอยู่แล้วให้กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม เอจาร์ วิลสัน ดราฟท์อันดับ 1 เมื่อปี 2018 พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วน เคลซี่ย์ พลัม เฉิดฉายจนกลายเป็นผู้เล่นระดับออลสตาร์ นี่เป็นเพียงสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่ยังไม่รวมรายละเอียดอื่นๆ ที่แฮมม่อน ก้าวเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง
ทำไม เบ็คกี้ แฮมม่อน ถึงลาออกจากซานอันโตนิโอ สเปอร์ส
ช่วงปีสุดท้ายในนักฐานะผู้เล่นทีม ซานอันโตนิโอ สตาร์ส ของเธอ ต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ และระหว่างนั้นเธอได้ใช้เวลาที่ไม่ได้ลงสนาม ไปเรียนรู้บทบาทข้างสนามกับทีมสเปอร์ส เพราะตัวของแฮมม่อน สนใจที่เรียนรู้การเป็นโค้ชเพื่อรองรับเส้นทางหลังอาชีพนักบาสเกตบอลของตัวเอง
หลังจากประกาศเลิกเล่นไม่นานนัก คุณสมบัติและความโดดเด่นที่เธอสร้างไว้และเข้าตา เกร็ก โพโพวิช อย่างมาก ทำให้เธอได้รับงานผู้ช่วยโค้ชจากซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ส่งผลให้ แฮมม่อน กลายเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับงานโค้ชแบบเต็มเวลากับทีมลีกบาสชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
จากความเป็นคนฉลาด หัวไว แถมมีประสบการณ์เป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าของลีกดับเบิลยูเอ็นบีเอ ทำให้เธอก้าวคนมาอยู่แสงสปอตไลท์จากทีมต่างๆอีกครั้ง แต่หนนี้เป็นในฐานะโค้ชไม่ใช่ผู้เล่น
นอกจากการได้โอกาสมากมายจากทีมสเปอร์ส ทั้งการได้เป็นผู้หญิงคนแรกที่คุมที่บาสชายอาชีพในการแข่งขันสัปดาห์ซัมเมอร์ลีก เธอยังได้รับบทบาทการทำหน้าที่โค้ชชั่วคราวแทน เกร็ก โพโพวิช ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2020 หลังจากที่ในเกมนั้น โพโพวิช ถูกไล่ออกระหว่างเกม ทำให่แฮมมอน กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้โชว์ฝีมือการคุมในเกมเรกูล่าร์ ซีซั่น มีจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่กลายเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของลีกนี้
แฮมม่อน มีผลงานที่เข้าตาอย่างมากจนกระทั่งหลายทีมมารุมจีบให้ไปร่วมงานกัน เธอได้โอกาสสัมภาษณ์งานกับอีกหลายทีมในลีกทั้ง มิลวอกี้ บัคส์, อินเดียนา เพเซอร์ส และ พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส แม้เธอจะไม่ได้รับเลือกแต่ก็เป็นการยกระดับความสามารถของผู้หญิงสู่เวทีการทำงานโค้ชระดับมืออาชีพของตัวเธอเองว่ามาได้ไกลเหลือเกิน
กระทั่งธันวาคม 2021 ทีมลาส เวกัส เอซ ในศึกดับเบิลยูเอ็นบีเอ ก็มาเสนองานเฮดโค้ชให้กับแฮมม่อน โดย มาร์ค เดวิส เจ้าของทีม เอซ ที่บอกว่า เขาพร้อมทุ่มเงินหลัก 1 ล้านเหรียญ (36.4 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าจ้างระดับประวัติศาสตร์ของลีกหญิงในสหรัฐฯ ให้กับ แฮมม่อน ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็ตกลงรับงาน เพราะนอกจากค่าจ้างที่สมเหตุสมผลกับฝีมือของเธอแล้ว เธอยังได้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นกับบทบาทเฮดโค้ช ที่จะได้สร้างทีมของตัวเองขึ้นมา และ ความท้าทายกับสิ่งใหม่ๆ คือสิ่งเจ้าตัวต้องการอยู่เสมอ
ผลงานสมัยเป็นผู้เล่นของแฮมม่อน โดดเด่นไม่แพ้บทบาทโค้ช
แฮมม่อน เริ่มต้นจากการเป็นผู้เล่นอันดราฟท์ เมื่อปี 1999 เธอไม่ได้ถูกเลือกจากทีมใด แต่ก็ได้รับการเสนอสัญญาให้เข้ามาร่วมงานกับ นิวยอร์ก ลิเบอร์ตี้ แม้ว่าฤดูกาลแรกเธอยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน อย่างไรก็ตามฤดูกาลต่อมา เธอก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมได้ กระทั่งฤดูกาลที่ 5 เธอได้ติดออลสตาร์เกมเป็นครั้งแรก และ เมื่อถึงซีซั่นที่ 6 เธอก็ได้รับการว่าจ้างด้วยสัญญาแบบเต็มเวลา
ตลอด 8 ปีที่ลงเล่นให้กับ ลิเบอร์ตี้ เธอทำคะแนนเฉลี่ย 10.4 แต้มต่อเกม ติดออลสตาร์ 3 ครั้ง และ ทีมยอดเยี่ยมชุดที่ 2 หนหนึ่ง กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงในฤดูกาล 2007 ซึ่งเธอถูกเทรดให้กับ ซานอันโตนิโอ สตาร์ส
ข่วงเวลาที่ดีที่สุดในฐานะผู้เล่นของเธอเกิดขึ้นกับ สตาร์ส 3 ซีซั่นแรกกับต้นสังกัดใหม่เธอทำเฉลี่ย 18.6 คะแนน กับอีก 5.0 แอสซิสต์ ต่อเกม และตลอด 8 ฤดูกาลกับทีมนี้ เธอทำเฉลี่ย 15.6 แต้ม โดยในช่วงเวลาที่ซานอันโตนิโอ เธอยังเพิ่มสถิติการติดออลสตาร์อีก 3 ครั้ง รวมติดทีมยอดเยี่ยมอีก 3 หน ก่อนจะตัดสินใจเลิกเล่นในปี 2014 และ 2 ปีต่อมา ทีมสตาร์ส ตัดสินใจรีไรท์เสื้อเบอร์ 25 เพื่อเป็นเกียรติให้กับเธอด้วย
ปี 2018 ทีมสตาร์ส เปลี่ยนชื่อเป็น ลาส เวกัส เอซ และ ปี 2021 เบ็คกี้ แฮมม่อน กลับมายังที่ๆเธอเคยสร้างความยิ่งใหญ่และเรื่องราวน่าประทับใจไว้มากมาย ต้องรอดูว่าหลังการเข้าชิงของซีซั่นนี้จบลง เธอจะทวีคูณเกียรติประวัติและความยิ่งใหญ่ของเธอกับทีมเอซ (สตาร์ส) ได้หรือไม่