เบื้องหลังที่ วิลท์ แชมเบอร์เลน ทำ 100 แต้มในเกมเดียวที่คุณอาจไม่รู้

Jordan Greer

เบื้องหลังที่ วิลท์ แชมเบอร์เลน ทำ 100 แต้มในเกมเดียวที่คุณอาจไม่รู้ image

บนสื่อโซเชียลมีเดีย เรามักจะเห็นการสร้างสถิติหรือการโชว์แต้มของผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีในแต่ละแมตช์ ไม่ว่าจะเป็นระดับ 20,30 หรือ 40 คะแนน โดยเฉพาะในการแข่งขันยุคใหม่ที่เน้นการชู้ตจากระยะ 3 คะแนน นั่นทำให้ผู้เล่นตำแหน่งการ์ด หรือ ผู้เล่นที่ได้ถือบอล มักจะได้เปรียบกว่าในเรื่องของการทำคะแนน 

อย่างไรก็ตามในอดีตเคยมีผู้เล่นคนหนึ่งที่ลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ และเขาสามารถทำคนเดียวได้ถึง 100 คะแนน ภายใน 1 เกม นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ เพราะหากใครที่ดูบาสเกตบอลเอ็นบีเอมาได้ระยะหนึ่ง จะจำได้เลยว่าตัวเลขระดับ 100 คะแนน แทบจะเป็นค่าเฉลี่ยการทำแต้มของทีมบางทีมเลยทีเดียว และขนาด ไมเคิล จอร์แดน ที่ถูกยกให้เป็นนักบาสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เคยทำสถิติสูงสุดในชีวิตเอาไว้ที่ 69 คะแนน ในเกมกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ปี 1990

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 1962 ในเกมที่ ฟิลาเดลเฟีย วอร์ริเออร์ส (โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ยุคปัจจุบัน) เอาชนะ นิวยอร์ก นิกส์ 169-147 คะแนน ซึ่งนับเป็นการทำลายสถิติเดิมของตัวเอง โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยทำ 78 คะแนน ในเกมที่พบกับ ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส เมื่อ 8 ธันวาคม 1961อย่างไรก็ตามการดวลกับเลเกอร์ส เขาได้เวลาลงเล่นถึง 63 นาที จากการที่เกมส์ต้องต่อเวลา 3 หน แต่สถิติ 100 แต้ม ที่ “เดอะ บิ๊ก ดิปเปอร์” ทำได้เกิดขึ้นในการลงเล่น 48 นาที เพียงเท่านั้น 

ความสุดยอดครั้งไหนก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ และภายใต้เหตุการณ์เหล่านี้อาจมีเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ซ่อนเอาไว้อยู่อีก วันนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และมาเรียนรู้เรื่องราวของชายผู้ทำ 100 คะแนนคนนี้ว่าทำได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วมีเรื่องอะไรที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

100 แต้ม ที่ควรพ่วงด้วยทริปเปิ้ล-ดับเบิ้ล

ช่วงเวลากระหน่ำทำแต้มใส่ นิกส์ ในเกมดังกล่าวนั้น แชมเบอร์เลน ชู้ตลงห่วง 36 จาก 63 ครั้ง (เท่ากับ 57.1%) ชู้ตลูกโทษลงอีก 28 จาก 32 หน (87.5%) ซึ่งเป็นเรื่องแปลกเพราะปกติแล้วเจ้าตัวแม่นจากเส้นโทษตลอดอาชีพเพียงแค่ 51.1% แต่ค่ำคืนอันมหัศจรรย์ดังสวมวิญญาณจอมแม่นซะอย่างงั้น

อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า เหมือนทุกอย่างถูกเขียนบทมา เพราะถ้าหากเกมส์นัดดังกล่าวเจ้าตัวชู้ตลงโทษลงน้อยกว่านั้น ประวัติศาสตร์จะกลายเป็น 99 แต้ม ซึ่งอาจจะดูเป็นเลขที่สวยแต่คงไม่น่าประทับใจเท่ากับ 100 คะแนนพอดี

นอกเหนือจากเรื่องแต้ม แชมเบอร์เลน ยังกวาดไปอีก 25 รีบาวด์ และ จ่ายให้เพื่อน 2 แอสซิสต์ ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ เอ็นบีเอ ในยุคนั้นยังไม่มีการบันทึกสถิติการบล็อค จนกระทั่งเริ่มเมื่อซีซั่น 1973-1974 

ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง มีส่วนสูง 7 ฟุต 1 นิ้ว หรือ 216 เซนติเมตร บวกกับพลังกระโดดที่โหดเกินหุ่น ทำให้เชื่อว่าเขาน่าจะบล็อคคู่แข่งในคืนนั้นได้เกิน 10 ครั้ง และ ควรเป็นค่ำคืนที่จารึกเพิ่มเติมว่า เป็นการทำทริปเปิ้ลดับเบิ้ล ระดับ 100 คะแนน

การเจอกับนิกส์ ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ

นิกส์ จบฤดูกาลด้วยการเป็นบ๊วยของดิวิชั่นตะวันออก ผู้เล่นของพวกเขาไม่มีใครมากฝีมือพอจะต่อกับแชมเบอร์เลนได้เลย แถมเซนเตอร์ตัวจริงอย่าง ฟิล จอร์ดอน ก็ไม่สามารถลงเล่นให้ทีมนิกส์ได้ แม้ว่าท้ายที่สุด ดาร์แรลล์ อิมฮอฟฟ์ จะเปิดเผยกับลอสแองเจลลิสไทม์ว่า “จอร์ดอนมีอาการเมาค้าง”

ทีนี้ความซวยแต่ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์เลยมาตกกับ อิมฮอฟฟ์ ที่ต้องสตาร์ทตำแหน่งเซ็นเตอร์แทน แต่การรบบริเวณใต้แป้นกับปีศาจอย่างแชมเบอร์เลน ก็ทำให้ อิมฮอฟฟ์เจอปัญหาฟาวล์ตลอดทั้งเกมส์ (ซึ่งเจ้าตัวฟาวล์เอ้าท์ หลังอยู่ในสนามทั้งหมด 20 นาที) จึงกลายเป็น คลีฟแลนด์ บัคเนอร์ รุกกี้เจ้าของความสูง 6 ฟุต 9 นิ้ว (ประมาณ 205 เซนติเมตร) รับเหมาดูแลแชมเบอร์เลนเป็นส่วนใหญ่ของเกม

แม้ บัคเนอร์ จะลงเอยด้วยการทำ 33 คะแนน ซึ่งถือว่าดูดีทีเดียว แต่ดันมาเจอคืนอันโหดร้าย เพราะชายที่เขาตามประกบตลอดทั้งเกมกลับทำมากกว่าเขา 67 แต้ม

เหมือนว่าทีมรู้เห็นเป็นใจ ให้ 100 คะแนนนี้เกิดขึ้น

สมมติฐานนี้เกิดจากการที่ แชมเบอร์เลน ทำได้ 41 คะแนนในช่วงครั้งแรก ซึ่งอาจจะยังไม่ใ่ช่เรื่องแปลกเพราะเขามีค่าเฉลี่ยในฤดูกาลดังกล่าว 50.4 แต้มต่อเกมส์ ดังนั้นการทำได้เกินครั้งตั้งแต่ครั้งแรก อาจจะเป็นค่ำคืนที่เครื่องร้อนอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการลงมากดเพิ่มอีก 59 แต้มในช่วงครึ่งหลัง อาจเป็นเพราะการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม ขณะที่แฟนๆก็ตะโกนหลังจบควอเตอร์ที่ 3 คอยกดดันให้ทุกการเล่นของเกมบุก ลูกบอลจะต้องไปถึงมือของ วิลท์ ให้ได้

จังหวะหนึ่ง แชมเบอร์เลน ได้รับบอลจาก โจ รุคลิก การ์ดสำรองของทีมที่ลงเล่นแค่ 8 นาที และจัดการทำ 2 คะแนนสุดท้ายก่อนหมดเวลา 46 วินาที เพื่อให้เกิดปรากฏการณ์ 100 คะแนนขึ้น

สถิติอันน่าสะพรึง พลาดลงเล่นทั้งปีแค่ 8 นาที

การทำ 100 คะแนนคือปรากฏการณ์ แต่ตลอดทั้งฤดูกาลแชมเบอร์เลนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพนักกีฬาระดับเกินมนุษย์ทั่วไป เขาทำเฉลี่ย 50.4 แต้ม รีบาวด์ 25.7 ครั้งต่อเกม ชู้ตลง 50.6% แม่นลูกโทษ 61.3% โดยเขามีค่าเฉลี่ยการพยายามชู้ตเกือบๆ 40 ครั้ง และ โอกาสชู้ตลูกโทษ 17 หนต่อเกม

ท้ายที่สุดที่น่าปะหลาดใจมากคือเวลาลงเล่น เพราะ เขามีค่าเฉลี่ยลงเล่นในฤดูกาล 1961-1962 อยู่ที่ 48.5 นาที … ยืนยันว่าอ่านไม่ผิด เพราะถึงแม้เอ็นบีเอจะแข่งเกมละ 48 นาที แต่ในฤดูกาลนั้น วอริเออร์ส แข่งต่อเวลาถึง 10 หน หรือเมื่อนับรวมเป็นนาทีคือ 3,890 นาที โดยแชมเบอร์เลนอยู่ในสนาม 3,882 นาที หรือง่ายๆก็คือ เล่นทั้งฤดูกาลโดยพักระหว่างเกมเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้น

 

ผลกระทบจาก 100 แต้ม

แม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวิลท์ แชมเบอร์เลน โดยตรงแต่เป็นอิทธิพลที่เขาสร้างไว้กับ ดาร์แรลล์ อิมฮอฟฟ์ 

ใช่แล้วพ่อหนุ่มที่เรากล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ว่าจำเป็นต้องสตาร์ทตัวจริงเพื่อมาเจอกับปีศาจ เพราะเซ็นเตอร์ตัวจริงของทีมดันเมาค้าง

อิมฮอฟฟ์ เล่าว่า “หลังจากที่ผมโดนฟาวล์หนที่ 3 ผมพูดกับกรรมการ วิลลี่ สมิธ ผมบอกเขาว่า ทำไมคุณไม่ให้เขา (แชมเบอร์เลน) 100 คะแนนไปเลยละ แล้วเราทุกคนก็กลับบ้าน” อย่างไรก็ตาม อิมฮอฟฟ์ คือชายที่มุ่งมั่นที่สุด และ แบกรับคำว่าการถูกทำใส่ 100 แต้มเอาไว้หนักที่สุดเช่นกัน

2 คืนต่อมา คราวนี้ วอริเออร์ส บุกมาเยือน “เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น” ของนิกส์บ้าง ปรากฏว่ารุกกี้หนุ่ม อิมฮอฟฟ์ ทำให้แชมเบอร์เลน เล่นได้ยากขึ้นและตลอดเกมทำไปได้ 58 คะแนน (ซึ่งเยอะอยู่ดี) แต่ความทุ่มเทและสู้ไม่ถอยของ อิมฮอฟฟ์ ทำให้แฟนๆในสนามต่างลุกขึ้นยืนและปรบมือให้เมื่อตอนที่เขาฟาวล์เอ้าท์

ไม่รู้อยากบ่ายเบี่ยงเหตุการณ์เกี่ยวกับตัวเองหรือไม่ แต่ อิมฮอฟฟ์ ซึ่งชื่นชมแชมเบอร์เลน เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เขาสุดยอด เขาแกร่งมาก แต่สิ่งยอดเยี่ยมที่สุดไม่ใช่การทำ 100 คะแนน แต่เป็น 55 รีบาวด์ ในการเผชิญหน้ากับ บิลล์ รัสเซลล์ มากกว่า”

ผู้เล่นที่เคยทำแต้มใกล้เคียง 100 มากที่สุด (ไม่รวมสถิติอื่นของแชมเบอร์เลน)

โคบี้ ไบรอันท์ (แอล.เอ. เลเกอร์ส) : 81 คะแนน พบกับ โตรอนโต แรปเตอร์ส 22/01/06

เดวิด ทอมสัน (เดนเวอร์ นักเก็ตส์): 73 คะแนน พบกับ ดีทรอยต์ พิสตันส์ 09/04/78

เดวิด โรบินสัน (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส): 71 คะแนน พบกับ แอล.เอ. คลิปเปอร์ส 24/04/94

เอลจิน เบย์เลอร์ (แอล.เอ. เลเกอร์ส): 71 คะแนน พบกับ นิวยอร์ก นิกส์ 15/11/60

เดวิน บุคเกอร์ (ฟินิกส์ ซันส์): 70 คะแนน พบกับ บอสตันเซลติก 24/03/17

ไมเคิล จอร์แดน (ชิคาร์โก้ บูลส์): 69 คะแนน พบกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส 28/03/90

พีท มาราวิช (นิวออร์ลีนส์ แจ๊ซ): 68 คะแนน พบกับ นิวยอร์ก นิกส์ 25/02/77

Jordan Greer

Jordan Greer Photo

Jordan Greer has been with The Sporting News since 2015. He previously worked for the Pittsburgh Post-Gazette. He is a graduate of Westminster College and Syracuse University.