เดิร์ก โนวิตสกี้ : จากเด็กเกมรับบ่อน้ำมันสู่สมบัติล้ำค่าของทีมดัลลัส แมฟเวอริกส์

Nawapon Kiatpisan

เดิร์ก โนวิตสกี้ : จากเด็กเกมรับบ่อน้ำมันสู่สมบัติล้ำค่าของทีมดัลลัส แมฟเวอริกส์ image

ถ้าพูดถึงนักบาสเกตบอลจากยุโรปที่เข้ามาสร้างความสำเร็จในลีกเอ็นบีเอนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ยังไงก็ต้องมีชื่อของ เดิร์ก โนวิตสกี้ ฟอร์เวิร์ดชาวเยอรมันที่ลงเล่นให้กับทีมดัลลัส แมฟเวอริกส์

เพราะไม่ใช่แค่การคว้าแชมป์ในปี 2011 ได้สำเร็จเท่านั้น แต่ เดิร์ก ยังเป็นหนึ่งในผู้จุดกระแสตำแหน่งบิ๊กแมนที่ชู้ตจากวงนอกได้แม่นยำ ลีลาการขึ้นชู้ตด้วยขาข้างเดียว รวมถึงการพิสูจน์ให้ทั่วโลกได้เห็นว่า นักบาสจากยุโรป มีดีพอที่จะเป็นผู้นำทีมระดับเอ็นบีเอได้


อ่านเรื่อง ทำความเข้าใจ NBA Leauge Pass ช่องทางสำหรับรับชมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ คลิก

Dirk Nowitzki NBA draft

“Irk Nowitzki” เพราะ D หายไป

ย้อนกลับไปปี 1998 มิลวอกี้ บัคส์ ประกาศเลือกตัวเด็กหนุ่มจากเยอรมันวัย 20 ปี เข้าสู่ลีกในอันดับที่ 9 

แต่ บัคส์ เทรดส่งเขาให้กับดัลลัส แมฟเวอริกส์ ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นทีมเดียวตลอดเส้นทางอาชีพ 21 ปี ของ โนวิตสกี้ แน่นอนว่าเขาปิดฉากชีวิตนักบาสในฐานะตำนานและสมบัติสุดล้ำค่าของทีมแมฟเวอริกส์

อย่างไรก็ตาม เดิร์ก เคยเกือบตัดสินใจหันหลังให้กับวงการเอ็นบีเอมาตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ลงเล่นแล้ว หลังจากที่เขาไม่สามารถโชว์ผลงานได้ดีเท่าที่ควรจนโดดแรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้าใส่ 

โนวิตสกี้ ซึ่งลงเล่นปีแรกกับลีกที่ออกสตาร์ทช้าเพราะปัญหาการล็อคเอ้าท์ ร่วมงานกับสุดยอดผู้เล่นมากมายทั้ง ไมเคิล ฟินลี่ย์, ชอว์น แบลดลี่ย์ และ เซนดริค เซบาลลอส รวมถึง สตีฟ แนช ที่ในเวลานั้นยังเป็นผู้เล่นประสบการณ์ 2 ปี ที่ยังไม่เฉิดฉายความเก่งมากนัก แต่ก็มีความสนิทสนมกับ เดิร์ก อย่างรวดเร็ว

ผลงานโดยรวมของทีมแย่มากชนะแค่ 19 และแพ้ 31 เกม ส่วน เดิร์ก โดยแซวตลอดทั้งซีซั่นว่าเป็นผู้เล่นที่ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ทีมเสียไป (เทรด โรเบิร์ท “แทร็คเตอร์” วิลเลี่ยมส์ ให้บัคส์) สถานการณ์อันหนักหน่วงทำให้เดิร์กเคยเล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า “ผมรู้สึกท้อแท้มาก จนอยากกลับไปที่เยอรมันด้วยซ้ำ” 

การตัดสินใจก้าวกระโดดจากลีกา 2 ของประเทศเยอรมันสู่ NBA ของเด็กหนุ่มวัย 20 ปี เหมือนเป็นการกระโดดออกจากเครื่องบินโดยไม่รู้วิธีกางร่มชูชีพ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “Irk Nowitzki” หรือ การแซวว่าเป็นผู้เล่นที่ไม่มี D หรือ Defense เพราะเขาป้องกันได้แย่มาก ๆ และทำผลงานเฉลี่ยเพียง 8.2 แต้ม กับ 3.4 รีบาวด์ จากการลงเล่น 20.4 นาทีต่อเกม

Dirk Nowitzki y Steve Nash

ก้าวกระโดดของผู้เล่น 7 ฟุต

หนึ่งฤดูกาลต่อมาจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม และ เดิร์ก ก็มาถึง เมื่อมหาเศรษฐีที่ชื่อ มาร์ค คิวบาน ประกาศซื้อทีมในราคา 280 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1.07 หมื่นล้านบาท) และใช้ความคลั่งรักในเกมบาสเกตบอล พลิกโฉมหน้าทุกอย่างในดัลลัสให้กลายเป็นทีมที่มีสภาพแวดล้อมยอดเยี่ยมที่สุด

ทีมงานหลังบ้าน และวัฒนธรรมองค์กรของแมฟเวอริกส์ถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่นเดียวกับผลงานของ เดิร์ก โนวิตสกี้

17.5 แต้ม, 6.5 รีบาวด์, 2.5 แอสซิสต์ และชู้ตระยะ 3 คะแนนลงห่วง 37.9% คือผลงานในฤดูกาลที่สองในลีกของฟอร์เวิร์ดออลสตาร์ 14 สมัย นอกจากตัวเลขที่เติบโตขึ้นราว ๆ 2 เท่าในทุกด้าน เขายังลงสนามด้วยความมั่นใจเสมอ และไม่มีการค่อนขอดจากใครอีกแล้วว่าเขาคือตัวเลือกที่ล้มเหลวของทีม

แม้ฤดูกาลดังกล่าวทีมจะพลาดเข้ารอบเพลย์ออฟไปแบบน่าเสียดายด้วยสถิติชนะ 40 แพ้ 42 เกม แต่มันคือฤดูกาลที่คุ้มค่าอย่างมาก ผู้เล่นหลายคนเติมโตและหนึ่งในนั้นคืออนาคตที่กลายเป็นตำนานของทีม

Dirk Nowitzki

เยอรมันอันตรายที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของทีม

เมื่อสะสมประสบการณ์เข้าสู่ปีที่ 3 ไม่มีนักบาสหนุ่มดาวรุ่งที่ชื่อ เดิร์ก โนวิตสกี้ อีกต่อไป เพราะที่ แมฟส์ ในช่วงเวลาต่อจากนั้น คุณจะเห็นก็เพียงแต่เจ้ายักษ์หัวทองที่พร้อมชู้ตใส่หน้าทุกคน และนับตั้งแต่ปี 2001-2012 แมฟเวอริกส์ ไม่เคยพลาดโอกาสร่วมแข่งชันในรอบเพลย์ออฟแม้แต่ปีเดียว

โนวิตสกี้ ยกระดับตัวเองขึ้นมาจนติดทีมออลสตาร์ ร่วมแข่งขันการชู้ต 3 แต้มซึ่งในเวลานั้นเขากลายเป็นผู้เล่นที่ตัวใหญ่ที่สุดที่ลงชิงชัยความแม่นนั้น รวมทั้งการก้าวขึ้นไปติดทีมยอดเยี่ยมชุด 1 ในฤดูกาล 2005 

ปี 2005-2006 บิ๊กทรีของทีมทั้ง ฟินลี่ย์ และ แนช กระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไปหมด แต่ โนวิตสกี้ ยังอยู่ปักหลักในทีมและสามารถพา แมฟส์ ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แม้ว่า เดิร์ก จะไม่สามารถคว้าแชมป์ในการเข้าชิงสมัยแรกของเขาได้ แต่อีก 5 ปีต่อมาเขาก็ฟอร์มทีมชุดที่แก่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกเอ็นบีเอ กลับไปล้างตาไมอามี่ ฮีต ในยุคบิ๊กทรี จนทำถ้วยแลรี่ โอไบรอันท์ มาประดับตู้โชว์ของแฟรนไชน์ได้สำเร็จ

ในรอบชิงชนะเลิศปี 2011 เดิร์ก คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแบบไม่ต้องสงสัยเขาแบกทีมและทำทุกอย่าง จัดการ 26 แต้ม 9.7 รีบาวด์ต่อเกม และยังเป็นผู้เล่นที่เกิดนอกแผ่นดินสหรัฐฯ คนที่ 3 เท่านั้น ที่สามารถคว้ารางวัลเอ็มวีพีรอบชิงชนะเลิศได้ ต่อจาก ฮาคีม โอลาจูวอน และ โทนี่ พาร์เกอร์

“เราเคยเข้าใกล้ตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2006 หลังจากวันนั้นเราก็สู้กันมาตลอดเพื่อกลับมาอีกครั้ง นี่คือเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตผม การได้อยู่กับทีมที่เก่งที่สุดในโลกคือสิ่งที่ผมไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้”

แม้เส้นทางหลังจากคว้าแชมป์จะเป็นช่วงขาลงของบิ๊กแมนชาวเยอรมัน ไม่ว่าจะด้วยอายุอานามและอาการบาดเจ็บที่เล่นงานเขา แต่โค้ชและผู้เล่นจำนวนมากมายในลีกต่างยกให้เขาเป็น 1 ในผู้เล่นนำเข้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอ็นบีเอ

JJ Barea Mark Cuban Dirk Nowitzki

มรดกที่คู่ควรแก่การจดจำตลอดไป

หลังจากหันหลังให้กับอาชีพนักบาสเกตบอลในปี 2019 คำสรรเสริญมากมายเกี่ยวกับเขาถูกพูดถึงผ่านสื่อ หรือ บทสัมภาษณ์มากมาย แต่ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับสิ่งที่แมฟเวอริกส์ แลเะ มาร์ค คิวบาน เจ้าของทีม ได้มอบให้กับเขาทั้งการประกาศรีไทร์เบอร์เสื้อ 41 ในสนามอเมริกัน แอร์ไลน์ อารีน่า และในเวลาต่อมายังได้รับการรีไทร์เบอร์เสื้อทีมชาติเยอรมันของเขาโดยสหพันธ์บาสเกตบอลแห่งเยอรมันอีกด้วย

ล่าสุด แมฟเวอริกส์ ประกาศว่าพวกเขาเตรียมเปิดตัวรูปปั้นของ เดิร์ก โนวิตสกี้ ที่หน้ารังเหย้าของพวกเขา ก่อนเกมวันคริสมาสต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งพวกเขาจะพบกับ ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส คู่รักคู่แค่นในสายตะวันตก สมัยที่ เดิร์ก ยังโลดแล่น และ เลบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์ที่เคยห้ำหั่นกับเขาในรอบชิง ปี 2011 น่าจะร่วมเป็นสักขีพยานในวันดังกล่าวนั้นด้วย

“เดิร์ก ได้ทำอะไรมากมายสำหรับเกมและเพื่อเมืองของเรา” มาร์ค คิวบาน เจ้าของแมฟส์กล่าวในการแถลงข่าวของทีม "และเพื่อแสดงความขอบคุณ เราต้องการทำให้แน่ใจว่ามรดกของเขาและกระโดดของเขาจะถูกจดจำตลอดไปในดัลลาส"


NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย

Nawapon Kiatpisan

Nawapon Kiatpisan Photo

NBA Lover