นักบาสระดับเอ็นบีเอหลายคนที่ถูกเลือกในอันดับสูงของการดราฟท์มักจะกลายเป็นผู้เล่นที่ทีมคาดหวังว่าจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือช่วยผลักดันให้ทีมก้าวไปข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม จะมีผู้เล่นส่วนหนึ่งที่ได้รับโอกาสแล้วกลับทำไม่สำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ เดนนิส สมิธ จูเนียร์ อดีตดราฟท์อันดับ 9 เมื่อปี 2017 ที่ถูกเลือกโดย ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ที่ต้องตระเวนในลีกมาแล้ว 4 ทีม ซึ่งล่าสุดเขาได้โอกาสในการเซ็นสัญญากับทีมระดับเอ็นบีเอเป็นครั้ง 5 ในรอบ 6 ปี
โอกาสย้อนกลับมาอีกครั้งที่ ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์
สมัยที่เขาลงเล่นให้กับ เอ็นซี สเตท ในระดับมหาวิทยาลัย สมิธ คือผู้เล่นระดับแนวหน้าเขาได้รับการประเมินว่าอยู่ในกลุ่มผู้เล่นระดับ 5 ดาว จากการทำเฉลี่ย 18.8 แต้ม กับอีก 6.2 แอสซิสต์ ในการแข่งขันเอ็นซีเอเอ ดิวิชั่น 1 เมื่อฤดูกาล 2016-2017
แต่เส้นทางในเอ็นบีเอของเขาไม่ค่อยราบลื่นนัก แม้ว่าในปีแรกจะได้ลงเล่นให้ แมฟส์ ถึง 69 เกม และทำเฉลี่ย 15.2 คะแนนต่อเกม ต่อสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเขาในการลงเล่นระดับลีกเอ็นบีเอ คือ การสร้างลูกชู้ตที่ดี และ ปล่อยบอลลงห่วงได้อย่างแม่นยำ
จากผู้เล่นที่คาดว่าจะกลายเป็นตัวพลิกฟื้นทีมๆนึงได้ เขาเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ย้ายไปอยู่กับนิวยอร์ก นิกส์
ตามด้วยดีทรอยท์ พิสตันส์ และฤดูกาลล่าสุดกับ พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ก็ยังไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย และมีช่วงที่เลวร้ายขนาดต้องลงไปเล่นระดับจีลีก กับทีม เวสเชสเตอร์ นิกส์ ซึ่งสะท้อนว่าความมั่นใจและคุณค่าในฐานะตัวทำคะแนนของเขาหล่นไปอยู่ระดับลีกรองแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมิธ เพิ่งจะอายุ 24 ปี เขายังมีเวลาปรับรูปแบบการเล่นของเขาให้เหมาะกับลีกเอ็นบีเอ และ ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ก็หยิบยื่นโอกาสให้กับเขาด้วยสัญญา 1 ปี (ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด) ที่นี่ เขาจะได้รับบทบาทเป็นแบ็คอัพให้กับ ลาเมโล่ บอลล์ ยอดการ์ดดาวรุ่งของทีม
ฮอร์เน็ตส์ อาจได้ของดีถ้าใช่งาน สมิธ ได้ถูกจุด
ก่อนหน้าจะเซ็นสัญญากับ สมิธ ทีมฮอร์เน็ตส์ ก็ต้องการเสริมผู้เล่นในตำแหน่งการ์ดอยู่แล้ว และปัญหาการชู้ต 3 คะแนนไม่น่าจะกระทบกับทีมมากนักเพราะฤดูกาลก่อน ฮอร์เน็ตส์คือทีมที่ยิงระยะนี้แม่นยำเป็นอันดับ 6 ของลีก (36.5%) โดยอดีตดราฟท์อันดับ 9 น่าจะเข้ามาเติมมิติในการลุยเข้าหาห่วง และ จังหวะการเล่นแบบโต้กลับเร็วของทีมได้ดี (ถ้าเขาไม่ขาดความมั่นใจ)
แม้ว่าทีมจะเลือกเขาเข้ามาเป็นแบ็คอัพให้กับบอล แต่เชื่อว่าคงมีบางช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้ลงสนามพร้อมกัน และเซ้นส์การจ่ายบอลของ ลาเมโล่ อาจช่วยเรียกความมั่นใจและโหมดจอมทำลายห่วงในวันวานของ สมิธ ให้กลับมาอีกครั้ง เพราะต้องไม่ลืมว่า สมิธ คือผู้เล่นที่สร้างสถิติกระโดดสูงที่สุดในเอ็นบีเอ อยู่ที่ 48 นิ้ว (เกือบๆ 122 เซนติเมตร) และเราอาจได้เห็นภาพการเล่นแอลี่ย์อู๊ปงามๆ จากการประสานงานของทั้ง 2 คนนี้ ทั้งในจังหวะโต้กลับและจังหวะวิ่งตัดเบสไลน์ด้านหลังของคู่แข่ง
นอกจากนั้น สมิธ ยังเป็นนักกีฬาที่มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง เขาสามารถช่วยอุดรอยรั่วเรื่องเกมป้องกันในตำแหน่งการ์ดของทีมได้ ถึงแม้เขาจะป้องกันไม่เก่งมากแต่โดดเด่นในด้านการเป็นตัววิ่งสู้ฟัด หรือการเอาความฟิตและความขยันเข้าสู้กับตัวรุกที่เขาต้องประกบ
สิ่งที่ สมิธ ต้องเปลี่ยน ถ้าอยากลงหลักปักฐาน
ถ้าเราจะนึกถึงวิธีการเล่นของ สมิธ คนที่ใกล้เคียงกับเขาที่สุดน่าจะเปลี่ยนรัสเซลล์ เวสต์บรูค ทั้งสองคนนี้มีศักยภาพร่างกายที่ดี เด่นในการลุยเข้าหาห่วงในจังหวะพื้นที่เปิดกว้าง แต่ก็มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการชู้ตวงนอก รวมถึงการหาจังหวะชู้ตที่เหมาะสมกับตัวเอง
สมิธ อาจจะต้องเพิ่งความสามารถในการชู้ตให้อยู่ในระดับที่พอยิงได้ถ้าหากเขามีพื้นที่ว่างมากๆ เพราะเชื่อว่าตัวป้องกันคงเลือกประกบเขาห่าง แต่อาจจะลดปริมาณการชู้ตลง หรือ เลือกชู้ตเฉพาะเมื่อว่างจริงๆ
นอกจากนั้นเขาจะต้องมีความยืดหยุ่น เช่น เมื่อลงสนามพร้อมกับผู้เล่นอย่าง ลาเมโล่ เขาอาจจะต้องวิ่งหาพื้นที่ว่าง หรือที่เรียกว่าออฟบอลให้มากขึ้น แต่ถ้าเขาลงมาพร้อมชุดผู้เล่นสำรองทั้งหมดเขาอาจจะสามารถผันตัวเองเป็นตัวลุยด้วยการถือบอลรันเกมบุกด้วยตัวเอง
สุดท้ายคือการโฟกัสที่เกมป้องกันมากขึ้น ด้วยสภาพร่างกายและแรงกระโดดที่เขามี เชื่อได้เลยว่าหากเขาพัฒนาความเข้าใจในเกมรับและมีสมาธิมากขึ้น เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นการ์ดที่มีเกมป้องกันยอดเยี่ยมคนหนึ่งของลีก และ สิ่งที่สำคัญที่สุดของสมิธคือ เขาต้องบริหารสภาพจิตใจให้แกร่งพอ เพราะปัญหาที่เล่นงานเขามาตลอดนับตั้งแต่เข้าลีก คือ การขาดความมั่นใจไปดื้อๆ ในช่วงเวลาสำคัญ