เจย์สัน เททัม กลายเป็นดาวดังอีกครั้ง หลังจากที่เขาทำ 55 แต้ม ในเกม NBA All-Star กลายเป็นผู้เล่นที่ทำแต้มสูงสุดตลอดกาลในเกมเดียว ระเบิดผลงานระดับ MVP อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ซุปเปอร์สตาร์ของเซลติกส์อย่าง เจย์สัน เททัมต้องพลาดจากถ้วยแชมป์ในปีที่แล้วอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขา และพลพรรคเซลติกส์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในปีนี้เขาถึงหิวกระหายในชัยชนะมากกว่าเดิม
“ผมไม่รู้สึกว่าอยากคุยกับใครเลย ผมไม่อยากถูกรบกวน มันยากที่จะอธิบายถ้าคุณไม่เคยได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแต่การแพ้ในรอบชิงมันเป็นอะไรที่น่าเวทนามากๆ” เททัมได้กล่าวไว้กับคริส แมนนิกซ์ ผู้สื่อข่าวจากสปอร์ต อิลลัสเทรดเต็ด
ถ้าจะให้พูดถึงระดับของทีม เททัมสามารถเข้าไปเล่นรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออกถึง 3 ครั้งจาก 5 ฤดูกาลและสุดท้ายก็สามารถทะลุเข้ารอบไฟนอลไปได้ในปีที่แล้ว และถ้าจะพูดถึงผลงานส่วนตัว เททัมติดออล สตาร์ไปแล้ว 3 ครั้งและติดทีมออล เอ็นบีเออีก 2 รอบด้วยกันแถมปีที่แล้วเขาเป็นตัวจริงในออล สตาร์และติดออล เอ็นบีเอทีมแรกได้อีกด้วย
การที่อายุเพียง 24 แต่มีประวัติยืดยาวขนาดนี้จึงเหลือเพียงไม่กี่อย่างที่จะทำให้ประวัติเขาสมบูรณ์ซึ่งก็คือการคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าและแชมป์เอ็นบีเอ
เซลติกส์เริ่มฤดูกาล 2022-23 ด้วยการเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์บวกกับแรงผลักดันจากการพ่ายแพ้ปีที่แล้วส่งผลให้ตอนนี้เททัมกำลังพัฒนาตัวเองและก้าวเข้าไปสู่ผู้เล่นระดับเอ็มวีพี
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย
เททัมพัฒนาไปเป็นผู้เล่นระดับ MVP ได้ยังไง
ใน 17 เกมแรกของฤดูกาล บอสตันคือทีมที่มีสถิติดีที่สุดในเอ็นบีเอ เททัมทำค่าเฉลี่ยระดับ 30.2 คะแนนต่อเกมและมี 62.2 ทรูชู้ตติ้งเปอร์เซนเทจซึ่งทั้งสองอย่างนี้คือค่าเฉลี่ยสูงสุดตลอดอาชีพของเขา
ในข่วงปิดฤดูกาลเททัมตั้งใจซ้อมอย่างหนักในเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายในขณะถือบอล, การจบสกอร์ใต้แป้นแม้จะมีการปะทะและการเรียกลูกโทษ ด้วยการที่พัฒนาเรื่องเหล่านี้ทำให้จุดอ่อนของเขาเปลี่ยนเป็นจุดแข็งและกลายเป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนได้ในระดับสูงของเอ็นบีเอ
เขามีค่าเฉลี่ยการทำแต้มในเพนท์สูงสุดตลอดอาชีพที่ 10.6 แต้มรวมถึงโอกาสการยิงลูกโทษที่ 8.5 ครั้ง ขณะเดียวกันเขาสามารถทำคะแนนโดยมีประสิทธิภาพสูงสุดของอาชีพในพื้นที่หวงห้ามอีกด้วย
พัฒนาการของการทำแต้มในเพนท์ของเจย์สัน เททัม
| ฤดูกาล | แต้มในเพนท์ | โอกาสยิงลูกโทษ | FG% ในเขตหวงห้าม | FG% ในเพนท์ |
| 2017-18 | 5.0 | 3.2 | 58.9 | 27.8 |
| 2018-19 | 6.3 | 2.9 | 63.1 | 37.8 |
| 2019-20 | 8.6 | 4.7 | 59.3 | 37.6 |
| 2020-21 | 9.9 | 5.3 | 68.1 | 38.8 |
| 2021-22 | 10.1 | 6.2 | 68.0 | 40.3 |
| 2022-23 | 10.6 | 8.5 | 75.0 | 40.4 |
ด้วยร่างกายที่สูง 6 ฟุต 10 (208ซม.) และ 210 ปอนด์ (95 กก.) ทำให้ร่างกายของเขาได้เปรียบมากๆในการข้ามเข้าหาห่วงแต่การพัฒนาในเรื่องนี้อาจไม่ค่อยเกี่ยวกับร่างกายแต่เป็นวิธีการเล่นซะมากกว่า ปีที่แล้วเขาข้ามโดยไม่มีการวางแผนและเล่นลูกยากบ่อยๆทั้งๆที่ไม่จำเป็นและบางทีก็เสียบอลด้วยซ้ำ
แต่ในปีนี้ไม่ใช่แบบนั้นเขานิ่งมากขึ้นตอนที่เขาเข้าหาห่วง เขารู้ว่าควรเล่นยังไง เร่งความเร็วตรงไหนและควบคุมร่างกายตัวเองได้ดีขึ้นด้วย
การเลี้ยงของเขาเร็วและแน่นขึ้นทำให้สามารถหลอกล่อคู่แข่งและสร้างพื้นที่ในการเข้าหาห่วงได้มากขึ้น
นอกจากนั้นเขายังได้เพิ่มอาวุธใหม่อย่างโฟลทเตอร์เข้ามาและดูเหมือนว่าเขาจะใช้ได้อย่างถูกที่ถูกเวลาเพราะเขามักจะใช้ท่านี้เมื่อใต้แป้นมีคนขวางอยู่หลายคน
การพัฒนาด้านเกมรับของเททัม
การเติบโตในเรื่องการทำคะแนนของเททัมเป็นอะไรที่น่าดูมากๆ แต่การพัฒนาอีกฝั่งหนึ่งอย่างเกมรับก็พัฒนาได้ย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ในตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสองทาง (ผู้เล่นที่ดีทั้งเกมรุกและรับ) ที่ดีที่สุดไปแล้วเรียบร้อยจากการที่มีช่วงแขนยาวถึง 7 ฟุต (210 ซม.) และคอยสร้างความยากลำบากให้กับคู่แข่งอย่างมากทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล
เททัมมีค่าบล็อกเฉลี่ยสูงสุดตลอดการเล่นอาชีพที่ 1.2 ครั้งต่อเกมและรวมทั้งหมด 21 ครั้ง ซึ่งทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้เล่นป้องกันห่วงหลายคนทั้งแจร์เร็ต อัลเลน (20 ครั้ง), โจเอล เอ็มบีด (21 ครั้ง), รูดี้ โกแบร์ (22 ครั้ง) และอีแวน โมบลีย์ (23 ครั้ง)
ด้วยอายุเท่านี้เขายิงลูกสำคัญในช่วงท้ายเกมมาแล้วมากมายแถมต้องรับหน้าที่ในการปิดผู้เล่นที่ดีที่สุดของฝั่งตรงข้ามอีกหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเหมือนกำลังเข้าใกล้ระดับที่คาไว เลียวนาร์ดเล่นมากขึ้นในทุกวัน
เรื่องที่น่าประทับใจมากที่สุดคือเขาใช้การพ่ายแพ้เป็นแรงพลักดันและพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับท๊อปของเอ็นบีเอ ในปีนี้เป้าหมายของเททัมคงหนีไม่พ้นการเป็นเอ็มวีพีและการพาบอสตันเซลติกส์เข้าไปชิงแชมป์อีกครั้งหนึ่ง
