30 วัน 30 ทีม : วากเนอร์ และ บันเคโร จะพา ออร์แลนโด้ เมจิก ไปได้ไกลแค่ไหน?

Aussadang Tarapit

30 วัน 30 ทีม : วากเนอร์ และ บันเคโร จะพา ออร์แลนโด้ เมจิก ไปได้ไกลแค่ไหน? image

หากใครยังไม่มีทีมเชียร์ ต้องการความสดใหม่, ตื่นเต้นระทึก, และพร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับทีม ออร์แลนโด เมจิก คือตัวเลือกที่คุณสามารถเลือกได้อย่างทันทีแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

จากฤดูกาลที่ผ่านมา เมจิกจบเพียงอันดับที่ 13 เท่านั้นในสายตะวันออกด้วยสถิติ 34-48 ถึงสถิตินี้จะดูไม่ดีนัก แต่ทว่า เมจิก สามารถเก็บชัยได้ถึง 50 เปอร์เซนต์ (29-28) จาก 57 เกมหลังสุดของฤดูกาล และนี่เป็นแสงสว่างที่แฟนๆหลายคนคอยเฝ้ามอง

คำถามที่น่าสนใจสำหรับ เมจิก ทีมนี้ก็คือ เปาโล บันเคโร และ ฟรานซ์ วากเนอร์ ฟอร์เวิร์ดอายุน้อยตัวหลักสองคนนี้จะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน? กับช่วงเวลาที่ทีมกำลังจะก้าวไปอีกขั้น ค้นหาคำตอบไปพร้อมเราได้ที่นี่

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

วากเนอร์ และ บันเคโร จะพา ออร์แลนโด้ เมจิก ไปได้ไกลแค่ไหน?

Paolo Banchero Orlando Magic
Getty Images

เปาโล บันเคโร

ออร์แลนโด เมจิก คือหนึ่งทีมที่ค่าเฉลี่ยอายุผู้เล่นน้อยที่สุดในลีก แต่ทว่าผู้เล่นอายุน้อยเหล่านี้กลับเป็นผู้เล่นที่หลายคนเฝ้าจับตามอง

กุญแจสำคัญในฤดูกาลนี้ของ เมจิก ก็คือการเล่นร่วมกันของ เปาโล บันเคโร ฟอร์เวิร์ด/เซ็นเตอร์ ตัวสำรองของสหรัฐอเมริกาที่มาพร้อมกับรางวัลรุกกี้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา และ ฟรานซ์ วากเนอร์ การ์ดตัวจริงของ เยอรมนี ชุดแชมป์ FIBA เวิลด์คัพ 2023

ผู้เล่นทั้งสองคนนี้คือผู้เล่นที่จะนำทัพ เมจิก ไปอีกหลายปี แต่ทว่าพวกเขาก็ต้องพัฒนาตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งคนแรกก็คือ อดีตดราฟต์อันดับ 1 อย่าง เปาโล บันเคโร ที่ต้องพัฒนาประสิทธิภาพการจบสกอร์ให้ได้มากขึ้นและถือบอลเองให้น้อยลงสักหน่อย

20.0 แต้มต่อเกมเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสำหรับรุกกี้ แต่ทว่าการมีฟิลด์โกลเพียง 42.7 เปอร์เซนต์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก นอกจากนั้นการยิงระยะสามคะแนนของเจ้าตัวก็ยังไม่ดีอีกต่างหาก ทำลงไปแค่ 29.8 เปอร์เซนต์ จากโอกาสการยิง 4.0 ครั้งต่อเกม หากเขาต้องการที่จะพาทีมขึ้นไปได้สูงกว่านี้ ประสิทธิภาพ คือสิ่งที่จะขาดหายไปไม่ได้

ด้วยการที่ เมจิก ดราฟต์พอยต์การ์ดอย่าง แอนโทนี แบล็ค เข้ามา พร้อมได้ มาร์เคล ฟุลท์ซ ที่ร่างกายพร้อมลุย ภาระหน้าที่ของ บันเคโร ในการถือบอลอาจน้อยลง และจำนวนการยิงลูกยากๆก็คงจะลดถอยตามลงไป เช่นการยิงสองคะแนนระยะกลางแบบพูลอัพที่เจ้าตัวกดไปได้เพียง 41 เปอร์เซนต์เท่านั้น จากการยิงทั้งหมด 139 ครั้ง

ที่ต้องยกประเด็นเรื่องพอยต์การ์ดเข้ามาและให้ บันเคโร ไปเล่นแบบไม่มีบอลมากขึ้นเพราะตัวอย่างใน FIBA เวิลด์คัพ ที่ผ่านมาก็พอทำให้เห็นภาพได้ไม่ยาก เขาสามารถทำฟิลด์โกลได้ถึง 57.5 เปอร์เซนต์ และมีฟิลด์โกลสองคะแนนถึง 61.8 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว จากการเล่นเป็นตัวที่ไม่มีบอล ซึ่งนี่อาจนำมาปรับใช้ได้กับเมจิก ไม่ใช่ว่าไม่ถือบอลเลย แค่ลดจำนวนลงเพื่อความเหมาะสมกับประสิทธิภาพของเจ้าตัวเอง

ถ้าหากสต๊าฟโค้ช เมจิก มองถึงเรื่องนี้ด้วย เราก็อาจจะได้เห็น บันเคโร และ ออร์แลนโด้ เมจิก มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น แต่แค่ บันเคโร คนเดียวคงไม่มีทางทำให้ เมจิก พัฒนาไปกว่าเดิมได้แน่ๆ ใช่ครับ…อีกคนที่ต้องพัฒนาขึ้นเช่นกันก็คือ ฟรานซ์ วากเนอร์ 

Franz Wagner

ฟรานซ์ วากเนอร์

ฟรานซ์คือเพชรเม็ดงามของ เมจิก ไม่ต่างจาก บันเคโร และเขามีความสำคัญมากๆต่อทีมด้วยการเป็นผู้เล่นที่มีเกมรุกดีที่สุดของทีม สิ่งที่ทุกคนคาดหวังในฤดูกาลหน้าก็คือให้เขาเป็นคนทำแต้มเบอร์ 1 ของทีม เพราะหากวัดจากประสิทธิภาพของเขานั้นชัดเจนว่าดีกว่า บันเคโร แบบเห็นได้ชัด

สถิติ 18.6 แต้ม, 4.1 รีบาวด์ และ 3.5 แอสซิสต์ คงไม่ได้ทำให้ใครสนใจมากนักกับทีมตลาดเล็ก แต่เมื่อมองลึกลงไปประสิทธิภาพของเขาดีขึ้นตามลำดับ ในปีล่าสุดเขาทำฟิลด์โกลลงไป 48.5 เปอร์เซนต์ และมีการยิงระยะสามคะแนนถึง 36.1 เปอร์เซนต์ จากการยิง 4.5 ครั้งต่อเกม จากตอนแรกทำไปเพียง 46.8/35.4 เปอร์เซนต์เท่านั้น (ฟิลด์โกล/สามคะแนน)

ด้วยฟอร์มที่ดูดีในการเล่น FIBA เวิลด์คัพ ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของหลายๆคนนับจากนั้น หากมองไปใน เมจิก ผู้เล่นที่ครบเครื่องมากที่สุดในเกมรุกก็คือเขา ด้วยขนาดตัวที่สูงถึง 6 ฟุต 9, เลี้ยงได้, ข้ามดี, มีอาวุธจากวงนอกและเป็นเพลย์เมคเกอร์ได้ด้วยตัวเอง ด้วยอาวุธที่ครบเครื่อง หากเขาสามารถพัฒนาหลายๆอย่างไปพร้อมกันได้และได้รับโอกาสให้เป็นเบอร์ 1 ที่ต้องจบสกอร์ ผลงานของทีมก็คงกระเตื้องขึ้นไม่น้อยเช่นกัน

พลังของทั้งสองคนนี้มีดีพอที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ บวกกับผู้เล่นที่ไซส์ใหญ่มากๆของ เมจิก อีกหลายๆคนตั้งแต่ตำแหน่งการ์ดจนถึงเซ็นเตอร์ นี่ทำให้เป็นการสร้างทีมแห่งอนาคตที่พร้อมจะทุบทีมอื่นๆไปพร้อมกัน

อันดับ 13 ของ ออร์แลนโด้ เมจิก คงไม่ได้ดูดี แต่โปรดอย่าลืมว่าพวกเขาห่างกับ เพเซอร์ส และ วิซาร์ดส์ (35-47) เพียงเกมเดียวเท่านั้นและห่างจาก ชิคาโก้ บูลส์ ที่อยู่อันดับสุดท้ายในรอบเพลย์อิน (40-42) แค่ 6 เกม ถ้าหากคิดแบบง่ายๆว่าพวกเขามีฟอร์มที่ดีเหมือนกันช่วงหลังของฤดูกาล การชนะถึง 41 เกมก็มีสิทธิ์อยู่เหมือนกัน

เมื่อบวกความพร้อมและการพัฒนาของผู้เล่นเข้าไป การฟัดกับทีมอื่นเพื่อเข้าไปเกาะขอบเพลย์อิน น่าจะเป็นเป้าหมายที่ลุ้นกันสนุกอย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง: 30 วัน 30 ทีม : ทำไมการใช้ คริส พอล เป็นตัวจริง คือความเสี่ยงของ วอร์ริเออร์ส

บทความที่เกี่ยวข้อง: 30 วัน 30 ทีม : การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ โดโนแวน มิชเชล กับ คาวาเลียร์ส โฉมใหม่

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH

Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th

Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand 

Aussadang Tarapit

Aussadang Tarapit Photo

นักวิเคราะห์บาสเกตบอล NBA ของ The Sporting News ผู้เจาะลึกทุกเพลย์การเล่น