ก่อนเกมที่ โกลเด้นสเตท วอร์ริเออร์ส จะคว้าชัยชนะเหนือ นิวยอร์ก นิกส์ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พวกเขาลงเล่นครบ 15 เกมด้วยสถิติ ชนะ 6 แพ้ 9 เกม และนั่นเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทีมที่ลงเล่นด้วยดีกรีแชมป์เก่า
แม้ว่าผลงานส่วนตัวของ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ การ์ดวัย 34 ปี จะยอดเยี่ยม แต่ภาพรวมของทีมมีปัญหาหนักมาก ทั้งเกมรับที่แย่ ตัวสำรองที่วางใจไม่ค่อยได้ ฟอร์มออกทะเลของ เคลย์ ธอมป์สัน และ การเสียเทิร์นโอเวอร์กันเป็นว่าเล่น
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย
สถิติที่ผ่านมา บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายของวอร์ริเออร์ส
หลังจากเกมที่ วอร์ริเออร์ส แพ้ต่อ ฟีนิกซ์ ซันส์ จนสถิติพวกเขาหล่นมาที่ ชนะ 6 แพ้ 9 เกม ทำให้พวกเขารั้งอันดับ 3 ร่วมของทีมป้องกันแชมป์ที่เริ่มต้นซีซั่นใหม่ได้แย่ที่สุด
เกมนอกบ้านที่ไม่ชนะใครเลยตลอด 8 เกมแรก กลายเป็นสถิติที่เลวร้ายสุดนับตั้งแต่ปี ชิคาโก บูลส์ เคยทำเอาไว้เมื่อปี 1998-99 อ้างอิงจาก Espn stats and info ถ้าหากเทียบกับการคว้าแชมป์ปีก่อน กว่าพวกเขาจะแพ้เกมเยือนถึง 8 เกม ก็ปาเข้าไปวันที่ 13 มกราคม 2022 แล้ว
รายชื่อ สถิติ และ บทสรุป ของทีมป้องกันแชมป์ที่ออกตัว 15 เกมแรกแย่สุดในลีก
Season | Team | Record | Final record |
1969-70 | Boston Celtics | 4-11 | 34-48 |
1998-99 | Chicago Bulls | 4-11 | 13-37 |
2002-03 | Los Angeles Lakers | 5-10 | 50-32 |
1948-49 | Baltimore Bullets | 6-9 | 29-31 |
1956-57 | Philadelphia Warriors | 6-9 | 37-35 |
2006-07 | Miami Heat | 6-9 | 44-38 |
2022-23 | Golden State Warriors | 6-9 | ? |
1947-48 | Philadelphia Warriors | 7-8 | 27-21 |
2004-05 | Detroit Pistons | 7-8 | 54-28 |
2021-22 | Milwaukee Bucks | 7-8 | 51-31 |
แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไหร่กับการเอาทีมยุค 2022-23 ไปเทียบกับผลงานทีมในยุค 1940s หรือ 1950s แต่เราเชื่อว่ามีบทบาทบางอย่างที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้
บอสตัน เซลติกส์ ในปี 1969-70 และ บูลส์ 1998-99 ต่างมีฟอร์มการเล่นที่ตกลงอย่างน่าใจหาย แต่อย่าลืมว่าพวกเขาสูญเสียซูเปอร์สตาร์เสาหลักของทีมในฤดูกาลต่อมา ในขณะที่ วอร์ริเออร์ส เก็บผู้เล่นคนสำคัญเอาไว้ได้ครบทั้ง เคอร์รี่ , ธอมป์สัน และ เดรมอนด์ กรีน สิ่งที่พวกเขาเสียไปคือกลุ่มผู้เล่นตัวประกอบ (ที่โดดเด่น) โดยเฉพาะ อ็อตโต พ็อตเตอร์ และ แกรี่ เพย์ตัน ที่ 2
เลเกอร์ส ปี 2002-03 ไม่สามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกันได้ พวกเขาแพ้ในรอบรองชนะเลิศชิงแชมป์สาย ตามด้วยการถูก ดีทรอยท์ พิสตันส์ ตบร่วงในรอบชิงปี 2004 และเมื่อสิ้นสุดยุคของ แชค - โคบี้ ทีมม่วงทอง ก็ต้องใช้เวลาสร้างทีมใหม่อยู่พักนึง สถานการณ์นี้คล้ายกับ วอร์ริเออร์ส ที่ครองความยิ่งใหญ่มา 8 ปี จากการคว้าแหวนแชมป์ไปถึง 4 วง
ทีมที่มีสถานการณ์ดีที่สุดอาจเป็น พิสตันส์ ซึ่งสามารถกลับไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง ก่อนจะแพ้ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ด้วยการสู้กันถึง 7 เกม ช่วงเวลานั้น พิสตันส์ ยังครองความแข็งแกร่งด้วยการทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันออกได้อยู่หลายหน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการรื้อทีมใหม่ทั้งหมด หรือ แท้จริงแล้ว วอร์ริเออร์ส อาจจำเป็นต้องกล้าเสี่ยงสำหรับการเทรดเพื่อ Win-Now หากไม่ต้องการซ้ำรอยกับ พิสตันส์ ที่มัวแต่รอเวลาจนทีมแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ตัวอย่างต่อมาคือ ไมอามี่ ฮีต หลังจากคว้าแชมป์ปี 2006 ฤดูกาลถัดมาพวกเขาถูกปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน แชคิล โอนีล และ ดีเวย์น เหวด ได้ลงสนามพร้อมกันน้่อยลง และพวกเขาถูกกวาด 4-0 ในเกมเพลย์ออฟรอบแรก แม้ วอร์ริเออร์ส จะไม่มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ ณ ตอนนี้ แต่ความสมบูรณ์ของร่างกายกลุ่มผู้เล่นตัวหลัก อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องให้ความสำคัญ
สุดท้ายคือ มิลวอกี บัคส์ หลังจากคว้าแชมป์ปี 2021 พวกเขาก็ออกสตาร์ทฤดูกาลต่อมาได้ไม่ค่อยดีนัก แต่สามารถจบฤดูกาลด้วยสถิติดีร่วมอันดับสองของสายตะวันออก (ชนะ 51 แพ้ 31) ก่อนจะแพ้ให้กับ เซลติกส์ ในรอบชิงแชมป์สาย แต่ บัคส์ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะเป็นทีมแกร่งของลีกไปอีกหลายปีข้างหน้าต่อจากนี้
แต่ละทีมที่เราหยิบมาเป็นกรณีศึกษา จะมีจุดที่คล้ายคลึงหรืออาจเป็นบทเรียนให้ วอร์ริเออร์ส สามารถหาทางเตรียมรับมือได้ แต่จุดที่เหมือนกันชัดเจนมากที่สุดคือ ทุกทีมต่างจบเส้นทางในฤดูกาลนั้น ๆ ด้วยการป้องกันแชมป์ไม่สำเร็จ
ถ้าหาก วอร์ริเออร์ส คาดหวังจะได้แชมป์ในปีนี้ พวกเขาต้องลงมือทำงานหลายอย่าง และอาศัยทั้งผู้เล่น โค้ช และ บอร์ดบริหาร ในการระดุมสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบเร่งด่วน