เกมคืนที่สองของ NBA มีหลายคู่ที่น่าสนใจ ทั้งเปิดตัวของ โดโนแวน มิตเชลล์ กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส
หรือ การประเดิมสนามของ เดชอนเต้ เมอร์เรย์, รูดี้ โกแบร์ และ จาเลน บรันสัน กับต้นสังกัดใหม่ รวมถึงการลงสนามในเกมแรกของเหล่าบรรดารุกกี้ ทั้ง เปาโล บันเคโร่, จาบารี สมิธ จูเนียร์ หรือ เจเดน ไอวี่ และ คนอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่พอเหลือบไปดูสกอร์หลังจบเกม เชื่อว่าทีมที่จะแย่งซีนทุกอย่างไปในสัปดาห์เปิดฤดูกาลน่าจะเป็นเกมพังพาบคาบ้านของ บรู๊คลิน เน็ตส์ ที่แม้จะมีบิ๊กทรีอยู่พร้อมหน้ายังกล้าแพ้ นิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ แบบยับเยิน โดย The Sporting News จะมาสรุปว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้เน็ตส์ ตกอับขนาดนี้คืออะไรบ้าง
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
เกมรีบาวด์
หากเรามองตามขุมกำลังของทั้งสองทีมจะพบว่าพวกเขามีผู้เล่นที่มีความสามารถเกี่ยวกับการรีบาวด์ไม่ต่างกันมากนัก เผลอ ๆ ไลน์อัพตัวจริงของ เน็ตส์ ยังสูงยาวกว่า เพลิแกนส์ด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าความขยันและการเก็บตกงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งการบ็อกซิ่งเอ้าท์ หรือ ตามสู้รีบาวด์ในเกมบุกของฝั่งทีมเยือนจะดูดีกว่าเป็นกอง จนพวกเขารีบาวด์เกมบุกเหนือกว่า 21-9 ครั้ง และ รีบาวด์รวมมากกว่า 61 - 39 หน
วาลันชูนาส ลงเล่นแค่ 27 นาทีให้ เพลิแกนส์ ทำรีบาวด์ไป 13 ครั้ง และ 6 ในนั้นเป็นการเก็บในแดนบุก ขณะที่กลุ่มผู้เล่นสำรองอย่าง เทรย์ เมอร์ฟี่ และ แลรี่ แนนซ์ จูเนียร์ ที่ลงมาค้ำวงในให้ทีมชุดสองสามารถค้ำวงในได้ดีไม่แพ้ วาลันชูนาส-ไซออน เลย
แผนการบุกคนละชั้น
กลายเป็นว่าชั้นเชิงการบุกของทีมดาวรุ่งดูดีกว่าด้วยซ้ำ พวกเขากระจายกันทำคะแนนและช่วยกันสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมทำแต้มได้ดีกว่า ในขณะที่เน็ตส์ยังไม่เข็ดกับการพยายามเล่นแบบ Isolation เป็นหลัก
เพลิแกนส์ จบเกมด้วยการทำแอสซิสต์รวม 31 ครั้ง มากกว่า เน็ตส์ ที่ทำไปแค่ 22 หน เท่านั้น ส่วนที่น่าสนใจมากที่สุดคือผู้เล่นทุกคนของ เพลิแกนส์ มีสถิติแอสซิสต์อย่างน้อย 2 ครั้ง ถือว่าทีมเวิร์คพวกเขาเยี่ยมมาก และ แผนที่ วิลลี่ กรีน โค้ชของเขาชอบหมุนเวียนผู้เล่นก็ดูจะลงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซีเจ แมคคอลลัม ในบทบาทการถือบอลทำไป 21 แต้ม และ 6 แอสซิสต์ ส่วน อินแกรม ทำ 28 แต้ม กับ 5 แอสซิสต์, ไซออน วิลเลียมสัน และ เฮิร์บ โจนส์ ทำคนละ 3 แอสซิสต์ โดยผู้เล่นที่เหลืออีก 7 คนที่ลงสนามในเกมนี้ของเพลิแกนส์ มีอีกคนละ 2 แอสซิสต์
ในสมัยเป็นผู้เล่น สตีฟ แนช คือการ์ดที่มีจินตนาการในเกมบุกสูงมาก แต่น่าแปลกใจกับบทบาทโค้ชที่เขายังไม่สามารถเอาจุดแข็งของตัวเองมาถ่ายทอดในการทำทีมเน็ตส์ได้
เบน ซิมมอนส์ ยังน่าผิดหวัง
แม้เจ้าตัวจะให้สัมภาษณ์หลังเกมว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่การเป็นผู้เล่นระดับสตาร์อย่างเขาแล้วลงมาทำแค่ 4 แต้ม 5 รีบาวด์ กับ 5 แอสซิสต์ แถมเสีย 3 เทิร์นโอเวอร์ ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากเกินไป ทั้งเกมซิมมอนส์ ยังพยายามชู้ตแค่ 3 ครั้ง และ การยิงลูกโทษ 2 หนของเขาก็ไม่ช่วยให้ทีมได้คะแนนเลย แถมยังเสียฟาวล์ครบ 6 ครั้งจนต้องออกจากเกม
แล้วในวันที่ ไครี่ เออร์วิ่ง ฟอร์มหลุด เรายิ่งได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าอีกหน่อย เน็ตส์ จะเจอปัญหาแบบนี้ซ้ำ ๆ เพราะถ้า ซิมม่อนส์ ไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวทำคะแนนที่มีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอได้มากพอ ท้ายสุด เควิน ดูแรนท์ และ ไครี่ เออร์วิ่ง ก็คงต้องสลับกันเล่น แล้วลุ้นแค่ว่าเกมคืนนั้นฟอร์มทั้งคู่จะมาพร้อมกันหรือไม่