ถ้าจะให้นึกถึงทีมที่สามารถแชมป์เอ็นบีเอได้ด้วยการทำคะแนนได้เพียง 90 แต้มต่อเกม เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งจะเริ่มดูบาสเกตบอลได้ไม่นานคงนึกภาพไม่ออก หรือ ถ้าหากบอกว่ามีทีมๆนั้นอยู่จริงก็คงจะไม่เชื่อ เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมาทีมที่คว้าแชมป์ก็คือเหล่าบรรดาทีมที่มีสุดยอดพลังเกมบุกกันทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส แชมป์ปีล่าสุด ทำคะแนนเฉลี่ย 111.5 แต้ม ในฤดูกาลปกติและ 111.9 แต้ม ในรอบเพลย์ออฟ โดยทีมที่ทำคะแนนได้น้อยที่สุดตลอดการคว้าแชมป์ในรอบทศวรรษคือ ไมอามี่ ฮีต ปี 2013 ที่ทำเฉลี่ยฤดูกาลปกติ 102.9 แต้ม และในรอบเพลย์ออฟ 97.1 แต้ม
ความเจ๋งของ พิสตันส์ปี 2004 ไม่ใช่แค่เรื่องการพิสูจน์คำว่า เกมรับทำให้คุณคว้าแชมป์ได้สมบูรณ์แบบ
แต่การเป็นทีมรวมดาราเกรด B หรือ B+ ที่สามารถปราบทีมที่มีสตาร์ชั้นนำมากมายทีมแล้วทีมเล่าได้ คือความน่าประทับใจที่เหมือนกับนิทานเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เพราะถ้าใครจำได้ ลอสแองเจลลิส เลเกอร์ส คู่แข่งในนัดชิงปีนั้นมีทั้ง ชาคีล โอนีล และ โคบี้ ไบรอันท์ รวมถึง คาร์ล มาโลน และ แกรี่ เพย์ตัน ที่มาเสริมทีมเพื่อล่าแหวนแชมป์ แต่ท้ายที่สุดทีมของฟิล แจ็คสัน ถูกลูกทีมของ ไมค์ บราวน์ ต้อนยับเยินในรอบชิง 4-1 เกม
เหล่าผู้เล่นชุดมหัศจรรย์ ที่บีบให้คู่แข่งทำคะแนนได้ไม่ถึง 80 แต้มหลายๆเกม จนกลายเป็นทีมจอมเหนียวแห่งยุคที่ก้าวไปถึงแชมป์ครั้งนั้นคือใคร และ ตอนนี้พวกเขาอยู่ไหนกันบ้าง ติดตามได้ที่นี่
ริชาร์ด แฮมิลตัน
ริชาร์ด “ริป” แฮมิลตัน ถือเป็นขุนพลตัวฉกาจของทีมชุดนี้ ในตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดยุคนั้นเขาถือเป็นคนที่เล่นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคนนึง สไตล์การเล่นคือเน้นการวิ่งพาตัวรับทัวร์ไปรอบสนาม จับบอลได้แล้วชู้ตเป็นหลัก นอกจากนั้นยังเป็นตัวป้องกันที่ดีมากที่สุดคนนึงในตำแหน่งนี้
แฮลมินตัน ทำแต้มเฉลี่ยสูงสุดของทีมในปีคว้าแชมป์ ทำเฉลี่ย 17.6 แต้มในฤดูกาลปกติ และ ทำ 21.5 คะแนนในรอบเพลย์ออฟ
ริป อยู่กับทีมนาน 9 ปี ก่อนที่ 2 ฤดูกาลสุดท้ายเข้าจะไปเล่นให้กับ ชิคาโก้ บูลส์ กระทั่งมีปัญหาอาการบาดเจ็บและเลิกเล่นไปในที่สุด ปัจจุบันเขาทำหน้าที่นักวิเคราะห์บาสเกตบอลอยู่ที่ช่อง CBS Sports HQ
เบน วอลเลซ
เซ็นเตอร์ขวัญใจมหาชน เพราะเริ่มต้นจากการเป็นผู้เล่นอันดราฟท์แต่กลับคว้าแชมป์ พร้อมกับได้เข้าสู่หอเกียรติยศในปี 2021 อีกด้วย แฟนบาสที่ติดตามมาตั้งแต่ยุคนั้นจะจำได้ถึงความสุดยอดของ “บิ๊กเบน” ที่แม้จะตัวไม่สูงใหญ่นัก แต่สามารถประกบ ชาคีล โอนีล สุดยอดเซ็นเตอร์ยุคนั้นได้อย่างอยู่หมัด
ความยอดเยี่ยมในเกมป้องกันทำให้ เบน วอลเลซ คว้ารางวัลผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีถึง 4 สมัย ติดออลสตาร์ 4 ครั้ง ติดทีมรับยอดเยี่ยมชุดแรก 5 สมัย แชมป์รีบาวด์ 2 สมัย และ แชมป์บล็อค 1 ครั้ง
โดยปีที่คว้าแชมป์ วอลเลซ ทำเฉลี่ยแค่ 9.5 แต้ม แต่โกยไป 12.4 รีบาวด์ ต่อเกม ซึ่งเสื้อหมาย 3 ของเขาก็ได้ถูกรีไทร์โดยอดีตต้นสังกัดที่คว้าแชมป์ด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย
วอลเลซ กลับมาเลิกเล่นที่พิสตันส์ ในฤดูกาล 2011-2012 ปัจจุบันเขาได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการปฏิบัติการและการมีส่วนร่วมของทีมพิสตันส์ และ ทำได้แบรนด์ “อันดราฟท์” ผลิตภัณฑ์กัญชาแบบถูกกฎหมายร่วมกับบริษัทผลิตกัญชาอีกด้วย
ราชีด วอลเลซ
ถ้าจะหาใครสักคนมาแทรชทอล์คแข่งกับ เดรมอน กรีน ได้แบบสมน้ำสมเนื้อ ก็คงต้องเป็นอดีตฟอร์เวิร์ดรายนี้ เพราะ ราชีด คือ 1 ในผู้เล่นจอมฝอยระดับแนวหน้าของลีก จนเรียกเทคนิคเคิลฟาวล์ได้อยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามฝีมือการเล่นของเขาก็ไม่ธรรมดา ทั้งเล่นได้ดุดัน ชู้ตวงนอกก็ดีใช้ได้ แถมยังป้องกันได้ยอดเยี่ยมมากๆอีกด้วย
การเข้ามาเติมเต็มเพียงแค่ปีแรกของ ราชีด ก็ช่วยให้ พิสตันส์ คว้าแชมป์ปี 2004 ได้สำเร็จทันที แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีแหวนเพิ่มอีกเลยก็ตามแต่ในช่วงนั้นพิสตันส์ก็ถือเป็นทีมระดับแนวหน้าของฟากตะวันออก
หลังปี 2009 เขาก็ย้ายไปอยู่กับ เซลติกส์ และ นิกส์ ก่อนจะตัดสินเลิกเล่น และได้รับโอกาสเป็นผู้ช่วยโค้ช ของพิสตันส์อยู่ 1 ปี จากนั้นก็หายหน้าหายตาไป กระทั่งปี 2019 เขาก็ได้รับโอกาสเป็นโค้ชทีมระดับโรงเรียน ชาร์ลส์ อี. จอร์แดน ไฮสคูล และ ล่าสุดปี 2021-2022 เขาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชให้กับทีม เมมฟิส ไทเกอร์บาสระดับ NCAA ซึ่งโค้ชของทีมนี้ก็คือ เพนนี ฮาร์ดาเวย์
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะทำหน้าที่ได้ไม่นานก็ต้องจากทีมไป แม้ช่วงท้ายฤดูกาลทาง ไทเกอร์ จะแจ้งว่า วอลเลซ ยังรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางไกลอยู่ก็ตาม ส่วนอัพเดทล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งจะปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีม เลเกอร์ส ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเคยเอ่ยปากว่าสนใจตำแหน่งนั้นก็ตามที
เทย์ชอน พรินซ์
องค์ประกอบสำคัญที่เป็นเหมือนผู้ปิดทองหลังพระของพิสตันส์ พรินซ์ คือผู้เล่นที่ตัวเลขหรือสถิติบ่งบอกคุณค่าของเขาในสนามไม่ได้ ถ้าเทียบกับยุคใหม่ๆหน่อย หน้าที่ของ พรินซ์ ก็คล้ายๆกับที่ อังเดร อิกัวดาล่า ทำให้กับ วอริเออร์ส ในยุคคว้าแชมป์ปี 2015 2017 และ 2018
หากนับผู้เล่นในคลาสพิสตันส์ 2004 ด้วยกัน พรินซ์คือคนสุดท้ายที่ประกาศอำลาวงการเอ็นบีเอ โดยเขาเลิกเล่นในปี 2016 และต้องไม่ลืมด้วยว่า พรินซ์ คือในชุดทีมชาติอเมริกา รีดีมทีม เมื่อปี 2008 อีกด้วย
อย่างไรก็ตามอดีตฟอร์เวิร์ดรายนี้หายหน้าหน้าตาจากลีกไม่นานนัก ก็ได้งานเป็นผู้ช่วยพิเศษของโค้ชให้กับทีม เมมฟิส กริซลี่ย์ ในปี 2017 และจากรายงานล่าสุดเขาถูกดันให้เป็นรองประธานฝ่ายกิจการบาสเกตบอลของทีม
ชอนซี่ย์ บิลล์อัพส์
ถ้าใครคือพระเอกมากที่สุดของ พิสตันส์ 2004 คงจะต้องเป็น ชอนซี่ย์ บิลล์อัพส์ เพราะนอกจากจะคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบชิงชนะเลิศที่คว้าแชมป์แล้ว วิธีการเล่นและคุณภาพในตำแหน่งการ์ดจ่ายของเขา คือ จุดที่สร้างสมดุลย์และขับเคลื่อนทีมได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ
นอกจากมันสมองและความนิ่งที่เจ้าตัวใช้ เขามักจะยิงลูกสำคัญให้กับทีมได้เสมอ จนได้ฉายาว่า มิสเตอร์บิ๊กช็อต โดยปี 2008-2011 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เดนเวอร์ นักเก็ตส์ จากนั้นตระเวนไป นิกส์ และ คลิปเปอร์ส ก่อนจะกลับมาลงเอยกับทีมพิสตันส์ ในปีสุดท้ายของอาชีพ เมื่อฤดูกาล 2013-2014 ซึ่งภายหลังทีมประกาศรีไทร์เสื้อเบอร์ 1 ของเขาในปี 2016 เป็นการสดุดีคุณงามความดีที่อดีตดราฟท์อันดับ 3 ปี 1997 ทำไว้ให้กับทีม
ปี 2014-2015 บิลอัพส์ หันไปเอาดีทางการเป็นนักวิเคราะห์ในสตูดิโอ ของอีเอสพีเอ็น จากนั้นก็ไปต่อที่รายการ เอ็นบีเอ เค้าท์ดาวน์ และในปี 2019 เขาก็ออกมาเป็นนักวิเคราะห์เกมในรายการของทีม แอล.เอ. คลิปเปอร์ส (คลิปเปอร์ส ทีวี) และโอกาสสำคัญก็มาถึง ในวันที่ ไทรอน ลู เข้ามาเป็นเฮดโค้ชของทีม เพราะ ลู มาชวนบิลอัพส์ให้มาเป็นผู้ช่วย ซึ่งก่อนหน้านั้นอดีตการ์ด MVP ก็สนใจงานโค้ชอยู่แล้วเช่นกัน
หลังจากอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเพียงแค่ 1 ปี ด้วยฝีมือที่เข้าตา ก็ทำให้ฝ่ายบริหารของพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ ติดต่อให้ บิลอัพส์ รับงานเฮดโค้ชที่นั่นและสุดท้ายเจ้าตัวก็ยังคงรับบทบาทดังกล่าวจนถึงทุกวันนี้
ดาร์วิน แฮม
ชีวิตในทีมชุดแชมป์ดูไม่น่าสนใจอะไรมากนัก เขาเป็นแค่อะไหล่สำรองของสำรอง ได้ลงเล่นเฉลี่ยเพียง 9 นาทีต่อเกม อย่างไรก็ตามส่วนที่น่าสนใจคืองานปัจจุบันของ แฮม มากกว่า
แฮม ไม่โดดเด่นตลอดอาชีพการเล่นในลีกตลอด 9 ปีทำเฉลี่ยแค่ 2.7 แต้มต่อเกม ลงเล่นแค่ 12.4 นาที แต่เหมือนเขาจะมีแววกับการเป็นโค้ชที่ดีพอสมควร เพราะหลังจากเริ่มงานผู้ช่วยกับทีมในจีลีกเพียงไม่กี่ปี
ก็พัฒนาตัวเองจนได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ชที่เลเกอร์ส ปี 2011 - 2013 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมมีทั้ง โคบี้ ไบรอันท์, พาว กาซอล, ดไวท์ ฮาเวิร์ด และ สตีฟ แนช โดยเขาอยู่ฝ่ายพัฒนาผู้เล่น
หลังจากนั้นก็ตระเวนข้ามไปเป็นผู้ช่วยของ 2 ทีมดังจากสายตะวันออกทั้ง แอตแลนต้า ฮอว์กส์ และ มิลวอกี้ บัคส์ (แฮม คือ 1 ใน สตาฟฟ์ชุดแชมป์ด้วย) และล่าสุดคือการย้อนกลับมาที่ เลเกอร์ส อีกครั้งในฐานะเฮดโค้ชของทีม
เมห์เม็ด โอคัวร์
ของดีนำเข้าจากตุรกี โดยพิสตันส์ ดราฟท์เขาเข้าลีกมาในรอบที่ 2 (อันดับ 38) เป็นตัวสำรองระดับคุณภาพของทีมชุดแชมป์ ก่อนจะย้ายไปแจ้งเกิดกับยูท่าห์ แจ๊ซ แบบเต็มตัว ถ้าใครที่รู้สึกว่าผู้เล่นตัวใหญ่เพิ่งจะมาชู้ต 3 คะแนน กันช่วงไม่กี่ปีหลัง ขอให้ลองย้อนไปดูหมอนี่เล่น เพราะเขาเป็นบิ๊กแมนที่ชู้ต 3 คะแนนมาตั้งแต่ช่วงเข้าลีกแรกๆเลย
ซีซั่นสุดท้าย โอคัวร์ ไปปิดฉากอาชีพกับ นิวเจอร์ซี่ย์ เน็ตส์ ส่วนชีวิตส่วนตัวคงจะมีความสุขดี เพราะเขาได้แต่งงานกับมิสตุรกี เยลิซ คาลิสกาน มีลูกสาวด้วยกัน 1 และ ลูกชายอีก 2 คน ซึ่งน่าจะใช้ชีวิตแบบสบายๆอยู่ที่ ซานเดียโก้ แคลิฟอร์เนีย ด้วยกัน
ไมค์ เจมส์
ลงเล่นให้กับ พิสตันส์ เพียงช่วงสั้นๆ 26 เกม แต่ก็ได้คว้าแชมป์เก่าเขาด้วยเลย หลังออกจากทีมแชมป์ปี 2004 เจมส์ ก็ตะลอนไปอีกหลายทีมในลีก ตลอดอาชีพการ์ด 6 ฟุต 2 นิ้ว รายนี้ ลงเล่นให้กับทั้ง ไมอามี่ ฮีต, บอสตัน เซลติกส์, ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์, มิลวอกี้ บัคส์, โตรอนโต แร็ปเตอร์ส, มินนิโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์, นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์, วอชิงตัน วิซาร์ดส์, ชิคาโก้ บูลส์, ดัลลัส แมฟเวอริกส์
หลังปลดระวางจากเอ็นบีเอ ก็ไปร่วมทีมเท็กซัส เลเจ้นท์ ทีมระดับจีลีก อยู่ 1 ปี ปัจจุบันเจมส์ และ ภรรยา แองเจล่า มีลูกด้วยกัน 4 คน ซึ่งครอบครัวนี้เคยออกรายการเรียลลิตี้ โชว์ “ซูเปอร์แนนนี่” เมื่อปี 2008
ลินด์ซี่ย์ ฮันเตอร์
ฮันเตอร์เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์คว้าแชมป์กับ เลเกอร์ส มาก่อนในปี 2001-2002 ทำให้แชมป์กับพิสตันส์คือแหวนวงที่ 2 ของเขา ในฐานะการ์ดแบ็คอัพการ์ดประจำทีม ถึงแม้ว่าสถิติการทำคะแนนของฮันเตอร์ จะไม่ใช่ตัวเลขที่ดูดีเท่าไหร่ แต่หน้าที่หลักของเขามักจะเป็นการลงจากม้านั่งสำรองเพื่อตามประกอบผู้เล่นคนสำคัญของทีมตรงข้าม ซึ่งคู่ปรับที่เป็นงานยากของเขาในช่วงนั้นก็ได้แก่ เจสัน คิดด์, โคบี้ ไบรอันท์ และ โทนี่ พาร์เกอร์
หลังออกจากพิสตันส์ เขาก็ไปอยู่กับบูลส์ช่วงปี 2008-2010 และ รีไทร์ในที่สุด จากนัันเขาก็ผันตัวเองมารับงานโค้ชโดยเริ่มจากเป็นผู้ช่วยที่ฟินิกส์ ซันส์ แล้วก็ไปที่ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส รวมถึงทีมบัฟฟาโล่ บูลส์ ที่อยู่ในระดับ NCAA
งานสุดท้ายของฮันเตอร์คือการเป็นโค้ชให้กับ มิสซิสซิปปี้ วอลเลย์ สเตท ซึ่งตลอด 3 ฤดูกาลเขาทำทีมชนะแค่ 7 เกม แต่แพ้ไปถึง 75 นัด ท้ายสุดก็ต้องลาออกมาจากที่นั่นตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คอร์ลิสส์ วิลเลียมสัน
อดีตสำรองยอดเยี่ยมปี 2002 อยู่กับพิสตันส์ 3 ฤดูกาล ผลงานของเขาในปีคว้าแชมป์ถือว่าเป็นสำรองที่พอจะเติมเต็มทีมได้ หลังจากคว้าแชมป์ก็ย้ายทีมและวนเวียนอยู่ในลีกจนถึงปี 2007 ก็ประกาศอำลาวงการ
วิลเลียมสัน เป็นอีกคนที่พยายามเอาดีด้านเป็นโค้ช ไต่เต้าจากการเป็นผู้ช่วยกับทีมระดับมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะเริ่มได้ร่วมงานกับทีมในเอ็นบีเอปี 2013 กับ ซาคราเมนโต้ คิงส์ จากนั้นก็ไป ออลันโด้ เมจิก และที่สุดท้ายคือ ฟินิกส์ ซันส์ ก่อนจะถุกไล่ออกยกชุดพร้อมกับโค้ช อิกอร์ โกกอสคอฟ ในปี 2019 ซึ่งคาดว่าตอนนี้ก็คงรองานจากที่ไหนสักแห่งอยู่
ดาร์โก้ มิลิซิช
ดราฟท์ระดับตำนานของทีมพิสตันส์เลยก็ว่าได้ เพราะ มิลิซิช คือดราฟท์อันดับ 2 ต่อจาก เลบรอน เจมส์ ในปี 2003 ที่สำคัญเขายังมีอันดับเหนือกว่าผู้เล่นอย่าง คาร์เมโล่ แอนโธนี่ ซึ่งถูกเลือกเป็นอันดับ 3 อย่างไรก็ตามผลงานในลีกของผู้เล่นชาวเซอร์เบียไม่เป็นมีความเป็นชิ้นเป็นอัน โดยปีที่พิสตันส์คว้าแชมป์ ก็ได้ลงสนามเฉลี่ยแค่ 4.7 นาทีต่อเกม พร้อมกับถูกจับขึ้นแท่นดราฟท์ยอดแย่สุดตลอดกาลของลีกอีกด้วย
มิลิซิช วนเวียนในเอ็นบีเอ อยู่ 10 ปี ก็ตัดสินใจเลิกเล่น ผันตัวเองเข้าสู่วงการคิกบ็อกซิ่งในปี 2014 ซึ่งก็ดูไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก โดยในปี 2015 เขาประกาศว่าจะหวนคืนวงการบาสเกตบอลอีกครั้ง โดยลงเล่นในลีกบ้านเกิดกับทีม อาตาแล็ค ฟาร์มาคอม รวมถึงลงเล่นใน เอบีเอ ลีก แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจกลางทาง
ปี 2017 เขาผันตัวไปทำไร่ทำนา โดยเป็นเจ้าของสวนแอปเปิ้ลขนาด 125 เอเคอร์ ซึ่งเขามีแผนที่จะซื้อที่เดินและปลูกเชอร์รี่เพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนในปี 2019 เขาก็ปรากฏตัวในการแข่งขันบาสอีกครั้งที่ลีกบ้านเกิด โดยลงเล่นร่วมกับทีม ไอ เคม ทู เพลย์ และเหมือนจะเป็นภาพสุดท้ายของเขากับบาสเกตบอล
เอลเด้น แคมป์เบลล์
ตัววงในซึ่งรับบทบาทได้ทั้งพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด และ เซ็นเตอร์ ตัดสินใจโยกย้ายชีวิตบั้นปลายในลีกมาอยู่กับพิสตันส์ สตาร์ทเป็นตัวจริง 27 เกม จากการลงเล่น 65 นัดในชุดแชมป์ เป็นสำรองให้กับ เบน วอลเลซ ซึ่งแคมป์เบลล์ มีความโดดเด่นเรื่องเกมรับ และด้วยร่างกายที่สูงใหญ่เลยได้ฉายาว่า “บิ๊ก อี”
หลังจากได้แชมป์กับพิสตันส์แล้ว เขาลงเล่นอีก 1 ฤดูกาล และตัดสินใจรีไทร์ไปในที่สุด
ชีวิตของแคมป์เบลล์ ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก แต่ก็หวังว่าเขาจะใช้ชีวิตที่มีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง