ฤดูกาลใหม่ของ NBA กำลังจะมาถึง แต่ละทีมเดินหน้าเตรียมความพร้อมทั้งการเซ็นสัญญาผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาเติมเต็มทีม และผู้เล่นหน้าเก่าบางคนได้รับการต่อสัญญาเพื่ออยู่โยงกับทีมไปยาวๆ 

แต่ละทีมมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทั้งทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์ บางทีมก็ขอแค่มีโอกาสเข้ารอบเพลย์ออฟหรือมีสถิติที่พัฒนาขึ้นจากซีซั่นก่อน รวมทั้งทีมที่ยังไม่เน้นผลงานมากนักแต่อาจให้เวลากับกลุ่มดาวรุ่งได้สัมผัสเกมเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้มากขึ้น ดังนั้นแต่ละทีมก็ย่อมมีผู้เล่นที่ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ต้นสังกัดของพวกเขาบรรลุตามเป้าหมาย

ดีอันเดร ฮันเตอร์ : แอตแลนต้า ฮอว์กส์

อดีตดราฟท์อันดับ 4 เมื่อปี 2019 แสดงศักยภาพการเป็นผู้เล่นป้องกันดีที่ให้เราเห็น ขณะเดียวกันประสิทธิภาพเกมบุกของเขาก็ทำได้ขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาเดียวคือสภาพร่างกายที่บาดเจ็บบ่อยจนส่งผลให้เขาลงสนามได้แค่ 76 เกม ใน 2 ฤดูกาลสุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเขาไม่เจ็บบ่อย ฮอว์กส์ ซึ่งยังมีทั้ง เทร ยัง และ เดชอนเต้ เมอร์เรย์ คือทีมที่น่ากลัวมากๆ

ฟอร์เวิร์ดวัย 24 ปี จะต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมากเพราะเขายังไม่ได้รับการต่อสัญญาจากฮอว์กส์ ซึ่งมีเส้นตายภายในวันที่ 18 ตุลาคม นี้ ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นรีสฟรีเอเย่นต์ ในปี 2023

มัลคอล์ม บรอกดอน : บอสตัน เซลติกส์

รุกกี้แห่งปี 2017 เข้ามาเติมเต็มขุมกำลังให้กับทีมรองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่จากปัญหาที่รุมเร้าตั้งแต่ยังไม่เปิดฤดูกาลของเซลติกส์ อาจทำให้เขาต้องเร่งโชว์ฟอร์มเก่งเพื่อช่วยให้ทีมสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแย่ๆไปให้ได้ 

บรอกดอน คือผู้เล่นที่มีจินตนาการในเกมบุกดี ชู้ตวงนอกก็แม่น เพียงแต่ฤดูล่าสุดกับอินเดียนา เพเซอร์ส ผลงานเขาตกไปเล็กน้อยเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ปีนี้โอกาสกลับมาเฉิดฉายเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้เดินทางมาหาเขาแล้ว

เบน ซิมมอนส์ - บรูคลิน เน็ตส์

หนสุดท้ายที่ ซิมมอนส์ ได้ลงสนามคือราวๆ 450 วันที่แล้ว และเป็นเกมที่ไม่น่าจดจำนักเพราะในเกม 7 กับ ฮอว์กส์ เขาโดนโจมตีอย่างหนักถึงความขี้ขลาด และเป็นการเปิดแผลจุดอ่อนเรื่องทักษะการชู้ต จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ซิกเซอร์ส ในรอบรองชนะเลิศชิงแชมป์สายเมื่อปี 2021

ด้วยชื่อเสียงและการการันตีด้วยรางวัลต่างๆ ทำให้ดราทฟ์อันดับ 1 ปี 2016 มีเรื่องที่ต้องพิสูจน์ตัวเองหนักกว่าผู้เล่นรายอื่นๆแน่นอน อีกทั้ง เน็ตส์ ต้องการสร้างบิ๊กทรีเพื่อลุ้นคว้าแชมป์ให้ได้ในปีนี้ ทำให้ซิมมอนส์ 

จะต้องงัดไอคิวและพรสววรค์ของเขากลับมาทำหน้าที่บนคอร์ทอีกครั้ง ส่วนเรื่องการชู้ตถ้าเขาสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เราอาจจะเห็นของดีจาก เบนเท็น ในซีซั่นนี้ 

พีเจ วอชิงตัน - ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์

ดราฟท์อันดับ 12 เมื่อปี 2019 แสดงฝีมือในเกมป้องกันให้เราได้เห็นกันมา 2-3 ปีหลัง อย่างไีก็ดีนั่นอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับการขยายสัญญาจากทีมก่อนวันที่ 17 ตุลาคม แต่โอกาสในการพิสูจน์ตัวเองของเขาปีนี้จะได้รับไปเต็มๆ หลังจากคดีความของ ไมลส์ บริดเจส ยังคงดำเนินการต่อไป

วอชิงตัน น่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงระหว่างที่ บริดเจส ลงเล่นไม่ได้ นั่นจะทำให้เขาได้เวลาลงเล่นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และ แสดงศักพภาพให้ทีมเห็นว่าเขาดีพอไม่ว่าจะเล่นร่วมกับชุดตัวจริง หรือ จะในบทบาทจากม้านั่งสำรอง

แพทริก วิลเลียมส์ - ชิคาโก้ บูลส์

แรงกดดันถาโถมใส่จากการที่บูลส์ เลือกเขาเข้ามาในลำดับที่ 4 เมื่อปี 2020 ความตั้งใจในตอนนั้นของทีมคือต้องการตัววงในที่ป้องกันเก่งๆ มาช่วยเสริมทัพทีมที่กำลังต้องการคว้าแชมป์ด้วยการเดินหมากแบบ วินนาว (Win Now - สร้างทีมเพื่อคว้าแชมป์ทันที) 

หลังจากปัญหาบาดเจ็บของ ลอนโซ่ บอล ซึ่งจะส่งผลต่อเกมรับโดยรวมขอบูลส์ จะทำให้ วิลเลียมส์ ได้รับบททดสอบครั้งสำคัญว่าจะสามารถเติมเต็มเกมป้องกันอย่างที่ทีมคาดหวังไว้ได้หรือไม่

โดโนแวน มิทเชลล์ - คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเข้ามาสู่ทีมของ มิทเชลล์ จะถูกคาดหวังสูงมากเมื่อเทียบทั้งผลงานเก่าๆ และ สิ่งที่ทีมต้องยอมเสียไปสำหรับการกระชากตัวเขามาจาก ยูท่าห์ แจ๊ซ 

นอกจากการรักษาคุณภาพของการเป็นตัวทำคะแนนชั้นแนวหน้าให้ได้ เขายังต้องพิสูจน์ว่าเป็นผู้เล่นที่สามารถปรับตัวเข้ากับผู้เล่นระดับออลสตาร์คนอื่นๆได้ด้วย ไม่เช่นนั้น ประเด็นของเขากับ รูดี้ โกแบร์ จะกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาเล่นงานเขาอีก 

การประสานงานกับ ดาริอุส การ์แลนด์, การปรับตัวและเล่นร่วมกับ 2 วงในทั้ง จาร์เร็ตต์ อัลเล่น และ อีแวน โมบลีย์ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นที่คาวาเลียร์ส คือสิ่งที่เขาจะต้องทำให้ได้ในทันที และเมื่อจบฤดูกาล ทีมนี้ควรจะต้องมีผลงานที่ดีกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งจำนวนเกมที่ชนะ และ การได้เข้าเพลย์ออฟ คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับ คาวาเลียร์ส 2022-2023

มาร์วิน แบกลี่ย์ ที่ 3 - ดีทรอยท์ พิสตันส์

จากดราฟท์ปี 2018 เขาเป็นเพียงผู้เล่นคนเดียวจากกลุ่มดราฟท์ 6 อันดับแรก ที่ไม่สามารถได้อยู่ร่วมงานกับทีมเก่า ดีกรีการเป็นดราทฟ์อันดับ 2 ของเขายังทำให้แฟนบาสหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาจะยังสามารถพัฒนาไปได้อีกหรือไม่

ข้อดีของการย้ายมาร่วมทีมพิสตันส์ ตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้วทำให้ แบกลี่ย์ ได้เวลาในการลงสนามมากขึ้น

และเริ่มแสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่ดูสมราคากับอันดับดราฟท์ และในฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงเขาจะได้ลงเล่นร่วมกับกลุ่มดาวรุ่งด้วยกันทั้ง เคด คันนิ่งแฮม, จาเลน ดูเรน, แซดดิค เบย์ และ ไอเซห์ สจ๊วร์ต ภายใต้องค์ประกอบที่มีประสบการณ์และบทบาทที่ชัดเจนทั้ง โบยาน บอกดาโนวิช, อเลค เบิร์ก และ เนอร์เลนส์ โนเอล มองภาพรวมแล้วนี่อาจจะเป็นทีมที่เหมาะกับการแจ้งเกิดในวงการอีกครั้งของ แบกลี่ย์

ไมลส์ เทอร์เนอร์ - อินเดียพา เพเซอร์ส

แม้ว่า เทอร์เนอร์ จะขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจกับการเป็นตัวบล็อกลูกชู้ต และป้องกันพื้นที่สุดท้ายได้ดี แต่อนาคตของเขากับทีม เพเซอร์ส ดูเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอน ดูได้จากข่าวลือช่วงที่่ผ่านมาว่าทีมก็พร้อมจะเทรดเขาได้ทุกเมื่อ

ประกบกับสัญญาที่จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ และจะทำให้เขากลายเป็นอันรีสตริก ฟรีเอเย่นต์ ทำให้เขาต้องเร่งสร้างผลงานเพื่อโอกาสที่จะได้ถูกเทรดไปอยู่ทีมระดับลุ้นแชมป์ หรือ อาจได้รับข้อเสนอก้อนโตในกรณีที่รอหมดสัญญากับเพเซอร์สช่วงปิดซีซั่น อย่าลืมว่าเขาเพิ่งจะอายุ 26 ปี และมีศักยภาพการเล่นในตำแหน่งวงในที่หลายทีมของลีกต้องการคว้าตัวไปเสริมแกร่งด้วย

ดันแคน โรบินสัน - ไมอามี่ ฮีต

มือปืนวัย 28 ปี ที่เคยโชว์ผลงานยอดเยี่ยมจนทำให้คนลืมไปว่าเขาเป็นผู้เล่นอันดราฟท์ เริ่มมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ จากที่เคยได้รับโอกาสลงเล่นเฉลี่ย 31.4 นาทีในปี 2020-2021 เขากลับได้ลงเล่นเพียง 12.2 นาที ตลอด 13 เกมในรอบเพลย์ออฟเมื่อปีที่ผ่านมา

หลังจากเซ็นสัญญาก้อนโตกับฮีตที่ 5 ปี 90 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3.43 พันล้านบาท) กลับกลายเป็นว่าความเฉียบขาดในฐานะตัวแคชแอนด์ชู้ต ของ โรบินสันก็ตกลงไป อีกจุดคือปัญหาในเกมป้องกันที่เขายังทำได้ไม่ดี และ ปีนี้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่ายังมีดีพอสำหรับทีมระดับลุ้นแชมป์ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะกระเด็นออกจากทีมจากสัญญาราคาแพงที่ลงเล่นแค่ระดับ 10-15 นาทีต่อเกม

โจ อิงเกิ้ลส์ - มิลวอกี้ บัคส์

หลังจากอยู่กับยูท่าห์ แจ๊ซ ทีมระดับเพลย์ออฟ (รอบแรก) มายาวนาน 8 ปี ถึงเวลาที่ อิงเกิ้ลส์ จะได้สัมผัสบรรยากาศการเล่นร่วมกับทีมระดับลุ้นแชมป์ ซึ่งปีหน้าเชื่อว่า บัคส์ ยังเป็นตัวเต็งไปน่าจะเข้าอย่างน้อยก็รอบชิงแชมป์สายตะวันออก

แม้ว่า อิงเกิ้ลส์ จะเซ็นกับบัคส์ แค่ปีเดียว แต่ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ท้าทายเพราะเขาจะได้ทำ 2 สิ่งควบคู่กันไปนั่นคือลุ้นคว้าแชมป์สมัยแรก และการโชว์ผลงานเพื่อโอกาสที่จะได้ในลีกต่อไปในฤดูกาล 2023-2024

และอาการบาดเจ็บของ คริส มิดเดิลสตัน อาจทำให้ผู้เล่นชาวออสเตรเลียไม่ต้องกังวลว่าเขาจะได้เวลาลงเล่นในสนามหรือไม่ แต่บทบาทของเขาอาจจะน้อยลงกว่าสมัยอยู่กับแจ๊ซ ดังนั้นเขาต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยเวลาที่จำกัดนี้ให้ดีที่สุด ยิ่งถ้าหากได้ฟอร์มในปี 2020-2021 มาด้วยละก็ คงได้ยืนระยะกับทีมไปยาวๆเลย

อาร์เจ บาร์เร็ตต์ - นิวยอร์ก นิกส์

การเข้ามาของ จาเรน บรันสัน และ แบบแผนการเล่นสไตล์ ทอม ธิโบโด อาจสร้างรูปแบบการเล่นที่แตกต่างไปจากเดิมสำหรับทีมนิกส์ ในซีวั่นที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง บาร์เร็ตต์ อาจจะต้องปรับตัวพอสมควร

ผลงานของเขาดีขึ้นเรื่อยๆตลอด 3 ฤดูกาลในลีก แต่ระยะ 3 คะแนนของเขาอาจจะต้องดีกว่านี้ ในฐานะผู้เล่นที่ใช้โอกาสชู้ตระยะดังกล่าวเยอะพอสมควร และอย่างที่เจ้าตัวกล่าวในงานมีเดียเดย์ว่า เขามีหลายอย่างที่จะพิสูจน์ และในความคิดของเขาทีมนิกส์ชุดนี้ก็พร้อมจะสร้างเรื่องช็อคโลกได้แน่นอน
 

โจนาธาน ไอแซค - ออลันโด เมจิก

แม้จะบาดเจ็บพักยาวมาตั้งแต่ปี 2020 แต่คุณภาพในเกมรับอันโดดเด่นของ ไอแซค ยังเป็นสิ่งที่ ออลันโด เมจิก ต้องการเก็บเขาไว้ใช้งานต่อไป ขณะที่ทีมก็ยังเดินหน้าสร้างกลุ่มพลังหนุ่มซึ่งเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงจะยังไม่มีการยืนยันว่ากำหนดการกลับมาลงสนามของอดีตดราฟท์อันดับ 6 คือเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากเขากลับมาเชื่อว่าจะสามารถช่วยเป็นส่วนเติมเต็มทีมดาวรุ่ง ที่มีผู้เล่นพลังบุกสูงลุ้นทีมชุดนี้ได้อย่างแน่นอน

เจมส์ ฮาร์เด้น - ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ ซิกเซอร์ส

จากผลงานทำเฉลี่ยแค่ 18.6 แต้ม ใน 12 เกมของรอบเพลย์ออฟเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับออลสตาร์ 10 สมัยคนนี้ หรือ ฮาร์เด้น ได้ผ่านจุดพีคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่า ฮาร์เด้น จะอ้างว่าเขามีปัญหาอาการบาดเจ็บจนทำให้เล่นได้อย่างไม่เต็มที่ แต่ฝีมือระดับเขาคงต้องแสดงศักยภาพออกมามากกว่าการพูดเฉยๆ ดังนั้นฤดูกาล 2022-2023 ฮาร์เด้นจะต้องงัดฟอร์มเก่งกลับมาและช่วยให้ ซิกเซอร์ส เดินทางเข้าสู่รอบลึกๆของเพลย์ออฟให้ได้

และหากว่าเขาจะทำแต้มลดลงภายใต้ทีมที่มีสุดยอดผู้เล่นอย่าง โจเอล เอมบีด ก็คงไม่แปลก แต่ขอแค่เขาสามารถปรับบทบาทไปใช้เพิ่มการจ่ายบอลหรือเล่น พิก แอนด์ โรล กับ เอมบีด ได้ดีขึ้นด้วยก็อาจทำให้แฟนๆ พึงพอใจได้เช่นกัน

โอจี อนูโนบี - โตรอนโต แร็ปเตอร์ส

ผู้เล่นวัย 23 ปี ได้รับคำชมมากมายเกี่ยวกับพัฒนาการของเขา ทั้งการทำแต้ม การเล่นเกมป้องกัน หรือแม้แต่ความเข้าใจเกม ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเขามีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอด ซึ่งเป็นอุปสรรคกับฟอร์มและความต่อเนื่องของทีม 

2 ซีซั่นล่าสุดเขาลงช่วยทีมได้ 81 เกม ถ้าร่างกายของเขาสมบูรณ์ เขาก็เป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพมากพอที่จะยกระดับการเล่นของทีม รวมถึงก้าวขึ้นไปอีกขั้นในฐานะสตาร์ของลีกได้

รุย ฮาชิมูระ - วอชิงตัน วิซาร์ดส์

ฟอร์เวิรืดดราทฟ์อันดับ 9 ปี 2019 ชาวญี่ปุ่น มีผลงานบนคอร์ทที่ใช้ได้เลย โดยเฉพาะการยิงระยะ 3 คะแนนของเขาที่พัฒนาจาก 28% ในปีแรก มาเป็นระดับ 44.7% ในฤดูกาลล่าสุด

อย่างไรก็ดี ฮาชิมูระ ก็เป็นผู้เล่นอีกรายที่โดนปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง 3 ฤดูกาลในลีกลงเล่นไป 147 เกม เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าถ้าเขาสมบูรณ์และลงเล่นมาตลอด อาจจะก้าวขึ้นมามีผลงานที่ดีกว่านี้

ฮาชิมูระ ในวัย 24 ปี จะกลายเป็นรีสตริก ฟรีเอเย่นต์หลังจบฤดูกาลนี้ ถ้าหากเขาอยากได้รับสัญญาระยะยาวจากทีมหรือสัญญาก้อนโตจากทีมอื่นในช่วงปิดฤดูกาล คงต้องงัดฟอร์มเด็ดแสดงออกมาให้ได้ในซีซั่นที่กำลังจะมาถึง