การแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอในแต่ละฤดูกาลทุกทีมจะวางเป้าหมายของตัวเองเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ การเข้ารอบเพลย์ออฟให้ได้เป็นอย่างน้อย หรือ การแทงค์ (แพ้เยอะ ๆ) เพื่อลุ้นสิทธิดราฟท์อันดับดี ๆ สำหรับการสร้างทีมในอนาคต
ทุกอย่างมีขั้นตอนและเป็นวัฏจักร บางทีมต้องการสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมาอาจใช้เวลาแทงค์ 3-4 ฤดูกาล จึงค่อย ๆ ขยับเป้าหมายไปสู่การเข้าเพลย์ออฟ ตัวอย่างเช่น นิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์, คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส หรือ เมมฟิส กริซลีส์ อย่างไรก็ตาม ซาคราเมนโต คิงส์ ดันกลายเป็นทีมที่วงจรชีวิตของพวกเขาวนเวียนอยู่กับการเข้าร่วมแค่ช่วงฤดูกาลปกติ โดยไม่เคยเข้าเพลย์ออฟมายาวนานกว่า 16 ปี เข้าให้แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับทีม ๆ นี้ ติดตามได้ที่นี่
คิงส์ เคยมียุครุ่งเรือง
การเข้ารอบเพลย์ออฟครั้งสุดท้ายของ คิงส์ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2005-2006 ด้วยเก้าอี้อันดับ 8 ของสายตะวันตก ซึ่งในยุคนั้นโซนนี้มีทีมแข็งแกร่งอยู่เต็มไปหมด การเข้าในฐานะทีมอันดับสุดท้ายอาจเทียบเท่าได้กับทีมที่มีสถิติระดับกลาง ๆ ของสายตะวันออกเลยทีเดียว
เอาเข้าจริง คิงส์ ในยุคที่มี ริค อเดลแมน เป็นเฮดโค้ชคือทีมแข็งแกร่งทีมหนึ่งของลีก พวกเขาเข้าเพลย์ออฟตลอด 8 ฤดูกาล นับตั้งแต่ปี 1999 - 2006 และปีที่พวกเขาไปได้ไกลที่สุดคือ 2001-2002 ซึ่งฤดูกาลปกติพวกเขาทำสถิติชนะ 61 แพ้ 21 เกม และทะลุเข้ารอบชิงแชมป์สายตะวันตก ก่อนจะแพ้เลเกอร์ส ยุค โคบี้-แชค โดยต้องดวลกันถึง 7 เกม
ขุนพลชุดนั้นของคิงส์ มีดาวเด่นมากมายทั้ง วลาดี ดิวาช, ไมค์ บิบบี้, คริส เว็บเบอร์, เพย่า สโตยาโควิช และ ดั๊ึก คริสตี้
แต่พอ อเดลแมน แยกทางกับทีมแล้วไปคุมฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ในปี 2006 - 07 แทน คิงส์ ก็เข้าสู่ขาลงและไม่เคยได้สูดกลิ่นอายบรรยากาศของรอบเพลย์ออฟอีกเลยนับตั้งแต่นั้น
9 โค้ชใน 17 ปี และดราฟท์แป้กนับครั้งไม่ถ้วน
หากนับรวมฤดูกาล 2022-23 ด้วย พวกเขาเปลี่ยนโค้ชมาแล้วถึง 9 คน นับตั้งแต่การอำลาทีมของ อเดลแมน ลองมาแล้วทั้งโค้ชแนวเก๋าเกมหรือโค้ชดาวรุ่ง แต่เหมือนพวกเขาเป็นทีมต้องคำสาปที่ไม่ว่าโค้ชหน้าไหนก็ไม่สามารถผลักดันพวกเขาให้กลับเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้อีกเลย
ตัวผู้เล่นของทีมก็ไม่ได้ขี้เหร่มากนักเพราะอย่าลืมว่าความย่ำแย่ในผลงานนำมาสู่โอกาสได้ดราฟท์อันดับต้น ๆ พวกเขาเคยได้เลือกผู้เล่นอันดับสูง ๆ มากมายทั้ง ไทรีก อีแวนส์ (อันดับ 4 ปี 2009), เดมาคัส เคาซินส์ (อันดับ 5 ปี 2010), บิสแมค บิยอมโบ้ (อันดับ 7 ปี 2011), โธมัส โรบินสัน (อันดับ 5 ปี 2012), เบน แมคเลมอร์ (อันดับ 7 ปี 2013), นิค สเตาส์คาส (อันดับ 8 ปี 2014), วิลลี เคาลีย์ สไตน์ (อันดับ 6 ปี 2015), มาคีส คริสส์ (อันดับ 8 ปี 2016), ดี แอรอน ฟ็อกซ์ (อันดับ 5 ปี 2017), มาร์วิน แบกลี่ย์ ที่ 3 (อันดับ 2 ปี 2018), ดาเวียน มิตเชลล์ (อันดับ 9 ปี 2021) และล่าสุด คีแกน เมอร์เรย์ (อันดับ 4 ปี 2022)
ยังไม่นับรวมตัวอันเดอร์เรตที่ดราฟท์มาอันดับล่าง ๆ แต่กลายเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าของวงการ ซึ่งปัญหานี้สะท้อนให้เห็นว่า นอกจากความใจร้อนเรื่องโค้ชแล้ว ทีมบริหารยังตาถั่วและใช้งานหรือปั้นดาวรุ่งไม่ค่อยเป็นอีกด้วย
สำหรับแฟน ซาคราเมนโต ก็คงต้องภาวนาผลงานในปีนี้ทีมจะสามารถพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งได้อย่างต่อเนื่องและวางเป้าหมายการกลับเข้าสู่เพลย์ออฟในเร็ววัน ไม่เช่นนั้นสถิติอันไม่น่าภาคภูมิใจนี้ คงจะยืดยาวต่อไปอีก
ทีมใน NBA ที่ไม่เข้าเพลย์ออฟติดต่อกันหลายปี
สถิติของคิงส์ ยังถูกบันทึกไว้ที่ 16 ฤดูกาล เพราะซีซั่นนี้พวกเขายังมีความหวัง หลังจากผู้เล่นกำลังหนุ่มหลายคนฉายแววโดดเด่นออกมา สำหรับทีมอันดับ 2 ที่ไม่ได้เข้าเพลย์ออฟมายาวนานคือ ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ซึ่งไม่ได้ลงเล่นโพสต์ซีซั่นมา 6 ฤดูกาล ตามด้วย คาวาเลียร์ส ที่วืดเพลย์ออฟมา 4 ซีซั่นติดต่อกัน
Rank | Team | Seasons | Last appearance |
1. | Kings | 16 | 2006 |
2. | Hornets | 6 | 2016 |
3. | Cavaliers | 4 | 2018 |
4. | Pistons | 3 | 2019 |
Spurs | 3 | 2019 | |
6. | Magic | 2 | 2020 |
Pacers | 2 | 2020 | |
Thunder | 2 | 2020 | |
Rockets | 2 | 2020 |
ทีมที่เคยพลาดเพลย์ออฟยาวนานสุดในทุกยุค
สำหรับตารางด้านบนเป็นการนับเฉพาะทีมที่ยังคงมีโอกาสต่อยอดสถิติออกไปในฤดูกาลนี้ แต่สำหรับตารางด้านล่างจะเป็นการสรุปให้เห็นว่านับตั้งแต่อดีต เคยมีทีมใดบ้างที่มีช่วงเวลามืดมน ไม่เคยได้สัมผัสเกมเพลย์ออฟติดต่อกันยาวนานที่สุด แต่ในปัจจุบันพวกเขาสามารถหยุดสถิติเลวร้ายนั้นลงได้แล้ว
Rank | Team | Seasons | Drought |
1. | Kings | 16 | 2007-2022 (active) |
2. | Clippers | 15 | 1977-1991 |
3. | Timberwolves | 13 | 2005-2017 |
4. | Warriors | 12 | 1995-2006 |
5. | Mavericks | 10 | 1991-2000 |
6. | Suns | 10 | 2011-2020 |