อย่างที่เรารู้กันดีว่าความได้เปรียบในบ้านเกมแรกของ คาวาเลียร์ส ได้หายลับไปกับตา
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ นิกส์ ที่อยู่อันดับ 5 ของสายตะวันออก จะเอาชนะ อันดับ 4 ของสายอย่าง แคฟส์ ไปได้ในเกมแรกแต่มันถือว่าเรื่องที่เสียเปรียบไม่น้อยเมื่ออันดับคุณใกล้กันขนาดนี้
แม้ว่า โดโนแวน มิชเชล จะกดไปถึง 38 แต้ม ในเกมแรกแต่ก็ยังไม่พอที่จะก้าวข้าม 27 แต้มของ เจเลน บรันสัน, ดับเบิล-ดับเบิล จาก จูเรียส แรนเดิล (19 แต้ม, 10 รีบาวด์) และ จอช ฮาร์ท ที่โชว์ฟอร์มได้ดี (17 แต้ม, 10 รีบาวด์) ไปได้ในเกมแรก แถมเรื่องที่เป็นประเด็นใหญ่ที่สุดก็คือการเก็บรีบาวด์เกมรุกของ นิกส์ ที่สร้างปัญหาให้กับ แคฟส์ อย่างมากในเกมที่แล้ว
การรีบาวด์ที่เป็นปัญหาของ คาวาเลียร์ส
แม้ว่า คาวาเลียร์ส จะจบฤดูกาลด้วยการเป็นทีมเกมรับอันดับ 1 ของลีก แต่ว่าเรื่องการรีบาวด์ของพวกเขากลับไม่ได้ดีเท่าไหร่นักและเป็นปัญหาอยู่พอสมควรเพราะ แคฟส์ สามารถเก็บรีบาวด์เกมรับได้เพียงแค่ 71.5 เปอร์เซนต์เท่านั้นซึ่งอยู่ที่อันดับ 20 ของลีกเลยทีเดียว
มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเมื่อเขาเจอกับบางทีม แต่ทว่ากับ นิกส์ มันไม่ใช่เพราะพวกเขามีเปอร์เซนต์การเก็บรีบาวด์เกมรุกได้มากถึงอันดับ 2 ของลีกเป็นรองแค่ ร็อคเก็ตส์ เท่านั้น การเทิร์นโอเวอร์น้อยและเก็บรีบาวด์เกมรุกได้ดีคือสิ่งที่ นิกส์ ทำมาตลอดฤดูกาลจนทำให้พวกเขาที่มีการยิงไม่ดีขึ้นมาอยู่ใน 5 อันดับแรกเรื่องเกมรุกของลีก
ทั้ง มิชเชล โรบินสัน (4.5) และ ไอเซอาห์ ฮาร์เทนสไตน์ (2.5) คือหนึ่งในผู้นำเรื่องรีบาวด์เกมรุกต่อเกมของลีกซึ่งคนอื่นๆที่ทำได้นอกจากสองคนนี้ก็ยังมีทั้ง เจริโค ซิมส์ (1.9), ฮาร์ท (1.9) และ แรนเดิล (1.8) ที่ทำได้ดีในเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินชัยชนะของ ซีรีส์ นี้ก็เป็นได้
นิกส์ลงโทษ คาวาเลียร์ส ในเกมแรกได้อย่างไร?
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการรีบาวด์นั่นเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเกมแรก
นิกส์สามารถเก็บรีบาวด์เกมรุกได้ถึง 17 รีบาวด์ในเกมที่เอาชนะ 101-97 แต้มและทำการขโมยเกมในบ้านของ แคฟส์ ไปได้และไม่เพียงเท่านั้นเพราะ นิกส์ ยังสามารถเปลี่ยนการรีบาวด์เกมรุกให้เป็นได้ถึง 23 แต้มเลยทีเดียว ซึ่งมากสุดเป็นอันดับสามที่ คาวาเลียร์ส เคยโดนมาในฤดูกาลนี้
โรบินสัน และ ฮาร์ท คือตัวแปรสำคัญในเกมแรกจากการรีบาวด์เกมรุกไปคนละห้าครั้งและเพียงแค่สองคนนี้ก็เก็บรีบาวด์เกมรุกเกือบจะเท่า แคฟส์ (11) ทั้งทีมแล้ว
แม้ว่า อัลเลน จะตัวใหญ่กว่า โรบินสัน อยู่เล็กน้อยแต่ว่า โรบินสัน นั้นสูงกว่า อัลเลน ถึงสามนิ้วเลยทีเดียว ผู้เล่นวงในอีกคนที่เสียเปรียบให้กับ โรบินสัน ก็คือ ม็อบลีย์ ที่สูงน้อยกว่า โรบินสัน แค่นิ้วเดียวแต่น้ำหนักบอกเลยว่าคนละเรื่องด้วยความต่างถึง 25 ปอนด์
ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมากลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับ นิกส์ จริงๆอย่างเช่นคลิปด้านล่างนี้
อีกคนที่ต้องยอมรับก็คือการรีบาวด์ของ ฮาร์ท ที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ทีมไหน เรื่องนี้ก็ยังเป็นจุดเด่นเสมอไม่เว้นแม้แต่ในเกมแรกที่ผ่านมา
ส่วน แรนเดิล และ ฮาร์เทนสไตน์ ที่แม้จะทำได้ไม่ดีเท่า ฮาร์ท และ โรบินสัน แต่ 4 ครั้งที่ทั้งสองคนทำได้นั้นมันเป็นในช่วงที่สำคัญทั้งนั้นโดยเฉพาะการรีบาวด์ของ แรนเดิล ที่มอบอีกหนึ่งโอกาสให้กับทีมและดับความหวังของอีกทีมภายในเวลาเดียวกัน
และลูกที่ บรันสัน ยิงลงไปในช่วง 35.4 วินาที สุดท้ายของเกม จุดเริ่มต้นก็มาจากการรีบาวด์เกมรุกนี่แหล่ะ
หรือลูกนี้ที่สุดท้าย ไกรม์ส ได้ยิงอีกสองลูกโทษ หากถามว่ามาจากไหน คำตอบง่ายๆก็คือการรีบาวด์เกมรุกอีกเช่นเคย
คาวาเลียร์ส จะแก้เกมอย่างไร?
อัลเลนได้ยอมรับความผิดพลาดครั้งนี้โดยเขาได้บอกเอาไว้ว่าเขาจะทำให้ดีขึ้น
“เราควรจะต้องเก็บรีบาวด์ให้ได้ โดยเฉพาะผม” อัลเลนกล่าว “ผมปล่อยให้มันหลุดมือไปหลายรอบในช่วงเวลาที่สำคัญ”
“เราทำได้ดีนะในเกมรับโดยรวม เราทำได้ดีในการหยุดพวกเขา เราทำได้ดีในการหมุนตัวประกบ เหลือแค่อย่างเดียวนั่นก็คือการรีบาวด์เกมรับของพวกเรา”
ซึ่งเฮดโค้ชของ แคฟส์ อย่าง เจบี บิคเกอร์สต๊าฟ ก็ได้บอกไว้เหมือนกันว่านี่คือบทเรียนชิ้นสำคัญของคาวาเลียร์ส ให้ได้เห็นว่าความแตกต่างระหว่างฤดูกาลปกติและเพลย์ออฟมันมากขนาดไหน
ยิ่งในเกมที่สูสีกันเท่าไหร่ เล่นด้วยร่างกายปะทะมากกันเท่าไหร่ ความใส่ใจในรายละเอียดก็ต้องมากขึ้นตามมาเช่นกัน การรีบาวด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งนี่คือเรื่องที่ คาวาเลียร์ส ต้องทำให้ได้ในเกมหน้า
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย