เทนนิส ภานิภัค : จากเสียน้ำตาในซีเกมส์สู่นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิกคนเดียวของไทย

Nuttanon Chankwang

เทนนิส ภานิภัค : จากเสียน้ำตาในซีเกมส์สู่นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิกคนเดียวของไทย image

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คือนักเทควันโดทีมชาติไทยที่สามารถกวาดเหรียญรางวัลรายการแข่งขันระดับเมเจอร์ของโลกใบนี้มาจนครบถ้วนแล้ว เจ้าตัวคือเจ้าของเหรียญทองและเหรียญทองแดง เทควันโดในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม รวมทั้งยังเป็นเจ้าของเหรียญทองชิงแชมป์โลกหรือเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ (World Taekwondo Championships) อีก 2 สมัย

ในขณะที่การแข่งขันระดับทวีปเอเชียนั้น เทนนิสก็สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์และชิงแชมป์เอเชียมาหมดแล้ว ดังนั้นหากจะกล่าวว่าเจ้าตัวคือนักกีฬาประวัติศาสตร์คนหนึ่งของวงการกีฬาไทยก็คงไม่ผิดนัก

ล่าสุดเทนนิสออกมาเปิดเผยแล้วว่าจะลงแข่งขันเทควันโดจนถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ที่ประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้การแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการลงสนามในระดับภูมิภาคเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว บทความนี้จะขอพาทุกท่านมาย้อนรอยความสำเร็จของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันเจ้าตัวสร้างผลงานอะไรให้กับประเทศไทยมาแล้วบ้าง

Panipak Wongpattanakit

เริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ก่อนก้าวไปสู่แชมป์เอเชีย

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทคววันโดเจ้าของแชมป์เยาวชนเอเชียหรือเอเชียน จูเนียร์ แชมเปียนชิพ (Asian Junior Championships) และเหรียญเงินเอเชียนยูธเกมส์ (Asian Youth Games) ได้ถูกผลักดันให้ขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ปี 2013 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์

ด้วยวัยเพียง 16 ปี เจ้าตัวถูกจับตามองและตั้งความหวังว่าจะสามารถสอดแทรกขึ้นมาคว้าเหรียญทองได้ แต่เมื่อการแข่งขันจริงมาถึงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

แม้ว่าเทนนิสจะสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จในการแข่งขันรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม แต่ในท้ายที่สุดแล้วเต้าตัวก็ต้องมาพลาดท่าเสียทีให้กับนักกีฬาเจ้าภาพไปในช่วง 2 วินาทีสุดท้ายได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น

แม้ว่าผลงานดังกล่าวจะเป็นที่พอใจของคนทั่วไป แต่สำหรับกับตัวของเทนนิสเองและทีมงานนั้นต่างรู้ดีว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ เหรียญเงินที่ได้มามันยังไม่อาจเรียกได้ว่านี่ความสำเร็จ แต่แท้จริงเหรียญรางวัลนั้นเป็นเครื่องบ่งเตือนว่า เจ้าตัวยังมีข้อบกพร่องที่ต้องทำการแก้ไขอีกมากมาย เพื่อไปสู่การสร้างความสำเร็จในอนาคต

เทนนิสใช้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันของเจ้าตัวให้มุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อยกระดับและพัฒนาฝีมือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเทนนิสฝึกฝนเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างหนักแล้วนั้น ผลแห่งความพยายามของเจ้าตัวก็บังเกิดผลในศึกการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์เอเชีย หรือรายการเอเชียน เทควันโด แชมเปียนชิพ (Asian Taekwondo Championships) ประจำปี 2014 ที่ประเทศอุซเบกิสถาน โดยเทนนิสลงแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัมและก็สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ เมื่อ สามารถเอาชนะ “อัคนีนี่ เฮค” นักเทควันโดทีมชาติอินโดนีเซียไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ นับเป็นความสำเร็จในรายการเมเจอร์แรกของเจ้าตัวและการคว้าแชมป์ได้ในครั้งนั้นก็เป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ลงทุนลงแรงในการฝึกซ้อมไปนั้นมันมีความหมาย 

Panipak Wongpattanakit

เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ รอยแผลที่รอคอยการลบล้าง

หลังจากที่ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถคว้าแชมป์รายการเอเชียน เทควันโด แชมเปียนชิพ มาครองได้แล้ว เจ้าตัวก็ยังสามารถสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่องด้วยการไปคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยูธโอลิมปิก เกมส์ (Youth Olympics Games) ครั้งที่ 2 ประจำปี 2014 ณ เมืองนานกิง ประเทศจีน มาครองได้สำเร็จอีกรายการ ซึ่งรายการดังกล่าว ถือว่าเป็นทัวนาเมนต์อุ่นเครื่องก่อนการแข่งขันรายการใหญ่อย่างเอเชียนเกมส์ (Asian Games) ครั้งที่ 17 ประจำปี 2014 ณ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้

ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ซึ่งเป็นรายการใหญ่และก็เป็นรายการที่ทั้งตัวของเทนนิสเองและสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญและตั้งเป้าหมายที่จะคว้าเหรียญทองให้ได้ ซึ่งเทนนิสเองก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม โดยรอบแรกเจ้าตัวเอาชนะ “ถอง ธิ คิม ตูเยน” ดาวรุ่งฟอร์มดีจากเวียดนามไปได้ 9-3 คะแนน

จากนั้นในรอบถัดมาซึ่งเป็นรอบ 8 คนสุดท้ายหรือรอบควอเตอร์ไฟนอล เทนนิสยังโชว์ฟอร์มสมกับเป็นแชมป์เอเชียเมื่อสามารถเอาชนะ “อนุลาต โพธิสิงขร” สาวนักเทควันโดจากประเทศลาวไป 16-0 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ “หลิน วัน ติง” จากไต้หวัน ซึ่งหลายฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่าเจ้าตัวจะสามารถเอาชนะได้ แต่เมื่อเทนนิสลงสนามแข่งขันกับ “หลิน วัน ติง” กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวมีอาการกดดันอย่างเห็นได้ชัด จนส่งผลถึงฟอร์มการเล่นโดยเทนนิสมาพลาดในช่วงท้ายเกมโดนสาวไต้หวันเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิด 4-5 คะแนน แบบชนิดมีความผิดพลาดเองเป็นส่วนใหญ่

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองแดงกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2014 ณ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ไปครอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของแฟนกีฬาชาวไทย เพราะในระดับมหกรรมกีฬาอย่างเอเชียนเกมส์นั้นแค่ได้ยืนอยู่บนโพเดียมก็เป็นอะไรที่สุดยอดมากอยู่แล้ว แต่สำหรับเทนนิสแล้วเธอไม่คิดเช่นนั้น เจ้าตัวตั้งมั่นที่จะกลับมาทำผลงานคว้าเหรียญทองให้ได้ในการแข่งขันครั้งต่อไป

ก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในการแข่งขันที่ผ่านมาถูกปรับปรุงแก้ไขจนปิดจุดอ่อนได้เกือบหมดสิ้น การแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลกหรือเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ (World Taekwondo Championships) ปี 2015 เจ้าตัวลงแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัมเช่นเดิม และก็สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ โดยในรอบชิงชนะเลิศ เทนนิสสามารถเอาชนะ “อิรีน่า โรมอลดาโนว่า” นักเทควันโดยูเครนไปจากการตัดสินของกรรมการหลังจากเสมอกัน 5-5 คะแนนในการแข่งขันยกปกติ นับเป็นผลงานการคว้าแชมป์ระดับโลกได้เป็นครั้งแรกของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

ความสำเร็จดังกล่าวเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นในการเป็นนักเทควันโดระดับโลกของเจ้าตัว และเป้าหมายต่อไปก็คือการคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกเกมส์

Panipak Wongpattanakit

เลื่อนรุ่นสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกส์

ปี 2016 "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ทำการเลื่อนรุ่นไปแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม โดยรายการเมเจอร์แรกที่เจ้าตัวลงทำการแข่งขันคือรายการเอเชียน เทควันโด แชมเปียนชิพ ปี 2016 ณ เมืองปาไซ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งแม้จะเลื่อนรุ่นขึ้นมาแต่ก็ไม่มีผลต่อความสามารถของเจ้าตัวแต่อย่างใด ซ้ำยังทำผลงานได้ดีอีกด้วย โดยเทนนิสสามารถเอาชนะ “ฮา มินอา” นักเทควันโดจากประเทศเกาหลีใต้ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ เป็นการคว้าแชมป์เอเชียได้เป็นครั้งที่ 2 ของเจ้าตัว เพียงแต่เป็นคนละรุ่นน้ำหนักกันเท่านั้น

จากนั้นการแข่งขันรายการสำคัญก็มาถึงนั่นก็คือโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ปี 2016 ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ลงทำการแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม และการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ก็เพื่อเป้าหมายเดียวเท่านั้นนั่นก็คือเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โดยรอบแรกเจ้าตัวสามารถเอาชนะ “มาเรีย อันดราเด้” นักเทควันโดจากประเทศเคปเวิร์ดไปได้แบบขาดลอย

จากนั้นในรอบที่ 2 เทนนิสต้องพบกับ “คิม โซฮุย” มือวางอันดับที่ 7 จากเกาหลีใต้และมีศักดิ์ศรีเป็นถึงอดีตแชมป์โลก โดยเกมการแข่งขันนั้นเทนนิสทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนและนำอยู่ 4-2 คะแนน ซึ่งหลายคนมั่นใจว่าเจ้าตัวจะต้องสามารถผ่านนักเทควันโดจากชาติต้นตำรับไปได้แน่ และถ้าเทนนิสสามารถเอาชนะ “คิม โซฮุย” ได้โอกาสที่จะไปถึงการคว้าเหรียญทองก็มีความเป็นไปได้เพราะ “หวู จิง หยู” คู่แข่งสำคัญจากประเทศจีนก็ตกรอบนี้ไปแล้ว
แต่แล้วในช่วง 4 วินาทีสุดท้ายของการแข่งขันฝันก็ทุกคนก็ต้องสลายลง เมื่อเทนนิสมาพลาดท่าโดนนักกีฬาพลังโสมแซงเอาชนะไปได้ 5-6 คะแนน ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยทำให้เจ้าตัวต้องผิดหวังอีกครั้งกลายเป็นภาพเก่ากลับมาหลอกหลอนเมื่อถึงรายการสำคัญที่เจ้าตัวยังไม่อาจลบล้างได้

อย่างไรก็ดีแม้ว่าเทนนิสจะพลาดโอกาสในการเข้าไปลุ้นเหรียญทองแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวก็ยังเหลือการแข่งขันเพื่อชิงเหรียญทองแดงซึ่งก็มีความสำคัญสำหรับทัพนักกีฬาไทยเช่นกัน เทนนิสต้องลืมความผิดหวังที่เกิดขึ้นและละทิ้งความเสียใจไว้ข้างหลังให้ได้เร็วที่สุดและมุ่งมั่นตั้งสมาธิกลับมาลงสนามในรอบชิงเหรียญทองแดงให้ได้

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเทนนิสสามารถทำตรงจุดนี้ได้อย่างดีจนต้องยกย่อง เจ้าตัวกลับมาลงทำการแข่งขันรอบชิงเหรียญทองแดงได้ด้วยความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อความผิดหวัง คู่ต่อสู้คนแรกของเทนนิสก็คือ “จูลิซซา ดิเอซ” จากประเทศเปรูและก็เป็นนักเทควันโดสาวไทยที่ทำได้ดีกว่าสามารถเอาชนะไปได้ 4-2 คะแนน

จากนั้นในรอบถัดไปที่ผู้ชนะจะได้ครองเหรียญทองแดงทันที เทนนิสก็สามารถเอาชนะ “อิทเซิล มันจาร์เรซ” จากประเทศเม็กซิโกไปได้อย่างขาดลอย ส่งผลให้ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เจ้าตัวกลายเป็นฮีโร่ของวงการกีฬาไทยไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ถึงแม้ว่าผลงานที่ทำได้นั้นจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดของตัวเทนนิสและสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยที่ต้องการคว้าเหรียญทองมาครองก็ตาม

Panipak Wongpattanakit

คว้ารองแชมป์โลกของพิกัดน้ำหนักใหม่

การแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลกหรือเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ 2017 ณ เมืองมูจู ประเทศเกาหลีใต้ เทนนิสลงทำการแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ซึ่งเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวในพิกัดน้ำหนักนี้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เทนนิสตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกมาครองให้ได้ โดยการแข่งขันในครั้งนั้นเจ้าตัวสามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดีตลอดทัวนาเมนต์

โดยเริ่มจากสามารถเอาชนะ “แคนเดอลาเรีย มาร์เต้” จากประเทศโดมินิกันไปแบบขาดลอยในการแข่งขันรอบแรกหรือรอบ 32 คน จากนั้นในรอบถัดมาเจ้าตัวก็เอาชนะ “ทาลิซก้า รีส” จากประเทศบราซิลไปแบบไม่ยากเย็นนัก ในรอบควอเตอร์ไฟนอลหรือรอบ 8 คนสุดท้ายเทนนิสก็ยังโชว์ฟอร์มแกร่งเอาชนะ “อิเปค ชีเด็ม” จากประเทศตุรกีไป 12-4 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

โดยในรอบรองชนะเลิศเทนนิสต้องโคจรมาพบกับ “เหว่นเลิน หยุ่นเต๋า” จากประเทศจีน และเจ้าก็สามารถโชว์ความเหนือชั้นเอาชนะไปได้อย่างสนุก 10-7 คะแนนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ “วานย่า สแตนโควิช” จากประเทศเซอร์เบีย ซึ่งการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนี้เทนนิสไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งได้พ่ายไป 5-10 คะแนนคว้าเหรียญเงินการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลกไปครอง เป็นการขึ้นโพเดียมได้ 2 ครั้งติดกันเพียงแต่เป็นการแข่งขันคนละรุ่นและได้เหรียญคนละสีเท่านั้น

ล้างตาคว้าเหรียญทองซีเกมส์และเอเชียนเกมส์

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อาจจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์เวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพและเอเชียน เทควันโด แชมเปียนชิพ มาแล้วแต่สำการแข่งขันในแบบมหกรรมกีฬาทั้งซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์นั้น เจ้าตัวยังไม่เคยคว้าแชมป์หรือเหรียญทองมาครองได้เลย ดังนั้นการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ปี 2017 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เทนนิสจึงลงทำการแข่งขันเพื่อต้องการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้ได้เป็นครั้งแรก

รอบแรกเทนนิสที่ก็เพิ่งคว้าเหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยโลกมาครองได้หมาดๆ ก็สามารถเอาชนะ “ยูนิวิน โซซารางซี” จากประเทศกัมพูชาไปได้แบบคนละคลาส 26-0 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพยกับ “อนาดา คอสต้า ดา ซิลวา” จากประเทศติมอร์-เลสเต และเทนนิสก็ยังโชว์ความเหนือชั้นเอาชนะไปได้ 35-2 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับนักกีฬาเจ้าภาพอย่าง “นูร์ เดีย ลิยานา บินที ชาฮารุดดิน” และเทนนิสก็อาศัยการำคะแนนจากการเตะศรีษะสลับลำตัวจนคู่แข่งหมดสภาพลงไปกองกับพื้นอยู่หลายจังหวะ ซึ่งเหตุกาณ์ดังกล่าวในภายหลังก็กลายมาเป็นคลิปไวรัลอยู่ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง โดยในแมตช์รอบชิงชนะเลิศนี้เทนนิสสามารถเอาชนะไปได้ 39-1 คะแนน คว้าเหรียญทองซีเกมส์รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ไปครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก

ก่อนที่ในภายหลังเจ้าตัวจะสามารถคว้าเหรียญทองได้อีกในการแข่งขัน 2 ครั้งถัดมาในซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ และ ซีเกมส์ 2021 ที่เวียดนาม (เลื่อนมาแข่งในปี 2022)

Panipak Wongpattanakit

สำหรับในการแข่งขันกีฬาเอเชียนที่เทนนิสเคยครองเพียงเหรียญทองแดงในปี 2014 นั้น เจ้าตัวก็สามารถกลับมาคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2018 ณ กรุงจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงแบบต่อเนื่อง โดยรอบแรกเจ้าตัวได้บายผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ไปพบกับ “ฮวง ยู ติง” นักเทควันโดจากประเทศไต้หวันเจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2018 และเทนนิสก็สามารถเอาชนะไปได้แบบขาดลอย 26-1 คะแนน

จากนั้นในรอบถัดมาซึ่งเป็นรอบ 8 คนสุดท้าย เทนนิสก็สามารถล้างตาเอาชนะ “คัง โบรา” แชมป์เอเชีย 2018 จากประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเทนนิสเคยพ่ายแพ้มาแล้วแบบขาดลอย 27-8 คะแนน รอบรองชนะเลิศเทนนิสโคจรมาพบกับเจ้าของเหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย 2018 อย่าง “นาฮีต เกียนิ” จากประเทศอิหร่าน และเทนนิสก็สามารถเอาชนะ 11-6 คะแนน เรียกได้ว่าจากรอบที่สองจนถึงรอบรองชนะเลิศนั้นเจ้าตัวสามารถปราบนักกีฬาดีกรีเหรียญทอง เงิน และทองแดงในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียปีเดียวกันได้แบบราบคาบหมดจด

รอบชิงชนะเลิศของเทควันโด รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัมของศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2018 นั้นเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากประเทศไทยพบกับ “มาดินาโบนู แมนโนโปว่า” จากประเทศอุซเบกิสถาน และเทนนิสก็ทำเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมและเกมรับก็มีความรัดกุมจนสามารถเอาชนะไปได้แบบขาดลอย 21-3 คะแนน คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ ลบล้างความผิดหวังจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วได้อย่างสวยงาม

ประวัติศาสตร์จารึกเหรียญทองโอลิมปิกแรกของเทควันโดไทย

หลังจาก "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์และเอเชียนเกมส์มาครองได้แล้วนั้นเจ้าตัวก็ยังคงสามารถครองแชมป์ได้อีกในรายการเมเจอร์อย่างเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ 2019, เทควันโด แกรนด์แสลม 2019 และเหรียญทองซีเกมส์ 2019 ที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น เทนนิสก็เหลือเพียงอีกเป้าหมายเดียว แชมป์เดียวที่ยังไม่เคยสัมผัสนั้นก็คือเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์

การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ปี 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นถูกเลื่อนการแข่งขันมาในปี 2021 เนื่องจากการระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส เทนนิสมุ่งมั่นและฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญนี้ เจ้าตัวลงแข่งขันด้วยฝีมือและสมาธิแบบนัดต่อนัดโดยรอบ 16 คน เทนนิสสามารถเอาชนะ “อาวิชาก เซมเบิร์ก” จากประเทศอิสราเอลไปได้ 29-5 คะแนน จากนั้นในรอบ 8 คนสุดท้ายเทนนิสก็ปราบ “เตือง ธิ คิม ทูเย็น” จากเวียดนามดีกรีเจ้าของแชมป์เอเชียที่เลื่อนรุ่นขึ้นมา และเทนนิสก็สามารถเอาชนะไปได้ 20-11 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

รอบรองชนะเลิศเทนนิสต้องมาพบกับ “มิยู ยามาดะ” จากญี่ปุ่นและเทนนิสก็ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปแบบขาดลอยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกและเหลืออีกเพียงด่านเดียวเท่านั้นความหวังของเจ้าตัว, สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และแฟนกีฬาชาวไทยก็จะเป็นจริง

โดยคู่ต่อสู้ของเทนนิสในรอบตัดสินนี้ก็คือ “อาเดรียน่า เซเรโซ่ อิเกลเซีย” จากประเทศสเปน ซึ่งก่อนการแข่งขันหลายฝ่ายก็มองว่าเหรียญทองนี้น่าจะอยู่ในมือของเจ้าตัวได้ไม่ยากแต่เอาเข้าจริงก็ไม่เป็นแบบนั้น “อาเดรียน่า เซเรโซ่ อิเกลเซีย” สู้กับนักเทควันโดไทยได้อย่างเยี่ยมยอดและก็ทำท่าว่าจะเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว เทนนิสเองก็เกือบที่จะต้องน้ำตาตกเป็นสมัยที่ 2 แต่ก็ด้วยเพราะความพยายามที่ไม่ลดละของเจ้าตัวทำให้สามารถทำคะแนนพลิกแซงในเสี้ยววินาทีจนกลับมาค้วเหรียญทองได้สำเร็จ เป็นเหรียญทองประวัติศาสตร์ของทั้งตัวของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เองและวงการเทควันโดไทย 

Panipak Wongpattanakit

อำลาสนามหลังโอลิมปิกเกมส์ 2024

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ประกาศออกมาแล้วว่าการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในปี 2024 นั้นจะเป็นรายการสุดท้ายของเจ้าตัว ซึ่งหลังจากเจ้าตัวคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ปี 2020 มาครองได้แล้วนั้นเทนนิสก็ยังสามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2021 ที่ย้ายมาแข่งในปี 2022 และคว้าเหรียญทองเทควันโด กรังด์ปรีซ์ ไฟนอล รวมทั้งคว้าเหรียญทองแดงในรายการเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ ในปีเดียวกันได้อีก นับว่าเป็นผลงานที่เป็นประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬาไทย นับจากนี้จะเหลือเพียงอีกไม่กี่รายการเท่านั้นที่เจ้าตัวจะลงแข่งก่อนอำลาสนามไป

เรามาร่วมกันส่งแรงใจให้ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าชัยชนะในรายการที่เหลือให้ได้กันครับ

บทความโดย : ธิษณา ธนคลัง (เต้นคุง) - The Sportory

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

Nuttanon Chankwang

Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand