สัญญาณของความเปลี่ยนแปลง? : ลิเวอร์พูลควรทำอย่างไรหลังแพ้ยับในยูซีแอล

The Sporting News

สัญญาณของความเปลี่ยนแปลง? : ลิเวอร์พูลควรทำอย่างไรหลังแพ้ยับในยูซีแอล image

ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เกน คล็อปป์ ดำเนินมาสู่ปีที่ 7 เขาทำทีมคว้ามาแล้วหลายแชมป์ มีหลายครั้งที่เป็นสัญญาณเตือนสู่ความเปลี่ยนแปลงที่เขาเองควรจะต้องยอมรับ และต้องรับมือให้ทันก่อนที่หายนะของจริงจะมาถึงทีม

หนึ่งในนั้นคือความพ่ายแพ้ต่อนาโปลี 4-1 ในรายการ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของฤดูกาล 2022/23 พวกเขาเล่นได้อย่างย่ำแย่แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนั่นเป็นอีกครั้งที่สัญญาณเตือนร้องบอกคล็อปป์ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง 

หงส์แดงเข้าไปเล่นแชมเปียนส์ลีกในฐานะรองแชมป์ของฤดูกาลก่อน พวกเขาพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริดแต่ก็ยังมองมันในแง่บวกพร้อมปลุกใจลูกทีมว่า นัดชิงชนะเลิศฤดูกาลหน้าที่อิสตันบูล จองโรงแรมไว้ได้เลย หรือความหมายก็คือ พวกเขาจะกลับมาชิงชนะเลิศอีกครั้ง

แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะแค่รอบแบ่งกลุ่มนัดพวกเขาก็โดนทีมดังจากอิตาลีตบร่วงกลับอังกฤษแทบไม่ถูก 

นาโปลีของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ที่อยู่หัวตารางเซเรีย อา กำลังเล่นด้วยความมั่นใจ นี่ไม่ใช่ทีมที่หวาดกลัวลิเวอร์พูลแม้แต่น้อย และทัพหงส์แดงก็ไม่ได้คาดฝันว่าจะจเจอทีมที่กล้าบุกใส่พวกเขาแบบไม่กลัวดีกรีรองแชมป์ยุโรป 

นาโปลีมาเพื่อวิ่งไล่ล่าลิเวอร์พูลแบบที่ไม่ได้เจอมาก่อน และมันประสบผลสำเร็จเมื่อหงส์แดงเผยให้เห็นถึงจุดอ่อนที่เดิม ๆ ซึ่งแน่นอนมันคือพื้นที่ในตำแหน่งเกมรับฝั่งขวา ที่ลิเวอร์พูลจริงๆแล้วมีปัญหาแทบทุกนัดในฤดูกาลนี้ ในตำแหน่งของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ เซ็นเตอร์ฝั่งขวาซึ่งในเกมนี้คือ โจ โกเมซ ที่โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานไปเยอะ ทำเอาเหล่ากองหน้าของนาโปลีสามารถโจมตีได้แบบง่ายๆเพราะแนวรับ 2 คนนี้เล่นเกมรับได้อย่างย่ำแย่ เปิดพื้นที่ให้ตัวรุกของนาโปลีโจมตีได้ตามอำเภอใจ 

แข้งที่โดดเด่นคงไม่พ้น ควิชา ควาราตเชเลีย ปีกซ้ายที่วิ่งไล่ล่าแถมเลี้ยงบอลฝ่าแนวรับลิเวอร์พูลเป็นว่าเล่น ทำเหมือนอย่างกับการซ้อมก่อนการแข่งจริง แน่นอนว่าปีกรายนี้เผาตำแหน่งเกมรับฝั่งขวาของหงส์แดงจนเละไม่มีชิ้นดี รวมถึง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ที่ก็พร้อมวิ่งทะลุเกมรับหงส์แดงครั้งแล้วครั้งเล่า 

แม้แต่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังลิเวอร์พูลที่ควรจะไว้ใจได้ ก็ฟอร์มร่วงไปดื้อๆในนัดนัดนี้ ทำเสียจุดโทษ โชคดีที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ สามารถเซฟประตูเอาไว้ได้

จะเห็นว่า 3 จาก 4 แนวรับของลิเวอร์พูลดูไม่พร้อมเล่นในเกมนี้ชัดเจน กลับกันฝั่งเจ้าบ้านเห็นแบบนั้นยิ่งได้ใจ และวิ่งบี้จนเกิดปัญหาตลอดทั้งครึ่งแรก 

นอกจากปัญหาเกมรับแล้ว เกมรุกก็เช่นเดียว เราสามารถเห็นได้เลยว่า นาโปลีโชว์ฟอร์มเด็ดมากๆ ส่วนหนึ่งคือพวกเขาเล่นด้วยความมั่นใจและแบบแผนที่ชัดเจน

ส่วนฝั่งลิเวอร์พูลที่ก็มีพิมพ์เขียวแบบแผนที่ชัดเจนอยู่แล้วเช่นกัน แต่กลับเล่นฟุตบอลได้อย่างไม่ดุดันในแบบที่ควรจะเป็น จนถึงขั้นน่าผิดหวัง 

การเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลไม่ได้อยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพมากพอ พวกเขาไม่สามารถกดดันแนวรับนาโปลีได้เลย พวกเขาดันไลน์เกมรับขึ้นสูงแต่ไม่ได้ทำมันอย่างจริงจัง บางคนเดิน บางคนดูจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี หรือบางคนก็เหมือนไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะเล่นฟุตบอลระดับสูงอีกต่อไปแล้ว 

ลิเวอร์พูลเองเคยเป็นทีมที่บีบคู่แข่งหนักหน่วงจนแทบจะหาจังหวะจ่ายบอลไม่เจอ กลับกันคราวนี้พวกเขาบีบได้ไม่ดุดันจนนาโปลีแก้เพรสซิ่งได้แบบง่าย ๆ เหล่านี้คือต้นตอของปัญหากับเกมที่หงส์แดงแพ้อย่างเละเทะแบบไม่มีชิ้นดี บางทีพวกเขาเล่นได้แย่กว่าเชลซีที่บุกไปแพ้ดินาโม ซาเกร็บด้วยซ้ำ 

แน่นอนว่าถ้า ลิเวอร์พูล ยังใช้สไตล์การเล่นแบบนี้ พวกเขาจะเจอปัญหานี้ต่อไป ทั้งในพรีเมียร์ลีก และ แชมป์เปียนส์ ลีก อย่างแน่นอน

ดังนั้นแล้ว มันคงถึงเวลาที่ลิเวอร์พูลต้องกลับมาย้อนดูแทคติกของพวกเขา บางทีมันอาจจะไม่เวิร์กแล้วก็ได้ในตอนนี้ หรือถ้าแทคติกยังดีแต่ปัญหาอยู่ที่นักเตะ ลิเวอร์พูลก็จำเป็นต้องหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม

โชคดีที่เรายังเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เมื่อลิเวอร์พูลกลับมาในครึ่งหลังและเล่นดีต่างจากครึ่งแรกโดยสิ่นเชิง บางทีพวกเขาอาจทิ้งเกมที่น่าอัปยศไว้แค่วันนี้ และพรุ่งนี้ก็กลับมาเป็นลิเวอร์พูลที่ดีอีกครั้งได้ก็ยังเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน 

แต่อย่าลืมความย่ำแย่ในนัดนี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป ไม่เช่นนั้น เราอาจได้เห็นภาพอันแสนเจ็บปวดใจอีกครั้ง กับผลงานที่ไม่เอาไหนของแข้งลิเวอร์พูลอีกครั้ง

The Sporting News

The Sporting News Photo

Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.